สวัสดี สวัสดี สวัสดี...วันนี้เรามาพบกัน เธอและฉันพบกัน สวัสดี แล้วเจอกันใหม่ฉบับหน้า สวัสดีครับ แพ่ม แพมมม555!! หายหน้าหายตาไปเกือบ 2 เดือนเลย ต้องขอโทษด้วยนะครับ ก่อนหน้านี้งานราษฎร์งานหลวงนี่ชุกเหลือเกิน จากฉบับล่าสุดที่เขียนเกี่ยวกับการทำ PR ผ่านทางรัฐ Tasmania ไป (ตามไปอ่านย้อนหลังกันได้ที่
https://visatalkbycpsydney.blogspot.com/2019/10/Tasmania-subclass190-requirement.html) วันนี้ก็ตามหัวข้อเลย น้าจะพาหนูๆไปรู้จักกับวีซ่าทักษะตัวใหม่ทั้ง 3 ตัวที่เพิ่งประกาศใช้อย่างเป็นทางการในวันที่ 16 พฤศจิกายนที่ผ่านมานี่เองครับ
**หมายเหตุ ตอนนี้ปัญหาไฟป่าในออสเตรเลียยังไม่ได้รับการแก้ปัญหาให้สิ้นซากไป ยังไงก็รักษาสุขภาพกันด้วยนะครับ...ใครอยู่ในบริเวณใกล้เคียงก็ขอให้ปลอดภัย เริ่มต้นปี 2020 เมื่อไหร่ก็ขอให้เริ่มต้นกันแต่สิ่งดีๆนะครับ
อีกสักนิดก่อนจะไปลุยกันด้วยเรื่องของวีซ่าตัวใหม่ทั้งหลาย...ในช่วงตั้งแต่ประมาณปลายเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ได้มีการออกมาอัพเดทจากทาง Department of Home Affairs (DHA) ว่าจะเพิ่มจำนวนเงินสำหรับการโชว์เอกสารการเงินสำหรับทั้ง Student visa (subclass 500) และ Student Guardian visa (subclass 590) ในหมวดของ Living costs and expenses กับ Travel expenses ซึ่งก็จะมีรายละเอียดเล็กน้อยถึงปานกลาง แต่ไม่ต้องห่วง น้าหนวดได้สรุปขยำเอามากองรวมกันไว้ให้ตรงนี้แล้วครับ
- หลักฐานทางการเงินจากธนาคาร (ผู้ที่เป็นสปอนเซอร์ต้องมีเงินในบัญชีไม่ต่ำกว่า)
- มาเดี่ยวๆ ไม่เกี่ยวใคร A$21,014
- มีแฟนติตามด้วย A$21,014 + A$7,362
- มีคนติดตามเป็นลูก A$21,014 + A$11,448
- มาเป็นครอบครัว A$21,014 + A$7,362 + A$11,448
- หลักฐานทางการเงินที่เป็นรายได้ต่อปี (ผู้ที่เป็นสปอนเซอร์จะต้องมีรายได้ต่อปีไม่ต่ำกว่า)
- มาเดี่ยวๆ ไม่เกี่ยวใคร A$62,222
- มีคนติดตาม (ไม่ว่าจะในความสัมพันธ์แบบคู่รัก หรือเป็นลูก) A$72,592
จะเริ่มเรื่องวีซ่าทักษะตัวใหม่ละนะ
คงจะพอทราบกันมาตั้งแต่ต้นปีแล้วว่ารัฐบาลของท่าน Scott Morrison นั้นต้องการจะผลักดันให้ผู้คนออกไปอยู่อาศัยในพื้นที่ภูมิภาคมากขึ้น เพื่อเป็นการลดความหนาแน่นของประชากรในเมืองใหญ่ต่างๆ รวมถึงเป็นการกระจายรายได้ให้ออกไปในทุกพื้นที่ของประเทศอีกด้วย จึงเป็นที่มาของการจำกัดความใหม่ของ Regional areas และ วีซ่าตัวใหม่ที่เอื้อประโยชน์ให้กับคนที่ตัดสินใจไปเรียนหรือย้ายไปอยู่ในพื้นที่ภูมิภาคต่างๆ นอกจากนี้ยังเพิ่มโควตาต่อปีสำหรับการขอ PR ผ่านทางพื้นที่ภูมิภาค (Regional areas) เป็น 25,000 คน ตลอดระยะเวลา 4 ปีนับตั้งแต่ปีนี้เป็นต้นไปอีกด้วย...เดี๋ยวเรามาเริ่มกันที่นิยามใหม่ของพื้นที่ภูมิภาคกันเลยดีกว่าเนอะ
 |
- Major Cities ได้แก่ Sydney, Melbourne, และ Brisbane (น่าจะรวมถึงละแวกใกล้เคียงด้วย) จะไม่นับเป็นพื้นที่ภูมิภาคนะครับ และจะไม่ได้สิทธิประโยชน์อะไรจาก Regional incentives ซักอย่าง
- Cities and major regional centres ได้แก่ Perth, Adelaide, Gold Coast, Sunshine Coast, Canberra, Newcastle/Lake Macquarie, Wollongong/Illawarra, Geelong, และ Hobart จัดเป็นพื้นที่ส่วนภูมิภาคระดับ 1 ที่จะได้รับสิทธิพิเศษจาก Regional incentives ดังนี้
- อยู่ในกลุ่มโควตา 25,000 คน/ปี ที่ยื่น PR ผ่านทาง regional areas ได้
- Priority processing เหมือนเป็น fast lane อ่ะ
- สามารถเลือกอาชีพในการยื่น PR จาก Regional Occupation List (ROL) ได้ด้วย
- นักเรียนต่างชาติที่เลือกเรียนในพื้นที่ข้างต้น จะสามารถขอวีซ่า Post-study work visa ได้เพิ่มขึ้นอีก 1 ปี
- Regional centres and other regional areas ก็จะเป็นพื้นที่ส่วนภูมิภาคระดับ 2 ที่ครอบคลุมพื้นที่ที่เหลือนอกจากที่ได้ระบุไปข้างต้น (อันนี้จะต้องเช็ค postcode กันอีกทีด้วยนะครับ) จะได้รับสิทธิประโยชน์จาก Regional incentives เช่นเดียวกันกับพื้นที่ส่วนภูมิภาคระดับ 1 แต่จะแตกต่างกันตรงที่
- นักเรียนต่างชาติที่เลือกเรียนในพื้นที่กลุ่มนี้ จะสามารถขอวีซ่า Post-study work visa ได้เพิ่มขึ้นอีก 2 ปี
- สิทธิประโยชน์จากการเป็น Designated Area Migration Agreements (DAMAs)
นอกจากนี้ ข่าวดีที่เกี่ยวข้องกับน้องๆที่สนใจจะเลือกไปเรียนในพื้นที่ส่วนภูมิภาคทั้งหลาย ก็จะเป็นในเรื่องของทุนการศึกษามูลค่า A$15,000 จากรัฐบาล...จากประกาศของ Department of Education (DE) ตอนนี้เป็นที่แน่ชัดแล้วว่าในปีการศึกษา 2020 รัฐฯได้อนุมัติทุนการศึกษาดังกล่าวชื่อ Destination Australian Program ออกมาแล้วทั้งหมดถึง 1,180 ทุนด้วยกัน โดยจะครอบคลุมแจกให้ทั้งนักเรียนต่างชาติและนักเรียนท้องถิ่น ส่วนระดับหลักสูตรที่ครอบคลุมก็จะไล่ขึ้นไปตั้งแต่ Certificate IV จนลากยาวไปถึง PhD เลยนะครับ เพราะฉะนั้นหากใครสนใจในทุนดังกล่าวก็สามารถแสดงเจตจำนงกับทางสถาบันการศึกษาที่เลือกเรียนเพื่อสมัครขอทุนการศึกษากันได้เลยนะครับ แต่ อย่าเข้าใจผิดคิดว่าทุกสถาบันการศึกษาในออสเตรเลียที่อยู่ในพื้นที่ภูมิภาคจะได้รับอนุมัติทุนดังกล่าวจากรัฐทุกสถาบันนะครับ เพราะมีสถาบันการศึกษาแค่เพียง 35 แห่งเท่านั้นเองนะครับที่ได้รับทุน Destination Australian Program จากทางรัฐบาล ทั้งนี้ทั้งนั้นคนที่จะเริ่มเรียนกับโรงเรียนหรือมหา'ลัยที่ตั้งอยู่ใน regional areas ตั้งแต่ปีการศึกษา 2020 เป็นต้นไป ก็สามารถลองติดต่อสถาบันที่ตัวเองเลือกเรียนต่อกันดูได้นะครับ ถ้าโชคดีได้รับทุนนี้ ก็สบายตัวเลยนะ
มาดูกันต่อที่รายละเอียดของวีซ่าทักษะตัวใหม่ทั้ง 3 ตัว ที่ Grand opening กันไปแล้วตั้งแต่วันที่ 16 พฤศจิกายนที่ผ่านมากันบ้างดีกว่า
- Skilled Work Regional (Provisional) visa subclass 491 ตัวนี้จะมาแทนที่ subclass 489 ตั้งแต่วันที่ประกาศนี่แหล่ะ ที่จริงก็ยังมีความคล้ายคลึงกับตัว 489 พอสมควร แต่สิ่งที่เพิ่มเติมเข้ามาก็จะมีตามนี้เลยครับ
- คำจำกัดความของ Regional areas ที่เพิ่งเขียนไปในข้างต้น
- คนที่ถือวีซ่า 491 จะไม่สามารถเปลี่ยนไปยื่น partner visa ได้ นอกเสียจากว่าถือตัว 491 มาเป็นเวลาไม่ต่ำกว่า 3 ปีขึ้นไป นอกจาก partner visa แล้วก็ยังจะมีวีซ่าตัวอื่นๆอีกด้วยที่ต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขข้อนี้ ได้แก่ Distinguished Talent subclass 124 และ subclass 858, Business Talent subclass 132, Employer Nomination Scheme subclass 186, Business Innovation and Investment (Provisional) subclass 188, Skilled - Independent subclass 189, และ Skilled - Nominated subclass 190
- วีซ่า 491 เป็นวีซ่า 5 ปี ในขณะที่ตัว 489 จะอยู่ที่ 4 ปีเท่านั้น
- คนติดตาม (Second applicant) หลังจากที่ได้วีซ่าแล้ว สามารถย้ายไปอยู่ใน regional areas บริเวณอื่นได้ แต่คนหลักต้องอยู่ที่เดิมกับที่สมัครวีซ่าไป
คราวนี้ก็มาดูกันต่อที่คุณสมบัติของคนที่จะสมัครวีซ่า 491 นี้กันดูบ้าง ว่าคนที่สนใจในวีซ่าตัวนี้ต้องมีคุณสมบัติอย่างไร ถึงจะเพียงพอต่อการสมัครวีซ่าตัวนี้ จะได้ไปเตรียมตัวฟิตร่างกายมาได้ถูกต้อง
- ได้รับการสปอนเซอร์จาก state or territory ที่อาศัยอยู่ หรือญาติที่อาศัยอยู่ใน regional areas นั้นๆ
- ต้องเป็นอาชีพที่อยู่ในลิสต์ที่เป็นที่ต้องการของ state or territory นั้นๆ
- อายุไม่เกิน 45 ปี ขณะที่สมัครวีซ่าตัวนี้
- Positive skills assessment
- นับคะแนนให้ได้มากกว่า 65 คะแนนในระบบ Points stystem
- มีความสามารถทางภาษาอังกฤษในระดับ Competent English เทียบได้เป็นคะแนนสอบ IELTS 6.0 ในแต่ละพาร์ท หรือเทียบเท่า
- คุณสมบัติรวมๆอื่นๆ ก็จะเป็นในเรื่องของสุขภาพ ประวัติทางคดีความและประวัติวีซ่าต่างๆ รวมถึงไม่มีสภาวะเป็นหนี้ในออสเตรเลีย
- Skilled Employer Sponsored Regional (Provisional) visa subclass 494 ตัวนี้น่าจะง่ายหน่อยละ เพราะหลายๆคนน่าจะคุ้นเคย เนื่องจากตัววีซ่า 494 จะเข้ามาแทนตัว PR ที่ได้มาจากการมีนายจ้างสปอนเซอร์ให้การสนับสนุนจากการทำงานใน regional areas (Direct entry stream) เท่านั้นนะครับ ส่วนคุณสมบัติของการสมัครวีซ่าตัวนี้ก็จะเป็นดังต่อไปนี้ครับ
- Employer Sponsored Stream
- PIC 4007 คือ ทั้งคนหลักและคนติดตาม (ในกรณีที่มี) จะต้องไม่มีปัญหาทางด้านสุขภาพ
- ได้รับการสปอนเซอร์จากนายจ้างที่ประกอบธุรกิจอยู่ใน regional area
- อายุไม่เกิน 45 ปี ขณะที่ยื่นสมัครวีซ่า
- Positive skills assessment
- มีความสามารถทางภาษาอังกฤษในระดับ Competent Englishเทียบได้เป็นคะแนนสอบ IELTS 6.0 ในแต่ละพาร์ท หรือเทียบเท่า
- พิสูจน์ได้ว่ามีประสบการณ์ทำงานไม่ต่ำกว่า 3 ปี (นับเฉพาะ Full time 38 ชั่วโมงต่อสัปดาห์)
- Labour Agreement Stream
- PIC 4005 ก็คือเรื่องสุขภาพเหมือน PIC 4007 นั่นแหล่ะ
- นายจ้างต้องมี work agreement กับทางรัฐบาลออสเตรเลีย
- อายุไม่เกิน 45 ปี ขณะที่ยื่นสมัครวีซ่า นอกเสียจากว่ามีระบุข้อยกเว้นใน labour agreement ระหว่างนายจ้างกับภาครัฐ
- Positive skills assessment
- มีความสามารถทางภาษาอังกฤษตามที่ระบุไว้ใน labour agreement ระหว่างนายจ้างกับภาครัฐ
- พิสูจน์ได้ว่ามีประสบการณ์ทำงานไม่ต่ำกว่า 3 ปี (นับเฉพาะ Full time 38 ชั่วโมงต่อสัปดาห์)
- Permanent Residence (Skilled Regional) visa subclass 191 ตัวนี้ต้องรอจนถึงวันที่ 16 พฤศจิกายน 2020 นู้นเลย ถึงจะเริ่มยื่น PR ผ่านทาง subclass 191 ได้ หลักก็คือต้องถือวีซ่า 491 หรือ 494 อย่างน้อยเป็นเวลา 3 ปี ถึงจะขอ PR ใน subclass นี้ได้นั่นแหล่ะ
จบท้ายกันสวยๆด้วย Points system (Schedule 6D) แบบใหม่ ที่ประกาศออกมาในวันเดียวกัน โดยให้มีผลบังคับใช้กับ subclass 189, subclass 190, subclass 489, และ subclass 491...ชัดๆ เคลียร์ๆ กันตรงนี้นะครับว่าตัว Points system ใหม่ตัวนี้ จะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 16 พฤศจิกายน 2019 เป็นต้นมา เพราะฉะนั้นคนที่ยื่น PR ไปก่อนหน้านี้ ด้วยการนับคะแนน ไม่ว่าจะเป็น subclass อะไรก็แล้วแต่ จะไม่ได้รับผลกระทบกับ Points system ตัวใหม่นี้ครับ
- 15 คะแนน สำหรับผู้สมัครที่ได้รับการสนับสนุนจาก state or territory หรือสมาชิกครอบครัวใน regional areas
- 10 คะแนน สำหรับผู้สมัครที่คนติดตามมีทักษะที่เป็นที่ต้องการในออสเตรเลียเหมือนกัน
- 10 คะแนน สำหรับผู้สมัครที่สำเร็จการศึกษาในระดับปริญญาโท (Research) หรือปริญญาเอกในออสเตรเลียทางด้าน STEM ได้แก่ Science, Technology, Engineering, หรือ Mathematics
- 10 คะแนน สำหรับผู้สมัครที่ไม่มีคนติดตามแนบพ่วงเข้ามาด้วย
- 5 คะแนน สำหรับผู้สมัครที่คนติดตามมีความสามารถทางภาษาอังกฤษในระดับ Competent English เทียบได้เป็นคะแนนสอบ IELTS 6.0 ในแต่ละพาร์ท หรือเทียบเท่า
- 5 คะแนน สำหรับผู้สมัครที่เรียนใน regional areas
นอกจากนี้ ทาง DHA ยังระบุถึงลำดับการออก invitation letter ให้ยื่น PR ในกรณีที่คะแนนเท่ากันอีกด้วย
- ผู้สมัครที่คนติดตามมีทักษะที่เป็นที่ต้องการในออสเตรเลีย หรือผู้สมัครที่ไม่มีคนติดตามยื่นพ่วงเข้ามาด้วย
- ผู้สมัครที่คนติดตามมีความสามารถทางภาษาอังกฤษในระดับ Competent English
- ผู้สมัครที่คนติดตามไม่มีทั้งทักษะที่เป็นที่ต้องการในออสเตรเลีย และมีความสามารถทางภาษาอังกฤษไม่ถึงระดับ Competent English
ทิ้งท้ายบทความด้วยช่องทางการติดต่อของ CPSydney office เหมือนเดิม ถ้าเป็นเบอร์โทรศัพท์ก็ตามนี้เลยครับ +61 2 9267 8522 หรือจะทักกันมาที่ Facebook page www.facebook.com/cpsyd หรือที่ LINE ID: cpsydney2 ก็ได้...เราสามารถให้คำปรึกษาได้ทั้งในเรื่องของวีซ่านักเรียน วีซ่าครอบครัว และวีซ่าทักษะประเภทต่างๆเลยครับ
สุดท้ายก็ฝากกด LIKE หรือ FOLLOW เพจกันด้วยนะครับ จะได้ติดตามข้อมูลต่างๆที่เป็นประโยชน์ไม่ว่าจะเป็นทุนการศึกษา โปรโมชั่นต่างๆ และเรื่องอื่นๆที่น่าสนใจเกี่ยวกับวีซ่าออสเตรเลีย รวมถึงสถานที่ท่องเที่ยวและข่าวสารต่างๆในออสเตรเลียกันได้ครับ...สำหรับฉบับนี้ต้องขอลาไปก่อน แล้วเจอกันใหม่ฉบับหน้านะจ๊ะ
ปล. ช่วงนี้ออฟฟิศของเราปิดปีใหม่ตั้งแต่วันจันทร์ที่ 23 ธันวาคม 2019 ไล่ยาวไปถึงวันศุกร์ที่ 3 มกราคม 2020...แล้วจะกลับมาเปิดให้บริการตามปกติอีกทีวันจันทร์ที่ 6 มกราคม 2020 นะครับ ระหว่างนี้ถ้าใครมีเรื่องด่วนอะไรก็สามารถติดต่อมาได้ที่ +61 422 289 189 หรือ LINE ID: cpsydney2
แหล่งข้อมูลอ้างอิง
วางแผนการเรียนอย่างถูกต้อง คำนึงถึงอนาคตของที่ดีของทุกคนในระยะยาว CPSydney สิคะ...วีซ่านักเรียน วีซ่าทักษะ วีซ่าทำงาน และวีซ่าครอบครัวประเภทต่างๆ #AllServicesYouNeedEndHere
#น้าหนวด
|