วันอาทิตย์ที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2559

บทความแด่พ่อหล่วง...พระราชกรณียกิจทางด้านการศึกษาของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช (ตอนที่ 1)

หลังจากที่ได้ลงบทความฉบับปฐมฤกษ์เกี่ยวกับวีซ่านักเรียนออสเตรเลียรูปแบบใหม่ไปในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา (สามารถหาอ่านกันได้ที่ http://visatalkbycpsydney.blogspot.com/2016/08/visa-talk-by-cp-sydney.html) ผลตอบรับที่ได้มาจากเพื่อนๆผู้อ่านก็ถือว่าเป็นที่น่าพอใจและดีกว่าที่คิดพอสมควรเลยทีเดียว จากที่เคยคิดไว้ว่าจะเขียนเล่นๆในช่วงที่งานไม่ยุ่งก็มีความตั้งใจว่าจะเขียนให้บ่อยขึ้นอย่างน้อยก็คงจะเป็นประจำทุกเดือน เพื่อเป็นความรู้ในการทำวีซ่าให้กับน้องๆเพื่อนๆที่สนใจมาศึกษาต่อยังในประเทศออสเตรเลีย ก็มีหลายเรื่องทีเดียวที่คิดไว้ว่าจะเขียนให้อ่าน แต่ก็ยังไม่มีเวลาสักที จนล่วงเลยมาถึงเดือนตุลาคมที่เรา "คนไทยทุกคน" ได้รับข่าวร้ายที่สุดในชีวิตก็ว่าได้ "การเสด็จสู่สวรรคาลัยของพ่อหลวง" มหาราชย์ผู้ที่เป็นยิ่งกว่าพระมหากษัตริย์ของเราปวงชนชาวไทยทุกคน จากที่ตั้งใจว่าจะเขียนเกี่ยวกับเรื่องวีซ่านักเรียนออสเตรเลียในเดือนนี้ คงจะต้องขออนุญาตเปลี่ยนหัวข้อของบทความที่จะตั้งใจเขียนในฉบับของเดือนตุลาคมนี้เป็นการเขียนรำลึกถึงพระราชกรณียกิจทางด้านการศึกษาของพระองค์ท่าน เพื่อเป็นการรำลึกถึงในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้และร่วมส่งท่านเสด็จสู่สวรรคาลัยของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช แทนนะครับ
“การศึกษาเป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างและพัฒนาความรู้ ความคิด ความประพฤติ และคุณธรรมของบุคคล หากสังคมและบ้านเมืองใดให้การศึกษาที่ดีแก่เยาวชนได้อย่างครบถ้วนในทุกๆ ด้านแล้ว สังคมและบ้านเมืองนั้นก็จะมีพลเมืองที่มีคุณภาพ สามารถดำรงรักษาความเจริญมั่นคงของประเทศชาติไว้ และพัฒนาก้าวหน้าต่อไปโดยตลอด” พระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ผู้ทรงตระหนักถึงความสำคัญของเยาวชนอันเป็นพื้นฐานที่สำคัญของประเทศชาติ

พ่อหลวงของเราทรงมีพระราชกรณียกิจทางด้านการศึกษาทั้งหมด 5 พระราชกรณียกิจด้วยกัน ได้แก่
  1. พระราชกรณียกิจด้านการศึกษาในระบบโรงเรียน
  2. พระราชกรณียกิจด้านการศึกษานอกโรงเรียน
  3. โครงการสารานุกรมไทยสำหรับเยาวชน
  4. การพัฒนาบุคคล
  5. พระบรมราโชวาทและพระราชดำริเกี่ยวกับการศึกษา
โดยในฉบับเดือนตุลาคมนี้น้าหนวดจะขอเขียนถึงแค่พระราชกรณียกิจด้านการศึกษาในระบบโรงเรียนของพระองค์ท่านเพียงด้านเดียวก่อนนะครับ แล้วในฉบับถัดๆไปจะเขียนถึงพระราชกรณียกิจด้านการศึกษาด้านอื่นๆมาให้อ่านกันอีกในภายหลังนะครับ


พระราชกรณียกิจด้านการศึกษาในระบบโรงเรียน
  • โรงเรียนจิตรลดา
โรงเรียนจิตรลดาเริ่มเปิดให้การเรียนการสอนครั้งแรกตั้งแต่ปี พ.. 2498 ในระดับชั้นอนุบาลภายในพระราชวังดุสิตอันเป็นที่ประทับขององค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิตติ์ในขณะนั้น ต่อมาในปี พ.ศ. 2501 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชได้พระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ให้ก่อสร้างอาคารเรียนถาวรขึ้นในบริเวณพระตำหนักจิตรลดารโหฐาน พระราชวังดุสิต เพื่อเป็นสถานศึกษาของพระราชโอรส พระราชธิดา บุตรหลานของพระบรมวงศานุวงศ์ มหาดเล็ก ข้าราชการบริหาร และบุคคลทั่วไป เนื่องด้วยทรงเห็นว่าการส่งพระราชโอรส พระราชธิดาไปเรียนโรงเรียนข้างนอก อาจไม่เหมาะสมและเป็นภาระแก่โรงเรียนและครู โดยนักเรียนที่ได้เข้าเรียนที่โรงเรียนจิตรลดาจะไม่ต้องเสียค่าเล่าเรียน รวมถึงได้พระราชทานเลี้ยงอาหารกลางวันและอาหารว่างตอนบ่าย นอกจากนี้นักเรียนที่เรียนดียังจะได้รับพระราชทานรางวัลจากพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชอีกด้วย นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชอย่างล้นพ้น เพราะนอกจากจะเป็นการแบ่งเบาภาระของรัฐบาลแล้ว ยังสามารถแก้ปัญหาการขาดแคลนสถานที่เรียนได้อีกด้วย และด้วยความที่เป็นโรงเรียนในพระบรมราชูปถัมภ์แห่งแรกในประเทศไทย พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชจึงได้ประทานพระบรมราโชบายเพื่อเป็นสิริมงคลแก่สถาบัน และเป็นคำสอนให้บุคคลากรไม่ว่าจะเป็นครูหรือนักเรียนนำไปประพฤติใช้เป็นแบบอย่างอีกด้วย
เนื้อความโดยสังเขปของพระบรมราโชบายก็จะกล่าวถึงพระราชโอรสและพระราชธิดา ครู และเอกลักษณ์ของนักเรียน คือ ทรงมีพระราชประสงค์ให้พระราชโอรสและพระราชธิดาทรงพระอักษรร่วมกับนักเรียนคนอื่น เพื่อที่จะได้รู้จักวางตัวได้อย่างเหมาะสมและมีเมตตาในการใช้ชีวิตร่วมกับผู้อื่น สำหรับครู มีพระราชประสงค์ให้เป็นตัวอย่างที่ดีแก่นักเรียน มีสำนึกของความเป็นครูในการนำความรู้ความสามารถมาสอนและพัฒนาความสามารถของนักเรียนเพื่อเป็นรากฐานที่ดีต่อสังคม และครูต้องไม่ถวายสิทธิพิเศษแด่พระราชโอรสและพระราชธิดา พระบรมราโชบายสุดท้ายสำหรับนักเรียนจิตรลดา คือ นักเรียนจิตรลดาต้องมีคุณธรรม มีความประพฤติที่ดี และควรจะมีความสามารถที่หลากหลายไม่ได้มีแค่ความสามารถทางวิชาการเพียงด้านเดียว
  • โรงเรียนราชวินิต
โรงเรียนราชวินิตได้ถือกำเนิดขึ้นจากการที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชทรงมีพระราชปรารภที่จะจัดตั้งโรงเรียนราชูปถัมภ์ ณ บริเวณสวนเพาะชำ วังสวนกุหลาบ เป็นโรงเรียนราษฎร์ระดับประถมศึกษาสำหรับนักเรียนที่เป็นบุตรหลานของข้าราชการสำนักพระราชวังโดยไม่เก็บค่าเล่าเรียน โดยได้เสด็จพระราชดำเนินทรงประกอบพิธีเปิดโรงเรียนเมื่อวันที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2511 และได้พระราชทานนามของโรงเรียนว่า “โรงเรียนราชวินิต” และพระราชทานความหมายของคำว่า “ราชวินิต” ว่า สถานที่อบรบกุลบุตร กุลธิดาให้เป็นคนเก่งแห่งพระบารมีปกเกล้าฯ
ครั้งหนึ่งยังทรงพระราชทานทรัพย์สินส่วนพระองค์เพื่อใช้เป็นทุนพระราชทานแก่นักเรียนที่มีผลการเรียนดี มีความประพฤติเรียบร้อย และยังทรงพระราชทานพระราชดำรัสว่า “การศึกษาของเด็กโดยเฉพาะอย่างยิ่ง การประถมศึกษาถือว่าอยู่ในชั้นสำคัญและจำเป็นสำหรับเด็กทุกคนด้วยเหตุนี้จึงมีพระราชบัญญัติการประถมศึกษาขึ้น เพื่อให้เด็กได้มีโอกาสเล่าเรียนตามหลักสูตรที่วางไว้ แต่ทั้งนี้ย่อมต้องอาศัยความรู้ความสามารถของครูที่เอาใจใส่พยายามอบรมบ่มนิสัยให้เด็กมีความรู้ มีศีลธรรม เพื่อให้เป็นพลเมืองของชาติต่อไปในภายหน้าด้วย”
  • โรงเรียนไกลกังวล
โรงเรียนไกลกังวลก่อตั้งขึ้นโดยพระบรมราชานุญาตในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2481 เพื่อให้การศึกษาแก่บุตรหลานของเจ้าหน้าที่ผู้รักษาวังไกลกังวล เปิดสอนชั้นเด็กเล็กไปจนถึงชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 และยังมีการเปิดสอนหลักสูตรวิชาระยะสั้นเพิ่มเติมด้วย ต่อมาได้อยู่ในพระบรมราชูปถัมภ์ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานอาคารที่พักกองรักษาการณ์วังไกลกังวลให้เป็นอาคารเรียนแทนอาคารไม้เก่าที่ชำรุดทรุดโทรมในปี พ.. 2497

ปัจจุบันเปิดสอนถึงระดับสารพัดช่าง วิชาชีพระยะสั้น และประกาศนียบัตรวิชาชีพช่างฝีมือ ทั้งหมด 17 แผนกวิชา เพื่อเป็นการสนองโครงการตามพระราชดำริเกี่ยวกับศิลปาชีพพิเศษ และเป็นที่ฝึกงานในชั่วโมงเรียนวิชาการวางพื้นฐานอาชีพด้วย นอกจากนี้พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชยังทรงพระราชทานเงินพระราชกุศลจากงบใช้สอยตามพระราชอัธยาศัยกว่า 1 ล้าน 2 แสนบาทต่อปี เพื่อช่วยในการลดรายจ่ายให้กับโรงเรียนอีกด้วย
  • โรงเรียนราชประชาสมาสัย
โรงเรียนราชประชาสมาสัยได้กำเนิดขึ้นจากพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชที่ทรงเล็งเห็นว่า บุตรธิดาของผู้ป่วยโรคเรื้อนได้รับเคราะห์กรรมจากบิดามารดาทำให้ไม่สามารถเข้าเรียนที่โรงเรียนใดได้เลย เนื่องจากมีพระราชบัญญัติควบคุมโรคติดต่อไม่ให้โรงเรียนรับบุตรธิดาผู้ป่วยโรคเรื้อนเข้าเรียน และถ้าปล่อยทิ้งไว้กับบิดามารดาก็จะทำให้ติดโรคได้ ทรงมีความห่วงใยชีวิตและอนาคตของเด็กเหล่านี้ จึงมีพระมหากรุณาธิคุณให้มูลนิธิราชประชาสมาสัยดำเนินการจัดสร้างโรงเรียนขึ้น และได้ทรงเสด็จพระราชดำเนินมากับสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ มาทรงพิธีเปิดโรงเรียนเมื่อวันที่ 16 มกราคม พ.. 2507
ต่อมาได้ดำเนินการจัดสร้างโรงเรียนในระดับมัธยมศึกษาผ่านมูลนิธิราชประชาสมาสัยเนื่องในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชครองสิริราชสมบัติครบ 25 ปี เพื่อเอาไว้รองรับนักเรียนที่จะจบการศึกษาจากโรงเรียนราชประชาสมาสัยให้มีแหล่งศึกษาต่อในระดับที่สูงขึ้น โดยได้พระราชทานนามเมื่อแรกสร้างว่า โรงเรียนราชประชาสมาสัยรัชดาภิเษก แต่ในภายหลังได้มีการเปลี่ยนชื่อเป็น โรงเรียนราชประชาสมาสัย ฝ่ายมัธยม รัชดาภิเษก ในพระบรมราชูปถัมภ์ เมื่อวันที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2528
  • โรงเรียน ภ... ราชวิทยาลัยในพระบรมราชูปถัมภ์
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5) มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้กระทรวงธรรมการจัดตั้งโรงเรียนหลวงสำหรับอยู่ประจำขึ้นโปรดให้จัดการศึกษาแบบ Public School ของอังกฤษ โดยให้มีระบบการศึกษาทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ เพื่อฝึกหัดกุลบุตรให้เป็นสุภาพบุรุษ และพระราชทานนามภาษาไทยว่า “โรงเรียนราชวิทยาลัย” หรือเรียกเป็นภาษาอังกฤษได้ว่า King’s College” ต่อมาในปี พ.. 2469 ด้วยสภาวะเศรษฐกิจตกต่ำอันเป็นผลพวงมาจากสงครามโลกครั้งที่ 1 พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 7) จึงโปรดเกล้าฯ ให้ยกโรงเรียนราชวิทยาลัยไปรวมกับโรงเรียนมหาดเล็กหลวงและโรงเรียนพรานหลวง และได้พระราชทานนามใหม่ว่า “โรงเรียนวชิราวุธวิทยาลัย” ในปี พ.. 2474
อย่างไรก็ตามในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชได้พระราชทานพระบรมราชวินิจฉัยในการก่อตั้งโรงเรียนขึ้นมาใหม่ โดยขอใช้สถานที่ของโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา สามพราน เดิมจากกระทรวงศึกษาธิการ อีกทั้งยังทรงพระราชทานอักษรพระปรมาภิไธยย่อ (ภ...) นำหน้าชื่อโรงเรียนราชวิทยาลัย และทรงรับไว้ในพระบรมราชูปถัมภ์ เป็นที่มาของชื่อโรงเรียนในปัจจุบัน “โรงเรียน ภ... ราชวิทยาลัยในพระบรมราชูปถัมภ์” ปัจจุบันรับนักเรียนชาย และเปิดทำการสอนในสายสามัญศึกษาตั้งแต่ระดับประถมศึกษาปีที่ 5 ถึงระดับมัธยมศึกษาปีที่ 6 โดยนักเรียนทุกคนต้องอยู่ประจำในหอพักของโรงเรียน ซึ่งเรียกว่าบ้าน มีทั้งหมด 4 บ้าน ได้แก่ สีแสด สีเหลือง สีม่วง และสีแดง ตามสีประจำวันประสูติของสมเด็จพระเจ้าลูกเธอและสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอทั้ง พระองค์ เพื่อฝึกอบรมให้นักเรียนมีศีลธรรม และวัฒนธรรมอันดีงาม มีพลานามัยสมบูรณ์ จิตใจเป็นสุข มีระเบียบวินัย เคารพผู้ใหญ่ มีความรักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และพึ่งตนเองได้
  • มูลนิธิการศึกษาทางไกลผ่านทางดาวเทียม
การศึกษาทางไกลผ่านทางดาวเทียม ถือกำเนิดจากสำนักงานเลขาธิการพระราชวังได้เสนอแนะเป็นเบื้องต้นที่จะนำเทคโนโลยีในการจัดการเรียนการสอนผ่านระบบโทรคมนาคมมาใช้กับโรงเรียนในโครงการตามพระราชดำริ เช่น โรงเรียนวังไกลกังวล และโรงเรียนในสังกัดกรมสามัญศึกษา โดยร่วมกับองค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทยและบริษัทชินวัตร แซทเทิลไลท์ จำกัด (มหาชน) ในปี พ.ศ. 2538 เพื่อเป็นโครงการเฉลิมพระเกียรติปีกาญจนาภิเษกของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และถวายเป็นพระราชกุศลแด่สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี เพื่อพัฒนากระบวนการเรียนการสอนให้ก้าวหน้าและมีประสิทธิภาพ ช่วยโรงเรียนที่ขาดแคลนครูสาขาวิชาต่างๆ และช่วยโรงเรียนที่อยู่ห่างไกลได้รับโอกาสเท่าเทียมกับโรงเรียนในเมือง โดยมีโรงเรียนวังไกลกังวลเป็นแม่ข่าย ทรงพระราชทานทุนทรัพย์ในการดำเนินการในชั้นแรกกว่า 50 ล้านบาทเป็นทุนประเดิม และได้รับความร่วมมือจากหน่วยงาน บริษัท ตลอดจนบุคคลทั่วไปเป็นจำนวนมาก โดยมีกระทรวงศึกษาธิการเป็นผู้ตั้งงบประมาณสนับสนุนเป็นรายปีทุกปี
ต่อมาในปี พ.ศ. 2539 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชทรงพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้จัดตั้งสถานีส่งโทรทัศน์เพื่อการนี้ขึ้นที่โรงเรียนวังไกลกังวล และมีการจัดตั้งเป็นมูลนิธิขึ้นเพื่อบริหารงาน โดยใช้ชื่อว่า "มูลนิธิการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียมมีสำนักงานอยู่ที่อาคารกรมสามัญศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ โดยได้รับพระราชทานพระบรมราชานุญาตเป็นกรณีพิเศษให้ใช้ตราสัญลักษณ์กาญจนาภิเษกเป็นเครื่องหมายของมูลนิธิ ทำให้ผลลัพธ์ในเชิงปริมาณ คือทำให้สถานศึกษาทุกสังกัดจัดการศึกษาในระบบชั้นเรียนมีโอกาสขยายการดำเนินงานได้กว้างขวางมากขึ้น ทางด้านคุณภาพทำให้นักเรียนชนบทห่างไกลมีโอกาสได้รับความรู้และศึกษาเล่าเรียนกับเหมือนกับนักเรียนในเมือง รวมถึงประชาชนผู้สนใจใฝ่หาความรู้เพิ่มเติมก็สามารถเข้าร่วมโครงการได้อีกด้วย
  • โรงเรียนเจ้าพ่อหลวงอุปถัมภ์
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชทรงไม่ได้เป็นพระมหากษัตริย์ผู้ให้การอุปถัมภ์ทางด้านการศึกษาแก่พระราชโอรส พระราชธิดา บุตร-ธิดาของข้าราชบริพาร และบุคคลทั่วไปเท่านั้น พระองค์ยังทรงเมตตาและให้ความสำคัญต่อเยาวชน และพสกนิกรที่เป็นชาวไทยภูเขาหรืออาศัยอยู่ในท้องถิ่นชายแดนห่างไกลการคมนาคม โดยพระองค์ได้พระราชทานพระราชทรัพย์ร่วมสร้างโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนเพื่อสอนหนังสือให้แก่ชาวเขาและประชาชนที่อยู่ในถิ่นทุรกันดาร ทรงพระราชทานนามว่า "โรงเรียนเจ้าพ่อหลวงอุปถัมภ์" ที่ให้การศึกษาในระดับก่อนประถมและประถมศึกษา ทำให้เยาวชนเหล่านี้ได้มีโอกาสเรียนรู้หนังสือไทย ขนบธรรมเนียม ประเพณี และวัฒนธรรมไทย อีกทั้งยังสามารถปลูกฝังสร้างสำนึกความเป็นไทยให้ชาวเขาได้มากยิ่งขึ้น ซึ่งมีผลต่อความมั่นคงและปลอดภัยของชาติ ซึ่งแรกเริ่มโรงเรียนเจ้าพ่อหล่วงอุปถัมภ์ได้อยู่ในความรับผิดชอบของกองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน แต่ต่อมาในภายหลังเมื่อท้องถิ่นต่างๆมีความเจริญมากขึ้น ทำให้หน่วยงานของรัฐฯสามารถเข้าไปดำเนินการและรับผิดชอบโดยตรงได้เอง โรงเรียนเจ้าพ่อหลวงอุปถัมภ์ทั้ง 10 โรงเรียนในปัจจุบันจึงขึ้นตรงต่อหน่วยงานราชการในพื้นที่นั้นๆ
  • โรงเรียนร่มเกล้า
โรงเรียนร่มเกล้า เป็นอีกสถาบันพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชทรงเล็งเห็นถึงความสำคัญถึงความสำคัญของเยาวชนที่อยู่ในถิ่นทุรกันดาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อนับย้อนไป 40 กว่าปีก่อน พื้นที่ทางเขตชายแดนทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย ยังเป็นดินแดงที่ห่างไกลความเจริญและไม่มีสถาบันการศึกษาเปิดสอนมากมายนัก ทำให้เยาวชนของชาติถูกชักจูงไปเข้าร่วมกับกลุ่มที่มีอุมการณ์ที่แตกต่างทางการเมือง
ด้วยเหตุผลดังกล่าว พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชจึงได้พระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์เพื่อก่อสร้างโรงเรียนที่บ้านหนองแดนเพื่อให้การศึกษาและป้องกันไม่ให้เยาวชนถูกชักจูงไปในทางที่ผิด และทรงพระราชทานนามโรงเรียนว่า "โรงเรียนร่มเกล้า" โดยในปัจจุบันมีมากกว่า 10 โรงเรียนในพื้นที่ทุรกันดารตามแถบภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และมีหลักสูตรทางด้านวิชาชีพเสริมเพิ่มเติมเข้ามาอีกด้วย ไม่ได้มีเพียงแค่หลักสูตรประถมและมัธยมศึกษา อันเป็นพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชที่ต้องการส่งเสริมให้พสกนิกรมีอาชีพสุจริตในการประกอบการทำมาหากินเพื่อเลี้ยงครอบครัวได้
  • โรงเรียนสงเคราะห์เด็กยากจน
ตามที่ได้เห็นพระราชกรณียกิจทางด้านการศึกษาที่ผ่านมาของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชที่ผ่านมา จะเห็นได้ว่าพระองค์ทรงให้ความสำคัญกับพสกนิกรและเยาวชนในทุกระดับชนชั้นไม่เว้นแม้แต่เด็กยากจนที่ขาดที่พึ่งและอาศัยอยู่ในถิ่นทุรกันดาร จึงทรงรับสั่งโปรดเกล้าให้จัดตั้งโรงเรียนขึ้นในวัดเป็นประเภทโรงเรียนราษฎร์ โดยให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นผู้จัดการโรงเรียน และขอความร่วมมือจากคณะสงฆ์ในการช่วยอุปถัมภ์ผู้ทรงคุณวุฒิเป็นผู้ประศาสตร์วิชาความรู้ให้แก่นักเรียน โดยในปัจจุบันมี 3 โรงเรียนที่ได้รับพระราชทานทุนทรัพย์จากพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชในการก่อตั้งและจัดการธุรกรรมต่างๆของโรงเรียน ได้แก่ โรงเรียนมัธยมวัดศรีจันทร์ประดิษฐ์ โรงเรียนนนทบุรีวิทยา และโรงเรียนวัดบึงเหล็ก
  • โรงเรียนที่ต้องการความช่วยเหลือตามความจำเป็นเร่งด่วน
เรียกได้ว่าเป็นพระราชกรณียกิจทางด้านการศึกษาอันล่าสุดก็ว่าได้ โดยเกิดขึ้นมาจากมหาวาตภัยที่แหลมตะลุมพุก อำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช ในปี พ.ศ. 2505 ที่สร้างความเสียหายกว่า 12 จังหวัดทั่วภาคใต้ ด้วยความห่วงใยที่มีต่อพสกนิกรผู้ประสบภัยทั้งหลายพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เชิญชวนผู้มีจิตศรัทธาที่ต้องการช่วยเหลือผู้ประสบภัยทั้งหลายมาช่วยกันบริจาคทรัพย์และสิ่งของสาธารณูปโภคทั้งหลาย พร้อมทั้งพระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์โดยเสด็จพระราชกุศลแด่กระทรวงศึกษาธิการในกาก่อสร้างโรงเรียนประชาบาลที่ถูกพายุพัดพังทั้งหลาย โดยโปรดเกล้าให้พระราชทานนามโรงเรียนทั้ง 12 โรงเรียนว่า "โรงเรียนราชประชานุเคราะห์" ตามจังหวัดต่างๆทั้ง 6 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดกระบี่ จังหวัดชุมพร จังหวัดนครศรีธรรมราช จังหวัดนราธิวาส จังหวัดสงขลา และจังหวัดสุราษฎร์ธานี
ต่อมาในภายหลัง ทรงโปรดเกล้าฯ ให้มีการจัดตั้งมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ร่วมกับจังหวัดที่ประสบภัยอื่น และมีการสร้างโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ เพิ่มเติมอีก 6 แห่ง ใน 4 จังหวัดดังนี้ จังหวัดอุตรดิตถ์ จังหวัดหนองคาย จังหวัดเชียงราย และจังหวัดมหาสารคาม โดยโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ได้อยู่ภายใต้การดูแลของกรมสามัญศึกษา และมีมากกว่า 30 แห่งทั่วประเทศ


นี่ก็เป็นเพียงแค่พระราชกรณียกิจทางด้านการศึกษาด้านแรกของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชที่ทรงให้ความสำคัญเกี่ยวกับการศึกษาในระบบโรงเรียน...เดี๋ยวในฉบับถัดไปทางทีมงาน CPSydney จะมาเขียนถึงพระราชกรณียกิจทางด้านการศึกษาด้านอื่นๆให้น้องๆเพื่อนๆได้อ่านกันอีกนะครับ

"ขอพระองค์ทรงเสด็จสู่สวรรคาลัย...ขอน้อมเกล้าน้อมกระหม่อมรำลึกถึงในพระมหากรุณาธิคุณอย่างที่สุดมิได้"

#ทีมงานCPSydney