สวัสดีจร้าาา พี่จ๋าาา...จากฉบับที่แล้วที่ลุงได้เขียนแจ้งเตือนเกี่ยวกับค่าวีซ่าที่กำลังจะเพิ่มขึ้นในวันที่ 1 กรกฎาคมที่ผ่าน ตอนนี้ก็ประกาศอย่างเป็นทางการ grand opening ออกมากันแล้วนะครับว่าขึ้นเป็นที่เรียบร้อย แล้วก็ขึ้นเกิน 5.4% จากราคาเดิมกันเกือบทุกวีซ่าอีกด้วย #คุณหลอกดาววว ซึ่งในฉบับที่แล้วที่ได้มีแปะตารางไว้ให้ดูเนี่ยะ เป็นแค่การคำนวณตามอัตราที่แจ้งว่าจะเพิ่มขึ้นด้วยตัวลุงเอง อาจจะทำให้ตัวเลขที่ทำออกมาไม่ได้ตรงกับเวอร์ชั่นล่าสุดของอิมฯ เดี๋ยวฉบับนี้น้าขอแก้ตัวด้วยการเอาตารางที่น้าทำมาแปะให้ใหม่อีกรอบโดยคราวนี้อ้างอิงมาจาก https://www.homeaffairs.gov.au/ โดยตรงเลย แต่ ตารางที่ทำสรุปมาให้จะเป็นแค่วีซ่าบางตัวที่น้องๆคนไทยนิยมทำกันเท่านั้นนะครับ ไม่ได้สรุปมาให้ทุกประเภทของวีซ่าออสเตรเลียทั้งหมดที่มี ถ้าหากมีวีซ่าตัวไหนที่สนใจแล้วไม่ได้อยู่ในตารางด้านล่างก็สามารถวาร์ปกันไปเองตามลิงค์ที่แปะไว้ให้ได้เลยนะจ๊ะ https://immi.homeaffairs.gov.au/visas/getting-a-visa/fees-and-charges/overview
แล้วก็อันนี้ต้องบอกก่อนด้วยว่า ราคาในตารางนี้เนี่ยะยังไม่ได้เป็นราคาสุทธิของ visa application นะ เพราะปกติเวลาทำจ่าย มันจะเป็นแบบ online card payment ทั้งหมด ซึ่งจะทำให้มี credit card surcharge ด้วย เฉลี่ยๆมาตรฐานจะอยู่ที่ 1.4% ขึ้นอยู่กับบัตรที่ใช้ในการทำจ่าย แต่ปกติของออฟฟิศน้าจะคิดที่เรทนี้ในการคำนวณค่าวีซ่าให้ลูกค้าครับ...นอกจากนี้ในบางวีซ่า ถ้าต่อวีซ่าในออสเตรเลีบตั้งแต่ครั้งที่ 2 เป็นต้นไปก็จะมีค่า Subsequent temporary application charge อีก A$700 ไม่รวม credit card surcharge อีกด้วย
นอกจากเรื่องค่าวีซ่าที่เปลี่ยนแปลงตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2019 ที่ผ่านมาแล้ว มันก็จะยังมีการเปลี่ยนแปลงอื่นๆที่ได้มีประกาศกันออกมาก่อนหน้านี้ให้ได้ผ่านตากันมาบ้าง จนบางคนอาจจะลืมไปแล้วว่าการเปลี่ยนแปลงบางอย่างก็เริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2019 ที่ผ่านมาแล้วเหมือนกัน เดี๋ยวในฉบับนี้น้าจะมาสรุปให้ได้อ่านกันว่ามีอะไรบ้างที่เริ่มมีผลบังคับใช้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
- Immigration Cap Lowered
- New Parent Visa
ยังไงก็วาร์ปไปอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับวีซ่าตัวนี้กันได้ที่ https://visatalkbycpsydney.blogspot.com/2019/04/17-2019-parent-visa.html นะครับ จะได้เตรียมตัวกันได้เสียแต่เนิ่นๆ
- Citizenship Changes Abandoned
จนถึง ณ ตอนนี้นะครับ การเปลี่ยนแปลงด้านบนทั้งหมดเป็นสิ่งที่มีผลบังคับใช้อย่างเป็นทางการเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่อย่างไรก็ตาม ยังจะมีการเปลี่ยนอีก 2 อย่างที่น่าสนใจมากที่กำลังจะเกิดขึ้นในสิ้นปีที่จะถึงนี้ ก็คือในเรื่องของวีซ่าท้องถิ่นภูมิภาคตัวใหม่ กับ การนับแต้มยื่นขอ PR ด้วยตัวเองแบบใหม่ นะครับ...ถ้าหากใครอยากอ่านรายละเอียดคร่าวๆเพิ่มเติมก็ตามกันไปที่ลิงค์ที่แปะไว้ให้กันตรงนี้ได้เลยครับ https://visatalkbycpsydney.blogspot.com/2019/05/new-regional-visas-new-point-test-system.html ถ้ามีข้อมูลอะไรอัพเดทเพิ่มเติม เดี๋ยวน้าจะมาเขียนเล่าให้ฟังอีกทีนึงครับ
ทิ้งท้ายบทความหลักฉบับนี้ด้วยช่องทางการติดต่อของ CPSydney office กันเหมือนเดิม...ก็สามารถติดต่อกันมาได้ที่ +61 2 9267 8522 หรือจะทักแชทผ่านทาง Facebook page www.facebook.com/cpsyd หรือที่ LINE ID: cpsydney2 ก็ได้นะครับ เราสามารถให้คำปรึกษาได้ทั้งในเรื่องของวีซ่านักเรียน วีซ่าครอบครัว และวีซ่าทักษะต่างๆเลยครับ
ปล1. อย่าลืม LIKE เพจเพื่อติดตามข้อมูลทุนการศึกษา โปรโมชั่นต่างๆ หรือเรื่องอื่นๆที่น่าสนใจเกี่ยวกับออสเตรเลียกันที่ลิงค์ Facebook page ด้านบนกันได้นะครับ #ด้วยความปรารถนาดีจากCPSydney
MyFutureMyCP: Macquarie University...หนึ่งในมหาวิทยาลัยอันดับต้นๆของออสเตรเลียที่ไม่ควรมองข้าม!!
กลับมาพูดคุยแนะนำสถาบันภายใต้คอลัมน์ MyFutureMyCP กันอย่างต่อเนื่องครับ โดยในฉบับนี้เราจะมาแนะนำให้น้องๆได้รู้จักกับมหา'ลัยชั้นนำของออสเตรเลียอย่าง Macquarie University (MQ) กันดูบ้าง
ทิ้งท้ายบทความหลักฉบับนี้ด้วยช่องทางการติดต่อของ CPSydney office กันเหมือนเดิม...ก็สามารถติดต่อกันมาได้ที่ +61 2 9267 8522 หรือจะทักแชทผ่านทาง Facebook page www.facebook.com/cpsyd หรือที่ LINE ID: cpsydney2 ก็ได้นะครับ เราสามารถให้คำปรึกษาได้ทั้งในเรื่องของวีซ่านักเรียน วีซ่าครอบครัว และวีซ่าทักษะต่างๆเลยครับ
ปล1. อย่าลืม LIKE เพจเพื่อติดตามข้อมูลทุนการศึกษา โปรโมชั่นต่างๆ หรือเรื่องอื่นๆที่น่าสนใจเกี่ยวกับออสเตรเลียกันที่ลิงค์ Facebook page ด้านบนกันได้นะครับ #ด้วยความปรารถนาดีจากCPSydney
MyFutureMyCP: Macquarie University...หนึ่งในมหาวิทยาลัยอันดับต้นๆของออสเตรเลียที่ไม่ควรมองข้าม!!
กลับมาพูดคุยแนะนำสถาบันภายใต้คอลัมน์ MyFutureMyCP กันอย่างต่อเนื่องครับ โดยในฉบับนี้เราจะมาแนะนำให้น้องๆได้รู้จักกับมหา'ลัยชั้นนำของออสเตรเลียอย่าง Macquarie University (MQ) กันดูบ้าง
เอาจริงๆแล้วเนี่ย น้าก็เชื่อแหล่ะว่าคนส่วนใหญ่ก็น่าจะรู้จักมหาวิทยาลัยนี้กันอยู่แล้ว เพราะนอกจาก 8 มหาวิทยาลัยที่เก่าแก่ที่สุดในออสเตรเลีย MQ เขาก็ถือว่าเป็นเต้ย หรือเป็นอีกมหาวิทยาลัยที่ได้รับความนิยมมาเป็นอันดับต้นๆของน้องๆนักเรียนชาวไทยเช่นเดียวกัน อาจจะไม่ได้เก่าแก่เก๋าพรรษาเหมือนมหา'ลัยในกลุ่มของ Group of Eight แต่อายุอานามของ MQ ก็ไม่ได้น้อยอย่างที่คิด ปาเข้าไป 55 ขวบแล้วเหมือนกันนะ แล้วก็ปฏิเสธไม่ได้จริงๆว่า หลักสูตรทางด้านธุรกิจต่างๆของทาง MQ เนี่ยะ ค่อนข้างขึ้นชื่อและเป็นที่ยอมรับในวงกว้างทั้งในระดับประเทศและระดับโลกอีกด้วย
เพื่อเป็นการฉลองอายุครบ 55 ปีของทางมหาวิทยาลัย MQ ก็มีแนวคิดใหม่ที่เชื่อในพลังที่แฝงอยู่ในตัวของนักเรียนทุกคนที่เมื่อนำมารวมร่างกับแรงผลักดันหรือการสนับสนุนที่ถูกต้องจากมหาวิทยาลัย มันก็จะนำไปสู่ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ในอนาคตได้ จึงเป็นที่มาของ concept ต้อนรับปีหมูทองประจำปี 2019 ที่ว่า
"That's You to the power of us."
โดยแรงผลักดันหรือแรงสนับสนุนที่ทางมหาวิทยาลัยเชื่อว่าจะสามารถช่วยพัฒนาและดึงศักยภาพของนักเรียนออกมาได้ก็คือองค์ประกอบที่ดีต่างๆของทางมหาวิทยาลัยนั่นเองครับ ซึ่งองค์ประกอบที่ว่าก็จะประกอบไปด้วย
- Macquarie University North Ryde Campus
- A Culture of Collaboration - worldwide จริงๆสำหรับคำนี้ ไม่ได้นิยมกันแต่ในหมู่ยูทูปเบอร์นะครับ เดี๋ยวนี้ใครๆเขาก็ "คอลแลป" กันทั้งนั้น...อย่าง MQ นี่เขาก็ไปคอลแลปกับทาง Macquarie Park Innovation District (MIPD) ที่เป็นศูนย์รวมทางด้านนวัตกรรมอันดับต้นๆของออสเตรเลียที่อุดุมไปด้วยบริษัทชั้นนำต่างๆจากทั่วโลก ซึ่งการเข้าร่วม หรือ การคอลแลปที่ว่าของทางมหา'ลัยก็ทำให้นักเรียนของทาง MQ มีโอกาสไปเข้าร่วมในโครงการต่างๆได้ เปรียบเสมือนเป็นตัวเร่งปฏิกิริยาที่ทำให้เกิดนวัตกรรมใหม่ๆขึ้นมา
- Campus Innovation Hub & Build Your Networks - เดี๋ยวนี้จะหางาน หรือทำธุรกิจก็ต้องมี NETWORK หรือ CONNECTION กันทั้งนั้น #ขนาดนาฬิกายังต้องยืมเพื่อนมาใส่เลย ด้วยความที่มหาวิทยาลัยตั้งอยู่ในโซนของ MIPD มันก็ทำให้มหา'ลัยกลายเป็นศูนย์กลางของนวัตกรรมหรือ innovation hub ไปโดยปริยาย ทำให้นักเรียนของทางมหา'ลัยได้มีโอกาสในการสร้าง network หรือ connection ของตัวเองจากการร่วมโครงการต่างๆระหว่างมหา'ลัยกับบริษัทชั้นนำต่างๆกว่า 300 แห่งที่รายล้อมอยู่รอบๆมหาวิทยาลัย อาทิเช่น Deloitte, Huawei, Hyundai, Microsoft, National Australia Bank ฯลฯ
- Unique Courses including both Double degrees and 1 Year Master degree
เรื่องคุณภาพและความหลากหลายของหลักสูตรก็เป็นอีกปัจจัยสำคัญของการเลือกเข้าศึกษาต่อ ซึ่งข้อนี้ทางมหาวิทยาลัยก็ตอบสนองความต้องการของนักเรียนได้เป็นอย่างดี เพราะมีหลักสูตรให้เลือกเรียนมากถึงเกือบ 500 หลักสูตรทั้งในระดับปริญญาตรี ปริญญาโท และปริญญาเอก ซึ่งก็อาจจะดูไม่ได้แตกต่างอะไรจากมหาวิทยาลัยอื่นๆซักเท่าไหร่นัก แต่ ข้อแตกต่างที่โดดเด่นของ MQ จะอยู่ที่การมีหลักสูตร Double degrees ทั้งในระดับปริญญาตรีและปริญญาโทให้เลือกเรียนเกือบ 100 หลักสูตรด้วยกัน นอกจากนี้ยังมีหลักสูตรในระดับปริญญาโทระยะสั้นที่สามารถเรียนจบภายใน 1 ปีอีกมากกว่า 40 หลักสูตรให้เลือกเรียนอีกด้วย...เพราะฉะนั้นในเรื่องของหลักสูตรที่เปิดสอน น้องๆจะสอบถามเข้ามากับทางออฟฟิศของน้าก็ได้นะครับ หรือถ้าใครพอมีเวลาก็สามารถเข้าไปคุ้ยหากันได้เองที่ลิงค์นี้เลยครับ https://www.mq.edu.au/study/find-a-course
- Scholarships Opportunities
อันนี้ดีสุด บอกได้เลยว่าพีคในพีค ที่สุดของแจ้เลยตอนนี้ก็ว่าได้...คือตอนนี้ทางมหาวิทยาลัยเขามีทุนให้เปล่าสำหรับน้องๆที่เลือกศึกษาต่อกับทางมหาวิทยาลัยมูลค่า A$10,000/ปี อยู่ด้วยโดยที่ไม่ต้องสมัครทุนต่างหากเลย แค่สมัครเรียนก็สามารถรับทุนการศึกษาตัวนี้ได้ แค่ต้องเริ่มเรียนกับทางมหาวิทยาลัยภายในปี 2020 เท่านั้นเองครับ สามารถเข้าไปดูเงื่อนไขของทุนการศึกษา ASEAN Scholarship ที่น้าบอกกันได้ที่ https://www.mq.edu.au/study/international-students/staging/details/macquarie-university-asean-regional-scholarship
- English Language Centre (ELC) & Macquarie University International College (MUIC)
เป็นเรื่องปกติที่มหาวิทยาลัยจะมีสถาบันลูกของตัวเองเพื่อสอนในหลักสูตรปรับพื้นฐาน หรือคอร์สภาษาอังกฤษเพื่อปรับระดับความสามารถทางภาษาของนักเรียนให้ meet requirement ของทางมหาวิทยาลัย ซึ่ง MQ ก็มีแยกย่อยออกมาทั้งโรงเรียนภาษา ELC และสถาบันปรับพื้นฐาน MUIC ที่สอนพวก Diploma, Standard Foundation, และ Intensive Program ไว้ให้สำหรับน้องๆในกรณีที่ยังไม่ meet English requirement หรือ Academic requirement ของทางมหาวิทยาลัย นอกจากนี้การเรียนในหลักสูตรปรับพื้นฐานกับทาง MUIC จะทำให้น้องๆสามารถขอโอนหน่วยกิจร่นระยะเวลาการเรียนในระดับปริญญาตรีได้อีกด้วย หรือว่าถ้าใครอยากจะเรียนในสถาบันที่มีคุณภาพโดยไม่ได้คำนึงถึงเรื่องการโอนหน่วยกิจในอนาคตก็สามารถเลือกภาษาอังกฤษและหลักสูตรปรับพื้นฐานของที่ ELC และ MUIC ตามลำดับได้เลยนะครับ
นอกจากนี้ พิเศษสุดๆ สำหรับน้องๆที่เรียนภาษาอังกฤษกับทาง ELC แล้วมี package เรียนต่อกับทาง Macquarie University น้องๆจะได้รับส่วนลดค่าเรียนภาษาอังกฤษ 50% เป็นเวลา 4 สัปดาห์อีกด้วยนะครับ
สำหรับฉบับนี้น้าก็มีเรื่องมาเล่าสู่กันฟังแค่เพียงเท่านี้แหล่ะครับ หลักๆที่คิดว่าทำได้ก็ควรจะรีบทำก็คงจะเป็นวีซ่าพ่อแม่ตัวใหม่ที่ได้บอกไปแล้วว่ามีโควตาแค่เพียง 15,000 คน/ปี เท่านั้นนะครับ แล้วก็ที่ สำคัญสุดๆ คือคนที่สามารถยื่นขอสัญชาติออสเตรเลียได้แล้ว ก็แนะนำกันตรงนี้อีกทีว่ายื่นได้แล้วก็ยื่นไปเลยเถอะครับ อันนี้ตอบไม่ได้จริงๆว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงอะไรในภายหลังอีกรึเปล่า #เดี๋ยวจะหาว่าน้าไม่เตือน สำหรับฉบับนี้น้าคงต้องขอตัวลาไปก่อน ไว้เจอกันใหม่ฉบับหน้านะครับ