วันอังคารที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2561

MyFutureMyCP: MEGT Institute เลี้ยงเด็กกันมั๊ยหล่ะ

กลับมาอีกล้าววว...ตามสัญญาว่าตลอดปี 2018 นี้ VisaTalk by CPSydney ของเราจะมีคอลัมน์ MyFutureMyCP แนะนำสถาบันมาให้อ่านกันทุกๆเดือน และในฉบับเดือนพฤษภาคมนี้น้าหนวดก็จะพาน้องๆเพื่อนๆไปรู้จักกับสถาบันที่มีจุดขายอยู่ที่หลักสูตร Early Childhood Education and Care กันครับ เผื่อน้องๆคนไหนที่มีจิตใจโอบอ้อมอารีรักเด็กจะได้มีตัวเลืิอกของการเรียนเพิ่มขึ้นในหลักสูตรนี้

MyFutureMyCP 2018/2 ในฉบับนี้เราจะไปกันอย่างรวดเร็ว ไม่ต้องเสียเวลาอารัมภบทอะไรกันเยอะแยะให้มากความ สำหรับสถาบันที่เราจะพูดถึงในฉบับนี้ก็คือ MEGT Institute นั่นเองครับ เชื่อว่าก็น่าจะมีเพื่อนๆน้องๆนักเรียนหลายคนเป็นจำนวนไม่น้อยที่อาจจะรู้จักสถาบันแห่งนี้กันบ้างแล้ว แต่วันนี้น้าหนวดจะพาไปทำความรู้จัก MEGT Institute เพิ่มเติมว่า โรงเรียนนี้มีดีอะไร และทำไมถึงควรจะเรียนหลักสูตร Early Childhood Education and Care ที่สถาบันแห่งนี้กันครับ
เห็นว่าเป็นโรงเรียนเอกชนธรรมดาทั่วไปแบบนี้ รู้หรือไม่ว่า MEGT Institute เนี่ยะเขาเปิดมานานกว่า 36 ปีละนะ ย้อนกลับไปก็นู่นนนเลย ปี 1982 ที่โรงเรียนได้ถูกก่อตั้งขึ้น และกว่า 36 ปีในอุตสาหกรรมการศึกษาของออสเตรเลียที่เน้นสอนแต่ในหลักสูตร Early Childhood Education and Care เพียงอย่างเดียว ทำให้ทั้งสถาบันและหลักสูตรได้รับการรับรองจาก Registered Training Organisation (RTO) ว่า "เป็นสถาบันผู้เชี่ยวชาญทางด้านหลักสูตร Early Childhood Education and Care" โดยเฉพาะ ส่งผลให้นักเรียนจากกว่า 30 ประเทศทั่วโลกที่มีความสนใจในเรื่องของหลักสูตรที่เกี่ยวกับเด็ก และต้องการจะมาศึกษาต่อที่ออสเตรเลีย จะนึกถึง MEGT Institute เป็นอันดับต้นๆ และตัดสินใจที่จะมาเรียนกับสถาบันแห่งนี้ทั้งที่ Sydney และ Melbourne

คราวนี้มาดูกันต่อในเชิงลึกว่าสถาบันแห่งนี้มีหลักสูตรให้เรียนในระดับใดบ้าง ต้องเรียนกี่วันต่อสัปดาห์ มีระยะเวลานานแค่ไหนในแต่ละระดับ และสามารถเข้าเรียนได้ในช่วงไหนบ้าง ซึ่งในฉบับนี้จะให้มานั่งเขียนยาวเป็นพรืดดด ก็คงไม่มีใครอยากจะอ่านกันหรอก (ตามสถิติเขาบอกไว้ว่าคนไทยอ่านหนังสือไม่เกิน 8 บรรทัดต่อวัน) นี่ก็เกินมาเยอะละนะ555 น้าหนวดก็เลยขอว่าตามสถิติที่นายกฯตู่ไม่ได้กล่าวไว้ ด้วยการเอารูปรายละเอียดต่างๆมาให้ดูกันเองเลยละกัน จะได้เข้าข่ายสำนวนที่ว่า "Actions Speak Louder Than Words หรือที่มีความหมายว่า การกระทำสำคัญกว่าคำพูด" นั่นเอง เป็นไงหล่ะมีแอบสอดแทรกสอนภาษาอังกฤษด้วยนะ เท่ห์ชะมัดเลย555

จากรูปข้างบน ก็จะเห็นได้ว่ามันตอบคำถามได้ชัดเจนในทุกข้อที่ถามไปก่อนหน้านี้หมดแล้ว รวมถึงยังบอกด้วยซ้ำว่ามีการเรียนการสอนทั้งแบบ face-to-face class และ online study ที่น้องๆหนูต้องเข้าไป login อย่างน้อย 5 ชั่วโมงต่อสัปดาห์...นอกจากนี้ยังบอกจำนวน work placement อีกด้วย พร้อมทั้งว่าต้องมีผลภาษาอังกฤษที่ระดับใดถึงจะเริ่มเรียนในหลักสูตรของสถาบันได้ เสียอย่างเดียว ดั๊นนน มุบมิบไม่ยอมบอกราคาค่าเรียนนี่หน่ะสิ555 แต่ไม่ต้องห่วง น้าหนวดซะอย่าง อยากได้ต้อง อยากรู้ต้องรู้ รู้เรื่องชาวบ้านมากกว่าเรื่องตัวเองก็น้าหนวดนี่แหล่ะจร่ะ ถุยยย ไปดูค่าเรียนกันดีกว่าว่ามีสนนราคาอยู่ที่เท่าไหร่กันบ้าง
  • Certificate III in Early Childhood Education and Care A$6,130
  • Diploma of Early Childhood Education and Care A$16,630
  • Package offer: Certificate III in Early Childhood Education and Care A$18,930
อันนี้จะเป็นราคาทั้งของที่ Sydney และ Melbourne Campus เลยนะครับ แล้วก็ถ้าคำนวณออกมาเป็นต่อเทอมทุกๆ 2-3 เดือนแล้วเนี่ยะ ค่าเทอมของ MEGT Institute ก็จะตกอยู่ที่ประมาณ A$2,000 เท่านั้นเองครับ โดยผิวเผินอาจจะดูแพงกว่าคอร์สธุรกิจทั่วไป ซึ่งก็ใช่อันนี้ไม่เถียงครับ แต่อย่าลืมว่าราคานี้นี่รวมโปรแกรมฝึกงาน Work Placement เข้าไปแล้วด้วยนะ อย่าลืมว่าคอร์สธุรกิจทั่วไปมันไม่ได้มีให้ไปฝึกงานนะเด้อออ

มาดูกันต่อกับ "5 เหตุผลที่นางงามรักเด็กอย่างออเจ้าทั้งหลาย ควรจะเลือกเรียนหลักสูตร Early Childhood Education and Care ที่ MEGT Institute"
  1. มีภาพจำที่ชัดเจน คือ MEGT Institute เป็นสถาบันคุณภาพที่รู้จักกันในวงกว้างว่าเป็นสถาบันที่เชี่ยวชาญเรื่อง Early Childhood Education and Care โดยเฉพาะ
  2. น้นการฝึกฝน และปฏิบัติจริง เพื่อให้นักเรียนมีทักษะที่พร้อมต่อการปฏิบัติจริงในช่วง work placement program และการทำงานในอนาคต
  3. Network or Connection!! กว่า 36 ปีในวงการ Early Childhood Education and Care จึงไม่แปลกใจเลยว่า MEGT Institute จะมี CONNECTION กับ childcare centres มากกว่า 500 แห่งทั้งใน Sydney และ Melbourne เพื่อที่จะส่งนักเรียนของตัวเองเข้าไปฝึกงานในช่วง work placement program ที่อาจจะนำไปสู่อาชีพการงานได้ในอนาคต
  4. บุคลากรที่เพียบพร้อม ทั้งองค์ความรู้ในด้านการสอนที่เปี่ยมไปด้วยประสบการณ์ และมีคุณวุฒิที่เหมาะสม ที่พร้อมจะทำให้นักเรียนที่อยากเอาดีทางด้านนี้ประสบความสำเร็จ
  5. ตารางเรียนที่ยืดหยุ่น เอื้อต่อการทำงาน part-time ใน childcare centre ณ ตอนเรียน

เอาจริงๆนะ แบบไม่ได้อวยเลย คือ ทุกวันเนี่ยะ มีสถาบันเยอะมากในออสเตรเลีย โดยเฉพาะในซิดนีย์ แต่มีเพียงไม่กี่สถาบันที่มีเพียงหลักสูตรเดียวที่เปิดให้นักเรียนต่างชาติเรียน แล้วสามารถอยู่รอดในตลาดอุตสาหกรรมการศึกษามายาวนานเกือบ 40 ปีเหมือนที่ MEGT Institute ทำได้ เพราะฉะนั้นคงไม่ต้องบอกว่าที่นี่เขาเส้นใหญ่ขนาดไหน #หยอกหยอก (จะดีอยู่แล้วเชียว นี่ก็ตลกไม่ดูเวลาเลย) คือ คงไม่ต้องบอกว่าที่นี่เขาเป็นตัวจริงขนาดไหน ถ้าไม่แน่หรือเจ๋งจริงคงไม่อยู่รอดปลอดภัยด้วยเพียงแค่หลักสูตรเดียวมาได้อย่างยาวนานขนาดนี้ และนอกจากจะเป็นตัวจริงเสียงจริงในเรื่องของหลักสูตรเกี่ยวกับการเลี้ยงเด็กแล้ว ทางสถาบันก็ยังให้ความสำคัญในเรื่องของคุณธรรมและจริยธรรมอีกด้วย อีกทั้งยังปลูกฝังให้นักเรียนมีความรัก เอาใจใส่ และปฏิบัติต่อเด็กในศูนย์เสมือนเป็นบุตรหลานของตัวเอง
และด้วยความที่สถาบันต้องการผลิตบุคลากรที่คุณภาพออกไปสู่ตลาดแม่นมใน childcare centre ต่างๆในออสเตรเลีย ทำให้สถาบันเองก็มีความเข้มงวดกับการบ้าน และกิจกรรมต่างๆที่เกี่ยวข้องกับการเรียนการสอนพอสมควร ซึ่งจุดนี้ก็มองได้เป็นทั้งข้อดีและข้อเสีย เพราะบางคนก็ไม่ชอบที่จะเรียนแบบเข้มงวดหรือจริงจังจนเกินไป และถ้าไม่ได้มีใจรักทางด้านนี้จริงๆ ก็คงจะไม่แฮปปี้กับสถาบันแห่งนี้หรอก ในทางกลับกันจากประสบการณ์ตรงของน้องนักเรียนของเราที่ชอบและมีใจรักทางด้านนี้จริงๆ น้องคนนี้ก็ยอมรับกับเราตรงๆว่าเรียนโหดเหมือนกันนะพี่ คือบอกได้เลยว่า ใจรักอย่างเดียวไม่พอ ต้องมีทั้งกายและใจที่พร้อมมาก555 และถ้าใครก้าวผ่านตรงนี้ไปได้ มากกว่า 50% ของจำนวนนักเรียนทั้งหมดก็สามารถหางานทำใน childcare centre ได้อย่างสบายตัวเลยจร้าาา และอย่างที่หลายๆคนทราบดีว่า Childcare Centre Manager อยู่ในลิสต์ MLTSSL ที่สามารถต่อยอดขอ PR ได้ เพราะฉะนั้นถ้าใครจะเอาดีทางด้านนี้จริงๆ ก็ถือว่าหลักสูตร Early Childhood Education and Care ก็เป็นหลักสูตรนึงที่น่าสนใจมากเลยเหมือนกันครับ

ก็หวังว่าบทความในฉบับนี้จะเป็นประโยชน์กับหลายๆคนไม่มากก็น้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่อยากจะยื่น PR ในอนาคต แต่จะให้เป็นนักบัญชีก็ไม่ไหว หรือให้ไปเรียนเป็น chef ก็ไม่เอา ทางเลือกนี้ก็ถือได้ว่าเป็นอีกตัวเลือกหนึ่งที่น่าสนใจไม่น้อยกว่าการหาหลัว หรือหาคู่ครองแล้วรอให้เขาทำ partner visa ให้เลยครับ

ส่งท้ายฉบับนี้ด้วยโปรโมชั่นดีๆระหว่าง CPSydney office กับ MEGT Institute รวมทั้ง ABILITY English กันอย่างเช่นเคย...พิเศษสุด!! สำหรับน้องๆนักเรียนที่สมัครเรียนกับ MEGT Institute หรือ ABILITY English และเลือกเรียนที่ Sydney Campus ผ่านทาง CPSydney office รับไปเลย Enrolment Fee Waiver "ไม่ต้องเสียค่าสมัครเรียน" มูลค่า A$220 จากทาง CPSydney office จร้าาา...หากใครสนใจข้อมูลของหลักสูตรเพิ่มเติมก็แจ๊ะไปตามลิงค์ที่แปะไว้ให้ตรงนี้ได้เลยนะครับ www.megtinstitute.com.au หรือจะทักทายกันมาที่ Facebook Page https://www.facebook.com/cpsyd/ ก็ได้นะครับ ไม่งั้นก็โทรมาก็ได้ +61 2 9267 8522 สะดวกทางไหนก็เอาทางนั้นละกัน สำหรับฉบับเดือนพฤษภาคมนี้น้าหนวดต้องขอลาไปก่อน แล้วเจอกันใหม่เดือนหน้านะครัชชช

#ด้วยความปรารถนาดีจากCPSydney
#น้าหนวด

วันพฤหัสบดีที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2561

อีกหน่อยจะทำวีซ่าให้พ่อแม่ก็ (อาจ) จะไม่ง่ายเหมือนที่เคยทำกันละนะ

พฤษภาคมจ๋าาา น้าหนวด มาแล้วจร้าาา...ขอต้อนรับกลับเข้าสู่ VisaTalk by CPSydney Online Version กันอีกครั้งครับ บทความเดียวที่จะทำให้เรื่องเครียดๆกลายเป็นเรื่องไร้สาระภายในชั่วพริบตา555 #หยอกหยอก

ก่อนจะไปเข้าสู่ใจความหลักของหัวข้อในวันนี้ น้าหนวดก็อยากจะมาเตือนให้ทราบกันอีกครั้งว่า อย่าได้ริบังอาจยื่นวีซ่าเข้าไปก่อนโดยที่ยังมีเอกสารไม่ครบตามที่อิมฯเขาลิสต์ไว้ให้นะครับ เพราะในช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา CPSydney office ของเราได้มีคนเข้ามาขอคำปรึกษาเพราะโดนวีซ่าปฏิเสธกันเยอะพอสมควร และเคสส่วนใหญ่ที่โดนปฏิเสธก็ต่างโอดครวญเป็นเสียงเดียวกันว่า "ทำไมอิมฯไม่เห็นขอเอกสารเพิ่มเติมก่อนที่จะปฏิเสธเลย" คือ อยากให้ทำความเข้าใจกันก่อนนิดนึงว่าเวลาที่เรากรอกวีซ่าไปจนถึงหน้าสุดท้ายแล้วเนี่ยะ เขาจะมีลิสต์เอกสารที่เขาต้องการก่อนที่เราจะ submit ซึ่งเอกสารเหล่านั้นจะเป็นเอกสารที่ "ต้อง" แนบเข้าไปทั้งสิ้น นอกจากนี้อิมฯก็ได้ออกนโยบายมาสักพักแล้วว่า ข้อมูลหรือเอกสารต่างๆจะต้อง COMPLETE AT THE TIME OF APPLICATION เพราะฉะนั้นด้วยเหตุผลทั้งปวงด้วยประการฉะนี้ ทำให้อิมฯมีสิทธิ์โดยชอบธรรมที่จะสามารถปฏิเสธวีซ่าโดยที่ไม่ต้องขอเอกสารเพิ่มเติมแต่อย่างใดครับ...คือที่เขียนประเด็นนี้ขึ้นมาให้เข้าใจ ไม่ได้มีเจตนาจะซ้ำเติมคนที่ถูกปฏิเสธแต่อย่างใดนะครับ แค่ต้องการชี้ให้เห็นถึงที่มาและที่ไป เพราะจริงอยู่ว่าบางเคสอิมฯเขาก็ขอเอกสารเพิ่มเติมก่อนที่ GRANT หรือ REFUSE เหมือนกัน เพราะฉะนั้นทางที่ดีเราควรจะเช็คหรือสอบถามกับทางเอเจนท์ (รวมถึง CPSydney office ของเราเช่นกัน) ที่เลือกใช้กันอีกครั้งก่อนที่จะยื่นวีซ่าด้วยว่ามีเอกสารบังคับที่อิมฯต้องการครบแล้วหรือยัง ไม่งั้นอาจจะต้องมานั่งน้ำตาตกในถูกปฏิเสธโดยที่อิมฯไม่ขอเอกสารเพิ่มเติม ทั้งๆที่จริงก็มีเอกสารประกอบอื่นๆพร้อมส่งให้เอเจนท์แนบเข้าไปเหมือนหลายๆเคสที่เข้ามาปรึกษากับเราในเดือนที่ผ่านมาก็ได้ อย่าไปหลงเชื่อกับคำพูดที่บอกว่า "ยื่นๆเข้าไปก่อน เดี๋ยวมีอะไรตามมาทีหลังได้ละค่อยแนบเพิ่มเข้าไป" ถ้ามันแนบไม่ทันก็พังอย่างที่เห็นนี่แหล่ะครับ #เพราะรักหรอกนะคะถึงเตือน

จบเรื่องที่อยากจะเตือนละ คราวนี้มาเข้าสู่เนื้อหาหลักตามหัวข้อที่บอกกันไว้บ้างดีกว่า...

คือว่า เมื่อช่วงต้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาไม่นานเนี่ยะ ทาง Department of Social Services ได้ออกมาประกาศข่าวร้ายสำหรับคนที่ต้องการทำวีซ่าครอบครัวโดยเฉพาะอย่างยิ่งการทำวีซ่าให้กับคุณพ่อคุณแม่ (Parent Visa และ Contributory Parent Visa) ว่าจะมีการปรับโครงสร้างเพิ่มจำนวนของเงินค้ำประกัน หรือจำนวนเงินที่ต้องโชว์ (Assurance of Support) และเพิ่มฐานเงินเดือนสำหรับคนที่ต้องการจะทำวีซ่าตัวดังกล่าวให้คุณพ่อคุณแม่อีกด้วย โดยฐานเงินเดือนใหม่สำหรับการสปอนเซอร์คุณพ่อหรือคุณแม่ท่านใดท่านหนึ่งให้เป็น PR จาก Contributory Parent Visa จะอยู่ที่อย่างน้อย A$57,896.30 ตลอดระยะเวลา 2 ปีก่อนที่จะทำการยื่นวีซ่าให้กับคุณพ่อหรืิอคุณแม่ แต่ถ้าต้องการจะสปอนเซอร์ให้ทั้งคุณพ่อและคุณแม่มาเป็น PR ภายใต้เงื่อนไขของวีซ่าตัวนี้ก็จะต้องมีรายได้อย่างน้อย A$86,844.45 ในตลอดระยะเวลา 2 ปีก่อนที่จะยื่นวีซ่า ถ้ามีจำนวนเงินดังกล่าวไม่ถึงตามที่กำหนดทั้งแบบสปอนเซอร์มาท่านเดียวหรือสองท่านก็ตาม ก็จะไม่ผ่านในเงื่อนไขของเจ้าตัว Assurance of Support และอาจมีผลทำให้วีซ่าของคุณพ่อคุณแม่ไม่ผ่านได้เหมือนกันครับ โดยตัวเลขฐานเงินเดือนตัวใหม่นี้จะมีผลบังคับใช้กับ Family Visa ทุกประเภท แต่ในส่วนของการทำวีซ่าให้ลูกพวก Child Visa, Orphan Relative, หรือ Adoption จะไม่ได้มีผลบังคับใช้แต่อย่างใด แต่อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่อิมฯก็มีสิทธิ์ขอดูเอกสารในเรื่องรายได้ของผู้สปอนเซอร์ได้ในภายหลังเช่นกันครับ

นอกจากในเรื่องของฐานเงินเดือนของผู้สปอนเซอร์แล้ว ยังมีการเพิ่มจำนวนเงินค้ำประกันสำหรับวีซ่าพ่อแม่แบบสมทบทุน (Contributory Parent Visa: Subclass 143) อีกด้วย แต่จะยังไม่มีผลบังคับใช้จนกว่าจะถึงวันที่ 1 เมษายน 2019 โดยรายละเอียดของการเพิ่มเงินค้ำประกันจะเป็นดังต่อไปนี้
เพราะฉะนั้นหากใครที่กำลังคิดว่าจะวางแผนทำวีซ่าให้คุณพ่อคุณแม่แล้วหล่ะก็ อยากจะให้วางแผนล่วงหน้ากันนิดนึง โดยเฉพาะเรื่องการเงิน คือเอาจริงๆก็รู้แหล่ะว่าส่วนใหญ่ที่จะทำวีซ่าตัวนี้กันก็อาจจะไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องการเงินกันสักเท่าไหร่หรอก ส่วนใหญ่จะมีก็แต่เรื่องของเอกสารที่ต้องพิสูจน์เรื่องเงินเดือนกันซะมากกว่า เพราะ Assurance of Support ถือเป็นอีกปัจจัยที่มีความสำคัญและมีผลต่อวีซ่าไม่น้อยไปกว่าเอกสารประกอบอื่นๆเลยครับ หากใครอยากลองอ่านข้อมูลเองเพิ่มเติมก็สามารถกดไปที่ลิงค์นี้ได้เลยนะครับ https://www.dss.gov.au/living-in-australia-and-overseas/updates หรือถ้าอยากต้องลองคำนวณเงินค้ำประกันเองเล่นๆก็แจ๊ะไปที่เวบของ Centrelink ที่เป็นหน่วยงานของรัฐบาลตามลิงค์ที่แปะไว้ให้ตรงนี้ได้เลย https://www.centrelink.gov.au/custsite_aoscalc/aoscalc/financialCalPage.jsf?prg_id=e692cddfc8874a148220afda24d3136f&wec-appid=aoscalc&page=D6A8C3632D6A43798B75AB1A8F69682B&wec-locale=en_US#stay

สุดท้ายแล้วของฉบับนี้ ย้ำเตือนกันอีกทีสำหรับคนที่สามารถยื่นขอสัญชาติออสเตรเลีย (Australian Citizenship) ได้แล้วว่าอย่าลืมรีบๆยื่นกันนะจ๊ะ เพราะถ้ายังจำกันได้ตั้งแต่ปีที่แล้วที่แว่วมาว่าอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขของการยื่นขอสัญชาติออสเตรเลียอีกรอบในเดือนกรกฎาคมที่จะถึงนี้ เพราะฉะนั้นถ้าใครยื่นได้แล้ว ก็รีบๆยื่นกันไปเห๊อะ เดี๋ยวเปลี่ยนเงื่อนไขขึ้นมาจริงๆอย่าหาว่าน้าหนวดไม่เตือนนะออเจ้าจ๋าาา ทั้งนี้หากใครกำลังมองหาเอเจนท์ให้ช่วยยื่นขอสัญชาติออสเตรเลียอยู่หล่ะก็ติดต่อเราได้เลยครับที่เบอร์ +61 2 9267 8522 หรือจะทักมาที่ Facebook Page https://www.facebook.com/cpsyd/ ก็ได้นะจ๊ะ ตอนนี้เรามีโปรโมชั่นสำหรับการยื่นขอ Australian Citizenship ให้กับเพื่อนๆทุกๆคนอีกด้วย แต่จะเป็นเฉพาะสำหรับคนที่ยื่นภายในวันที่ 30 มิถุนายนนี้เท่านั้นนะครับ

#ด้วยความปรารถนาดีจากCPSydney

#น้าหนวด