วันอังคารที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2564

ลงทุนหนึ่งแสนทำพีอาร์ดีกว่าหมดเป็นแสนแต่แค่แขนก็ไม่ได้จับ

กลับมาอีกแล้วกับบทความฉบับเต็มของน้าหนวด หายไปนานขออภัย หลังๆมานี้น้าจะไม่ค่อยได้เขียนบทความเต็มฉบับสักเท่าไหร่ ก็ด้วยที่ว่าตั้งแต่โควิด-19แพร่กระจายเข้ามาในออสเตรเลีย ก็ไม่ค่อยมีอะไรที่เป็นเรื่องอัพเดทที่น่าสนใจให้เอามาเขียนเป็นบทความเต็มๆให้ได้อ่านสักเท่าไหร่เลย (บวกกับยุ่งจนทำให้ขี้เกียจด้วยแหล่ะ) ฉบับล่าสุดก็น่าจะตั้งแต่เดือนธันวาคมปีที่แล้วเลย แต่ ตั้งแต่เข้าสู่ปีวัวทอง 2564 เป็นต้นมา น้าก็ได้คลอดคอลัมน์ใหม่ออกมาภายใต้ชื่อ #น้าหนวดหวดมาเล่า ผ่านทาง Facebook page เป็นซีรีย์อัพเดทข้อมูลเล็กๆสไตล์หนวดๆ ให้ได้ติดตามกันอยู่เรื่อยๆ ยังไงก็ไปตำหาอ่านหรือกดไลค์ติดตามกันได้ที่ https://www.facebook.com/cpsyd

เข้าสู่เนื้อหาของเราวันนี้ก็จะเป็นภาคต่อของ #น้าหนวดหวดมาเล่า6 ไปตามกันได้เลยที่ https://www.facebook.com/397245567013425/posts/5278032435601356/ ที่น้าได้เข้าเข้าสัมมนา "State & Territory Migration Symposium 2021" ที่จัดขึ้นโดย Migration Institute of Australia (MIA) ในวันศุกร์ที่ 12 มีนาคมที่ผ่านมา เนื้อหาของสัมมนาที่ว่านี้ก็เกี่ยวกับข้อมูลการย้ายถิ่นฐานของรัฐต่างๆในออสเตรเลีย ซึ่งน้าได้ติดเป็นการบ้านของ Queensland ว่าจะมาเขียนเพิ่มเติมให้ได้อ่านกันในภายหลัง ก็มาดูกันเป็นข้อๆตามที่ได้เขียนไว้ใน #น้าหนวดหวดมาเล่า6 กันได้เลยครับ อนึ่ง ข้อมูลของทาง Queensland ที่สัมมนาในวันดังกล่าว เป็นข้อมูลที่อัพเดทโดย Business and Skilled Migration Queensland (BSMQ) นะครับ

  • เน้นไปที่ลิสต์อาชีพ PMSOL (Priority Migration Skilled Occupation List) ที่ประกาศออกมาเฉพาะกิจในช่วงสถานการณ์โควิด - อันนี้ไม่มั่นใจว่าคุ้นกันมากน้อยแค่ไหน แต่ลิสต์อาชีพ PMSOL จะเป็นสาขาอาชีพที่รัฐมองว่ามีความจำเป็นและขาดแคลนเป็นอย่างมากภายใต้สถานการณ์การระบาดของโควิด-19 จากการอัพเดทล่าสุดของ Department of Home Affairs ในวันที่ 27 พฤศจิกายน 2020 ลิสต์ดังกล่าวจะมีทั้งหมด 18 สาขาอาชีพด้วยกัน ดังต่อไปนี้
Source: https://immi.homeaffairs.gov.au/visas/employing-and-sponsoring-someone/sponsoring-workers/pmsol
  • ลิสต์อาชีพของ QLD จะมีการอัพเดทใหม่ในเดือนกรกฎาคมนี้ - อันนี้ยังไม่มีอะไรอัพเดทเพิ่มเติมจนกว่าจะถึงเดือนกรกฎาคมครับ ก็ผ่านไปได้อย่างรวดเร็ว 😆😆😆
  • อาชีพยอดฮิต 15 อาชีพ ก็จะเป็นในกลุ่มของสายสุขภาพ วิศวกรรม ไอที และบัญชี - ในฉบับนี้ก็จะมาต่อยอดแถลงไขให้ได้รู้ว่าอาชีพที่ต้องการทั้ง 15 ใน Queensland มีอะไรบ้าง
    • Registered Nurse (Aged Care)
    • Resident Medical Officer
    • Registered Nurse nec
    • General Practitioner
    • Mechanic Engineer
    • Software Engineer
    • Accountant (General)
    • Civil Engineer
    • Social Worker
    • Developer Programmer
    • Registered Nurse (Critical Care and Emergency)
    • Medical Practitioners nec
    • Quantity Surveyor
    • Welfare Worker
    • Registered Nurse (Medical)
อนึ่ง ย้ำเตือนกันอีกครั้ง เพราะมีคนสับสนกันเยอะเหลือเกิน อาชีพที่เป็น Registered Nurse (RN) ไม่ว่าจะต่อท้ายในวงเล็บว่าเป็นทางด้านไหน คือ ต้องมีวุฒิการศึกษาในระดับปริญญาตรีทางด้านพยาบาลเป็นอย่างน้อยนะครับ ตัวอย่างเช่น Registered Nurse (Aged Care) เนี่ยะ ก็คือต้องมี Bachelor of Nursing เป็นอย่างน้อยตามที่บอก ส่วนตอนเรียนจะเลือกเอกไหนก็แยกย่อยกันไป ไม่ใช่ว่าเรียน aged care หรือ ageing support ในหลักสูตรวิชาชีพ (Vocational Education and Training: VET - ไล่มาตั้งแต่ระดับ Certificate ยาวไปถึง Advanced Diploma เลยนะ) ละจะมายื่นภายใต้อาชีพนี้ได้นะ อันนี้คือเงื่อนไขในปัจจุบัน บางคนที่บอกว่าเคยมีคนรู้จักแนะนำบอกว่าทำได้ บลาบลาบลา อันนั้นน้าไม่รู้จริงๆครับว่าเขาทำไปเมื่อไหร่ อะไร ยังไง ตั้งแต่ที่เข้ามาวนเวียนในอุตสาหกรรมนี้เกือบ 10 ปี ก็เห็นว่า RN เนี่ยะ ไม่ว่าจะวงเล็บเฉพาะทางอะไร ก็ต้องมี Bachelor of Nursing เป็นอย่างน้อยทั้งนั้น #เคลียร์เนอะ
  • Pathway ที่โคตรน่าสนใจที่หลายๆคนอาจจะยังไม่รู้ Small Business Owners (subclass491) - อันนี้แหล่ะ ไฮไลท์ของบทความเลย Small Business Owners (SBO) Pathway สำหรับวีซ่า 491 นับได้ว่าเป็นหนทางใหม่ที่น่าสนใจมาก เอาจริงๆก็ไม่ใช่แบบใหม่ถอดด้ามอะไรขนาดนั้น ถือว่ามีใช้กันมาสักพักละเหมือนกัน แต่อันนั้นไม่ใช่สาระสำคัญอะไร เอาเป็นว่ามาดูความน่าสนใจของตัว SBO pathway นี้กันดีกว่า
ก็เหมือนที่จั่วชื่อบทความเรียกแขกไปแหล่ะ "ลงทุนหนึ่งแสนทำพีอาร์ดีกว่าหมดเป็นแสนแต่แค่แขนก็ไม่ได้จับ" เพราะเงื่อนไขของ SBO pathway ตัวนี้จะใช้เงินลงทุนเพียง A$100,000 ก็จะสามารถยื่นวีซ่าชั่วคราว 491 Skilled Work Regional (Provisional) visa ที่จะสามารถต่อยอดในการยื่นพีอาร์ผ่านทางซับคลาส 191 ได้ในอนาคต โดยเงื่อนไขหลักๆของ SBO pathway คือ การลงทุน takeover ธุรกิจที่เปิดดำเนินการอยู่แล้วใน Queensland ด้วยเงินทุนไม่ต่ำกว่า A$100,000 ตามที่บอกไป ซึ่งหลังจากเสร็จสิ้นกระบวนการถ่ายโอนธุรกิจเป็นที่เรียบร้อยแล้วก็ต้องดำเนินการต่อไปอีกเป็นเวลา 6 เดือนเป็นอย่างน้อย และ nominate อาชีพที่เป็นที่ต้องการของ Queensland แค่นั้นเอง ซึ่งจากคำบอกเล่าของเจ้าหน้าที่จาก BSMQ ข้อดีสุดๆของ subclass 491 SBO pathway นี้คือ อาชีพที่เลือก nominate มาเนี่ยะ ไม่ต้องสัมพันธ์กับธุรกิจที่เราไป takeover มา หรือไม่ต้องมีวุฒิการศึกษาที่เกี่ยวข้องกับอาชีพนั้นก็ได้ ตัวอย่างเช่น ไปซื้อธุรกิจร้านอาหารมาบริหารต่อ ก็ไม่ได้บังคับจะต้องเลือกอาชีพเป็น chef หรือ restaurant manager เท่านั้น อาจจะเลือกเป็นนักบัญชีโดยที่ไม่ได้จบหลักสูตรบัญชีมาเป๊ะๆก็ได้
    • Keyword เด่นๆ ของ subclass 491 SBO pathway เลยนะ
      • ลงทุนขั้นต่ำ A$100,000
      • ต้องเป็นธุรกิจที่เปิดดำเนินการอยู่แล้ว ละไปซื้อต่อเขามาทั้งนั้น เปิดธุรกิจใหม่เลยไม่ได้
      • เปิดธุรกิจต่อเนื่องไปอีก 6 เดือนเป็นอย่างน้อย ถึงจะยื่น Express of interest (EOI) ได้
      • เลือกอาชีพที่เป็นที่ต้องการของรัฐ Queensland โดยไม่จำเป็นต้องมีวุฒิการศึกษาที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับอาชีพที่เลือก
      • มีการจ้าง Australian resident อย่างน้อย 1 คน
      • ได้รับเงินเดือน (taxable income) ไม่ต่ำกว่า A$53,900/ปี เป็นเวลา 3 ปี ถึงจะยื่นพีอาร์ subclass 191 ได้
    • ข้อแตกต่างเล็กๆน้อยๆ
      • ถ้า takeover ก่อน 1 เมษายน 2021 ธุรกิจนั้นต้องเปิดดำเนินการใน Queensland เป็นเวลาอย่างน้อย 1 ปีขึ้นไป
      • ถ้า takeover ตั้งแต่ 1 เมษายน 2021 เป็นต้นไป ธุรกิจนั้นต้องเปิดดำเนินการใน Queensland เป็นเวลาอย่างน้อย 2 ปีขึ้นไป
ส่วนที่ว่าวีซ่า 491 และวีซ่า 191 คืออะไร มีเงื่อนไขของวีซ่ายังไงบ้าง น้ารบกวนกดไปที่ลิงค์นี้กันได้เลยนะครับ https://visatalkbycpsydney.blogspot.com/2019/12/new-visas-new-points-system.html เคยได้มีเขียนเกี่ยวกับวีซ่าทั้งสองตัวนี้ไปแล้ว ก็จะขออนุญาตไม่เขียนซ้ำเนอะ 👌 เมื่อยนิ้วอ่ะ #หยอกนะหยอก

แถมให้อีกนิดนึงจากอีกสัมมนาที่จัดขึ้นโดย Austrade Bangkok ในวันศุกร์ที่แล้ว ในเรื่องของข้อยกเว้นสำหรับนักเรียนที่จะสามารถบินเข้ามาในออสเตรเลียได้ภายใต้ความแน่นอนของโควิด-19 ใน ณ ขณะนี้ อันนี้ไม่นับรวม pilot program ที่บินเข้ามาที่ Darwin กันได้ในช่วงปลายปีที่ผ่านมานะ ข้อยกเว้นสำหรับนักเรียนต่างชาติที่จะขอ travel exemption บินเข้ามาในออสเตรเลียก็จะมีอยู่ 2 กรณีด้วยกัน
  1. นักเรียนที่ลงทะเบียนเรียนในหลักสูตร ม.5 และ ม.6 อันนี้ไม่ใช่พวกหลักสูตรวิชาชีพที่เทียบเท่าเป็นการจบในระดับมัธยมศึกษาแบบบ้านเรานะ คือ ต้องเป็นนักเรียนมัธยมปลายที่ลงทะเบียนเรียนใน 2 ระดับชั้นดังกล่าวเท่านั้น แต่อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ผู้ให้ข้อมูลในงานสัมมนาก็ได้บอกเพิ่มเติมว่านักเรียนในกลุ่มนี้ก็มีสิทธิ์ที่จะได้รับการอนุมัติน้อยมากๆ เพราะตอนนี้ลำดับความสำคัญคือรัฐบาลยังมีความประสงค์ที่จะพาชาวออสเตรเลียกลับบ้านให้ได้มากที่สุดเป็นอันดับแรก
  2. นักเรียนที่ลงทะเบียนเรียนในหลักสูตรทางด้านสุขภาพ อาทิเช่น พวก nursing ในสัมมนาไม่ได้ระบุว่าเป็นการลงทะเบียนเรียนในระดับอะไรนะครับ แต่เงื่อนไขที่มีสิทธิ์ขอ travel exemption ของนักเรียนในกลุ่มนี้คือต้องอยู่ในการเรียน 2 ปีสุดท้ายของการศึกษา และได้รับใบตอบรับในเรื่องของการฝึกงานที่จะต้องเริ่มภายใน 2 เดือน
ก่อนจะแยกย้ายกันไปในวันนี้ ก็เหมือนเดิม ช่องทางการติดต่อของ CPSydney office ช่วงนี้กลับมาให้บริการเป็นปกติแล้ว Facebook page ก็ตามที่แปะไว้ตั้งแต่ย่อหน้าแรก ยังไงก็ไป LIKE หรือ FOLLOW กันได้ จะได้ติดตามข่าวสารข้อมูลต่างๆที่เป็นประโยชน์ทั้งทุนการศึกษา โปรโมชั่นต่างๆ รวมถึงเรื่องอื่นๆที่น่าสนใจเกี่ยวกับออสเตรเลียกันได้ หรือสำหรับคนที่อยู่ในออสเตรเลียแล้วก็โทรมาสอบถามกันได้ที่ 02 9267 8522 หรือจะทักแชทมาที่ Facebook page www.facebook.com/cpsyd หรือ LINE ID: cpsydney2 ก็ได้ครับ...สำหรับฉบับนี้ต้องขอลาไปก่อน แล้วเจอกันใหม่ฉบับหน้า สวัสดีครับ 🙏🙏🙏

วางแผนการเรียนอย่างถูกต้อง คำนึงถึงอนาคตของที่ดีของทุกคนในระยะยาว CPSydney สิคะ...วีซ่านักเรียน วีซ่าทักษะ วีซ่าทำงาน และวีซ่าครอบครัวประเภทต่างๆ #AllServicesYouNeedEndHere


#น้าหนวด

วันพุธที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2563

จะยื่นพีอาร์ด้วยตัวเอง อาชีพไหน "ปัง" อันไหน "พัง" ลองอ่านสักนิดก่อนตัดสินใจ

สวัสดีจร้าาา กลับมาเขียนบทความดีๆกันให้ได้อ่านกันอีกแล้วนะครับ หลังจากที่ฉบับที่แล้วได้เขียนเกี่ยวกับเงื่อนไขใหม่ของวีซ่าคู่ครองที่เป็นข่าวใหญ่ สร้างความกังวลให้น้องๆหนูๆหลายคนกันพอสมควร (ตามไปหาอ่านบทความเก่าๆกันได้ที่ https://visatalkbycpsydney.blogspot.com/)

ก่อนจะไปเริ่มเนื้อหาของฉบับนี้ น้าก็มีเรื่องมาตักเตือนกันให้ทราบกันเสียหน่อยเกี่ยวกับสถานการณ์ของโควิด-19 ในซิดนีย์หรือรัฐ NSW...หลังจากที่ไม่มี local case มาต่อเนื่องได้ถึง 26 วันใน NSW ในที่สุดก็มีการยืนยันมาแล้วว่าได้พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 1 รายใน NSW เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ผลการตรวจเพิ่งได้รับยืนยันเมื่อตอนกลางดึกที่ผ่านมานี่เอง (เวลา 01.30 น. ของวันที่ 3 ธันวาคม 2020) #รบกวนไปตามอ่านรายละเอียดของข่าวจากแหล่งข้อมูลอ้างอิงที่แปะไว้ด้านล่างกันเองนะ ยังไงช่วงนี้ก็ระวังๆกันหน่อยละกัน กลับมาใส่ mask กันไปก่อน โดยเฉพาะคนที่ต้องใช้บริการขนส่งสาธารณะต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นรถเมล์ รถไฟ แทรม หรือเรือเฟอร์รี่ก็ตามที

อารัมภบท เมาท์มอยหอยสังข์กันมาพอสมควรละ มาเข้าเรื่องของเราวันนี้ดีกว่า ว่ากันด้วยลิสต์อาชีพต่างๆที่สามารถยื่นขอพีอาร์ได้ผ่านทางวีซ่าทักษะประเภทต่างๆ จากทั้งหมด 212 อาชีพที่อยู่ใน MLTSSL และสามารถยื่นขอพีอาร์ได้ ในฉบับนี้น้าจะมาสรุปให้ว่าอาชีพไหนมี ceiling หรือโควตาที่รัฐบาลจะให้พีอาร์ในปี 2020-2021 (1 กรกฎาคม 2020 ถึง 30 มิถุนายน 2021) มากที่สุด แล้วก็จะแถมอาชีพอื่นๆให้อีกเล็กน้อยที่น่าสนใจ รวมถึงจะเล่าให้ฟังเกี่ยวกับ PMSOL อีกด้วยว่ามันคืออะไร

TOP 5 Ceiling Value (5 อาชีพที่มีโควตาในการยื่นพีอาร์ได้มากที่สุด)
Source: https://immi.homeaffairs.gov.au/visas/working-in-australia/skillselect/occupation-ceilings

ตามภาพประกอบที่อ้างอิงมาจากเวบของอิมให้เลยครับ นำโด่งมาที่เกือบ 18,000 คนสำหรับอาชีพชุดคอสเพลย์สุดฮิตอย่างนางพยาบาล หรือว่า Registered Nurse (อย่าเข้าใจผิดเป็น Enrolled Nurse นะครับ มันคนละอาชีพกัน) ตามมาห่างๆด้วยหลัก 8 พันกว่าๆ อย่างคุณครูมัธยม สายโปรแกรมเมอร์ และช่างไฟในตำนานก็มากับเขาด้วย ปิดท้ายอันดับ 5 ด้วย Construction Managers

คราวนี้ถ้าเอาตาม Top 5 ก็ตายหยังเขียดกันพอดี ลองมาดูสายอาชีพอื่นๆกันหน่อยดีกว่า น้าว่าก็มีหลายอาชีพที่น่าสนใจ แล้วก็เป็นอาชีพที่เคยได้รับการสอบถามเข้ามาอยู่เรื่อยๆด้วย
  • Child Care Centre Managers ถึงแม้จะมีโควตาอยู่ที่ 1,000 คน แต่ก็ไม่ได้ง่ายอย่างที่คิดกันนะ คือ ต้องทำความเข้าใจกันก่อนว่าวีซ่าทักษะอ่ะ มันดูตามตำแหน่งอาชีพเป็นหลัก เพราะฉะนั้นถ้าแค่เรียนจบเกี่ยวกับ childcare มาเฉยๆ โดยไม่ได้ประกอบสัมมาอาชีพเป็น Centre Managers ก็ไม่สามารถยื่นขอพีอาร์ได้นะครับ ไอ้ที่ยังพอได้ลุ้นสำหรับอาชีพในกลุ่มนี้ อย่างน้อยก็ต้องเป็น leader อ่ะ
  • Accountants รับ 1,000 คนเช่นกัน แต่อย่าเลย คะแนนในการนับแต้มสูงปรี๊ดดด ไม่ใช่แค่นักเรียนไทยที่กระอักเลือด ชาติอื่นก็ไม่ต่างกัน นอกเสียจากว่าได้วีซ่านายจ้างสปอนเซอร์ (subclass 482) แล้วต่อยอดยื่นพีอาร์ก็ว่าไป
  • Management Consultant มีโควตาสูงถึง 4,526 คน ก็เป็นอีกอาชีพที่น่าสนใจ เพราะบอกว่าเรียนจบคอร์สยอดฮิตอย่าง MBA ก็สามารถยื่นได้ requirement เพิ่มเติมก็แค่มีประสบการณ์ทำงานอย่างน้อย 1 ปีในตำแหน่งนี้หลังเรียนจบก็เข้าข่ายละ แต่ ปัญหาเดียวเลย "จะหางานในตำแหน่งนี้ หรือ งานที่มีเนื้องานครอบคลุมในตำแหน่งนี้ได้เมื่อไหร่?"
  • Engineers หรือวิศวกรด้านต่างๆ นับรวมๆกันอาชีพในกลุ่มนี้จะมีโควตาสูงถึงมากกว่า 15,000 คนเลยทีเดียว ตัวแปรสำคัญคือเลือกสาขาให้ตรงกับที่เรียนมา ในบางกรณีไม่ต้องมาเรียนเพิ่มก็ยื่น 189 มาเลยก็ได้ถ้าคะแนนถึง แต่ถ้าจะเอาชัวร์ก็มาเรียนเพิ่มที่นี่ก่อนจะได้แต้มในหมวดอื่นๆเพิ่มสำหรับการทำ 189
  • บุคลากรทางด้านสุขภาพประเภทต่างๆ นี่ก็เหมือนกัน ถ้าเอามาขยำรวมๆกันในหลากหลายสาขาก็รับมากกว่า 10,000 คนอยู่นะ (ไม่รวม Registered Nurse) ที่น่าสนใจก็คุณหมอกับนักสังคมสงเคราะห์ เอาจริงๆ นักกายภาพบำบัด หรือพวกหมอจัดกระดูกก็น่าสนใจ แต่ สายนี้ก็เรียนยากหน่อยอย่างที่ทราบกัน แต่ถ้าเรียนจบมาได้และเป็นหลักสูตรของมหาวิทยาลัยที่ได้รับการรับรองจากหน่วยงานของแต่ละสาขาอาชีพ ก็บอกได้เลยว่าค่อนข้างโชติช่วงชัชวาล
  • IT หรือ ICT นี่ก็เป็นอีกกลุ่มอาชีพที่ถือว่ามีโควตาเยอะพอสมควร น่าจะเกือบ 10,000 คนได้ (ไม่รวม Software and Applications Programmers) มีให้เลือกหลายหลากวาไรตี้พอสมควร ไม่ว่าจะเป็น ICT Business and System Analysts, Database and Systems Administrators and ICT Security Specialists, Computer Network Professionals ฯลฯ แต่ การแข่งขันจะค่อนข้างสูง เพราะเป็นสายอาชีพยอดนิยมของคนจากดินแดนภารตะและประเทศใกล้เคียง แล้วก็คะแนนจะสูงนิดนึง แต่ก็ยังไม่โหดร้ายเท่า accountants ถ้าวางแผนดีๆ ก็ยังถือว่าน่ารักน่าลุ้นนะ
  • Chef และอาชีพช่างชนิดต่างๆ ที่ไม่ใช่ช่างแ_่ง (เบาได้เบา ไอ่สอง #หยอกหยอกนะครับ) เป็นกลุ่มอาชีพที่นับรวมๆกันแล้ว คือ รับเยอะมาก แต่ กลับเป็นสายอาชีพที่ไม่ค่อยเปิดให้นักเรียนต่างชาติเรียน555 จะมีก็แค่ chef ที่มีให้เลือกเรียนได้กันตามอำเภอใจ ส่วนช่างประเภทอื่นๆ เหมือนจะเหมาะกับชาติอื่นมากกว่าที่มีประสบการณ์ทำงานมาเทียบวุฒิ และได้ positive result จาก Trades Recognition Australia (TRA) ที่รับสัมปทานในการประเมินทักษะของอาชีพช่างทั้งหมด รวมถึง chef ด้วย...เพิ่มเติมให้นิดนึงของคนที่จะยื่น 189 (นับคะแนน แล้วยื่นด้วยตัวเอง) ในตำแหน่งอาชีพ chef จะต้องผ่านขั้นตอนการประเมินทั้ง 4 ขั้นตอนของ TRA ด้วยนะ ถึงจะยื่น 189 ขอพีอาร์ได้ แต่ถ้าใครมาทางนายจ้างสปอนเซอร์ก็คนละกรณีกันนะครับ
ตบท้ายด้วย PMSOL (Priority Migration Skilled Occupation List) อาจจะพอคุ้นๆกันบ้าง อันนี้เป็นลิสต์ชั่วคราวที่รัฐบาลออสเตรเลียประกาศออกมาว่าขาดแคลนบุคลากรในกลุ่มนี้เป็นอย่างมาก โดยจะมีทั้งหมด 18 อาชีพด้วยกัน จากการอัพเดทล่าสุดในวันที่ 27 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ซึ่งทั้ง 18 อาชีพก็จะอยู่ในกลุ่มของสายงานทางด้านสุขภาพ งานก่อสร้าง แล้วก็ IT คือ ถ้ายื่นวีซ่าทักษะใน 18 อาชีพนี้ก็จะได้ขึ้นทางด่วนได้รับการพิจารณาเคสก่อน และได้รับข้อยกเว้นในเรื่องของการเดินทางเข้ามายังในออสเตรเลียอีกด้วย แต่จะสามารถยื่นวีซ่าในกลุ่มอาชีพนี้ได้แค่เพียง 4 ประเภทเท่านั้น ได้แก่ subclass 482, 494, 186, และ 187
Source: https://immi.homeaffairs.gov.au/visas/employing-and-sponsoring-someone/sponsoring-workers/pmsol

เรียบร้อยครบถ้วนทุกประเด็นที่อยากเขียนให้อ่านกันในฉบับนี้เกี่ยวกับสาขาอาชีพต่างๆที่สามารถขอพีอาร์ได้ผ่านทางวีซ่าทักษะ อันนี้ต้องบอกก่อนว่าเป็นมุมมองและความเห็นของน้านะ แล้วก็เน้นไปที่การยื่น 189 นับแต้มด้วยตัวเอง แต่อย่างไรเสียก็ดี ก็อยากจะให้เลือกอาชีพที่อยู่ในกลุ่มของ MLTSSL เพราะเป็นลิสต์รวมที่สามารถยื่นพีอาร์ได้ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นแบบนับแต้มยื่นด้วยตัวเอง หรือจะมีนายจ้างสปอนเซอร์ก็แล้วแต่ ยังไงซะก็ลองศึกษากันดูดีๆ เพราะแต่ละอาชีพก็จะมีเงื่อนไขหรือข้อกำหนดที่ไม่เหมือนกัน จะนัดเข้ามาปรึกษากันก่อนก็ได้ ยังไงก็ขอให้ทุกคนโชคดี ได้เริ่มต้นสิ่งดีๆในปีใหม่ที่กำลังจะมาถึงนี้

ไม่งั้นอีกทางสำหรับการได้พีอาร์ ก็หาแฟนครับไม่ว่าจะเป็นหญิงหรือชาย พอเจอเหยื่อนะครับก็จัดการเยเยมารูเก้ ต่อด้วยวาตานาเบ้ไอโกะ ยื่นวีซ่าคู่ครองกันไปให้มันจบๆไป...แต่ในกรณีจ้างแต่ง ที่ไม่ได้รักกันจริงอ่ะ ก็เลี่ยงได้เลี่ยงและเบาได้เบานะครับ ไม่ได้อยากจะบอกว่ามันผิด แต่ก็แหล่ะ เข้าใจว่าแต่ละคนมีความจำเป็นที่ไม่เหมือนกัน ยังไงก็นานาจิตตังละกันเนอะ

ก่อนจากกันไปในฉบับนี้ น้ามีโปรโมชั่นดีๆจาก CPSydney มาบอก #โปรดีช่วยกันดันโปรมันส์มันส์ต้องCP ข่าวดีสำหรับคนที่กำลังจะยื่นวีซ่านักเรียนนะครับ CPSydney ใจดี ช่วยออกค่า visa application ให้ครึ่งนึง เริ่มโปรแล้วตั้งแต่วันนี้ ถึง วันที่ 15 มีนาคม 2021 นะจ๊ะ...สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมโทร 9267 8522 หรือทักมาสอบถามกันได้ที่ https://www.facebook.com/cpsyd
สุดท้ายก็ฝากไปตำ LIKE หรือ FOLLOW เพจกันด้วย จะได้ติดตามข่าวสารข้อมูลต่างๆที่เป็นประโยชน์ไม่ว่าจะเป็นทุนการศึกษา โปรโมชั่นต่างๆ และเรื่องอื่นๆที่น่าสนใจเกี่ยวกับวีซ่าออสเตรเลีย รวมถึงสถานที่ท่องเที่ยวและข่าวสารต่างๆในออสเตรเลียกันได้ครับ แล้วก็ถ้าชอบบทความของน้าก็ช่วยกันบอกต่อ แชร์กันเยอะๆ คิดซะว่าเป็นกำลังใจให้น้าหน่อย คอมเมนท์ติชมกันได้ครับ...สำหรับฉบับนี้ต้องขอลาไปก่อน แล้วเจอกันใหม่ฉบับหน้า สวัสดีครับ

แหล่งข้อมูลอ้างอิง
วางแผนการเรียนอย่างถูกต้อง คำนึงถึงอนาคตของที่ดีของทุกคนในระยะยาว CPSydney สิคะ...วีซ่านักเรียน วีซ่าทักษะ วีซ่าทำงาน และวีซ่าครอบครัวประเภทต่างๆ #AllServicesYouNeedEndHere


#น้าหนวด

วันพฤหัสบดีที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2563

ขยี้ต่อไม่รอละนะ!! พาร์ทเนอร์วีซ่ากับทักษะภาษาที่ต้องมี และ "ฟรี" วีซ่าท่องเที่ยว

 

กลับมาอีกแล้ว วันนี้จะเขียนเข้าประเด็นให้ได้อ่านกันอย่างรวดเร็ว จากที่สัปดาห์ที่แล้วได้มีประกาศร่ำๆออกมาจากทางรัฐบาลออสเตรเลียว่าจะเพิ่มข้อกำหนดสำหรับการสมัครวีซ่าคู่ครอง (Partner visa) ทำให้เกิดเสียงแซ่ซ้องโอดโอยกันอย่างถ้วนหน้า โดยรัฐบาลได้จั่วมาหลักๆ 2 อย่างที่จะเพิ่มเติม คือ
  1. ขั้นตอนการตรวจสอบของสปอนเซอร์
  2. ต้องมีทักษะทางภาษาอังกฤษ
ตำไปหาอ่านข้อมูลเพิ่มเติมที่ฉบับก่อนหน้านี้ได้ที่ https://visatalkbycpsydney.blogspot.com/2020/10/budget-2020-2021.html

หลังจากประกาศออกมา น้าว่าก็น่าจะมีทั้งคนที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วยนั่นแหล่ะ แต่ทีนี้ไม่ว่าจะยังไงก็แล้วแต่รัฐบาลคงได้ยินเสียงสรรเสริญมาหลากหลายภาษาจากผู้คนนานาชาติ เอาที่เป็นภาษาไทยก็น่าจะคำว่า "รวย" 💲💲💲 แหล่ะ

ก็เลยต้องออกมาสัมภาษณ์แถลงเพิ่มเติมให้ผู้คนได้เบาใจกันลงบ้าง โดยเริ่มจาก
  • กึ่งๆรับปากว่า เราจะไม่กีดกันความรักของคุณหรอกหน่ะ ไม่ต้องห่วง
  • ยังไม่ได้ใช้นะ เป็นแผนการที่วางไว้เฉยๆ...ถ้าไม่ผ่านก็สบายตัวกันไป
แล้วมาดูกันในรายละเอียดสักหน่อยว่า "ถ้าผ่าน" จะเป็นยังไง
  • จะเริ่มใช้ในช่วงปลายปี 2021 แต่ น้าไม่อยากให้ไปยึดติดว่าเขาจะเริ่มเมื่อไหร่ คือ จากการสัมภาษณ์เนี่ยะ เขาใช้คำว่า late 2021 เพราะฉะนั้นอันนี้ก็แล้วแต่จะแปลเลยแหล่ะ ที่จริงสำนักข่าวบางแห่งใช้คำว่า from 2021 ด้วยซ้ำ
  • ไม่ได้จะบังคับให้มีทักษะความสามารถทางภาษาอังกฤษตั้งแต่แรกเริ่ม จะใช้ข้อกำหนดนี้เฉพาะตอนที่ยื่น PR เท่านั้น (ปกติการยื่นวีซ่าคู่ครองจะมี 2 ขั้นตอน คือ TR กับ PR เพราะฉะนั้นไอ้ตอนที่ยื่น TR เนี่ยะ ยังไม่ต้องใช้นะจ๊ะ) 
  • ในกรณีที่เป็นผลสอบความสามารถทางภาษาอังกฤษ ก็เอาแค่ในระดับ Functional English เท่านั้น (Functional English ตามการเทียบเป็นคะแนนสอบของอิมมิเกรชั่น จะอยู่ที่  IELTS overall 4.5 โดยที่ต้องได้คะแนนแต่ละแบนด์ไม่ต่ำกว่า 4.0)
  • ถ้าสอบไม่ได้หล่ะ
    • อย่างน้อยก็โชว์ให้เห็นถึงความตั้งใจ ความพยายามที่จะสื่อสารภาษาอังกฤษที่เป็นภาษาประจำชาติของออสเตรเลียให้ได้สิ...มีให้ลงเรียนฟรีสำหรับคนที่ได้ TR จากวีซ่าคู่ครองแล้ว ก็ไปเรียนกันซะ มีให้เรียนกี่ชั่วโมงก็ลงไปให้หมด #เอาให้สาแก่ใจ กว่าจะได้ยื่น PR ก็ต้องรอเกือบ 2 ปี หรืออาจจะมากกว่า 2 ปีด้วยซ้ำ แล้วแต่ว่าไปไหว้ขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ไหนกันไว้
เพราะฉะนั้น ก็เป็นตามหัวเรื่องของบทความวันนี้เลยนั่นแหล่ะ ที่น้าใช้คำว่า "ทักษะภาษาที่ต้องมี" คราวนี้ก็คงจะพอสบายใจกันได้แล้วเนอะ...เดี๋ยวก็คงมีประกาศออกมาเป็นลายลักษณ์อักษรกันอีกทีแหล่ะครับ ไอ้ที่ได้เขียนให้อ่านกันในฉบับนี้อ่ะ ยังไม่มีประกาศออกมาเป็นทางการแต่อย่างใดจากหน่วยงานของรัฐบาลทั้งสิ้นนะ เป็นจากสำนักข่าวที่อ้างอิงจากคำพูดของท่านรัฐมนตรีรักษาการ Alan TUDGE ที่ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อไว้ แต่ก็คงจะเป็นตามที่ท่าน รมต. ได้หล่นวาทะไว้นั่นแหล่ะ (เดี๋ยวสุดท้ายคดีพลิก ออกมาเป็นข้อกำหนดว่าต้องสอบอย่างเดียวเท่านั้น นี่ก็ฮานาก้าแน่นอน555)

คือมองแบบกลางๆ ก็เข้าใจเขาได้แหล่ะ เขาก็คงมองในเรื่องของโอกาสที่ดีในการหางานทำอะไรประมาณนั้นอ่ะแหล่ะ ก็คงอยากให้คนของเขามีหน้าที่การงานที่ดี เผื่ออนาคตมีอะไรระบาดอีกจะได้ไม่เปลืองงบรัฐบาลเยอะ (มั้งนะ555) ก็คงอาจจะเป็นผลพวงมาจากพิษโควิด-19 นี่แหล่ะ ช่วงนี้หาที่ลงไม่ได้ก็ลงกับอีโรคบ้านี่แทนกันก่อนละกันนะครับ เสียหายกันไปทั้งระบบตั้งแต่น้องลืมตาดูโลก...ส่วนอีกมุม ที่ทางรัฐฯให้เหตุผลว่าการมีทักษะทางภาษาจะช่วยให้เอาตัวรอดจากปัญหาความรุนแรงในครอบครัวได้ อันนี้น้าไม่เกท คือ เวลาจะโดนหลัวหรือเมียกระทืบเนี่ยะ พอขอร้องมันดีๆว่า "อย่าทำชั้นเลย" แล้วมันจะหยุดกันหรอ ก็ไม่น่าใช่มะ ไม่ใช่ส้มของแม่สิตางค์นะโว้ยยยย ประเด็นนี้น่าจะไปให้ความสำคัญกับในเรื่องของการตรวจสอบสปอนเซอร์แต่แรกมากกว่า ก็น่าจะช่วยลดปัญหานี้ได้บ้างไม่มากก็น้อย แต่ก็อีกแหล่ะ #ถ้าเขาจะตียืนเฉยๆเขาก็ตี

มาต่อกันที่หัวข้อที่ 2 จากฉบับที่แล้วเหมือนกัน ที่มีได้เขียนไปว่ารัฐบาลจะให้ refund ค่าวีซ่าบางตัวคืน หรือ ให้สมัครใหม่ได้ฟรี ถ้าหากได้รับผลกระทบจากโควิด-19 เพื่อเป็นการฟื้นฟูเชิญชวนให้คนกลับเข้ามาที่ออสเตรเลียอีกครั้งเมื่อเปิดประเทศ...จากประกาศล่าสุดในวันที่ 12 ตุลาคมที่ผ่านมา ก็จะมีรายละเอียดเพิ่มเติมประมาณนี้ครับ (เขียนให้อ่านเฉพาะวีซ่าทาง CPSydney office รับทำเท่านั้นนะจ๊ะ)
  • Visitors คนที่มีวีซ่าท่องเที่ยวอยู่แล้ว แต่ไม่สามารถเดินทางเข้ามาในออสเตรเลียได้และวีซ่าหมดลงในช่วงเดือนมีนาคมปีนี้ถึงธันวาคมปีหน้า จะไม่เสียค่าวีซ่าในกรณีที่ยื่นวีซ่าท่องเที่ยวใหม่
  • Temporary skilled workers อันนี้ก็คล้ายๆกับวีซ่าท่องเที่ยวแหล่ะ แต่ไม่ได้ระบุระยะเวลาออกมาอย่างเป็นทางการ แค่ระบุว่าจะไม่เก็บค่าวีซ่าสำหรับคนที่ถือวีซ่านี้อยู่แล้ว แต่ดันได้รับผลกระทบจากโควิด-19 เบื้องต้นก็แค่เพียงบอกว่า "ต้องผ่านข้อกำหนดของ labour market testing" ก่อน ถึงจะยื่นวีซ่าทักษะชั่วคราวใหม่ได้
  • Prospective Marriage visa holders เห็นชื่อนี้แล้วอาจจะงง ก็วีซ่าคู่หมั้นนั่นแหล่ะครับ วีซ่าตัวนี้จะไม่ได้ให้สมัครใหม่ฟรีนะ แต่จะให้ขอ refund คืนได้สำหรับคนที่เดินทางเข้ามาออสเตรเลียไม่ทันก่อนที่วีซ่าจะหมด
ถือว่าเป็นข่าวดีมั๊ย ก็ใช่แหล่ะ แต่ใจน้าสะดุดกับที่เขาให้ระยะเวลาวีซ่าท่องเที่ยวถึงธันวาคมปีหน้าเหลือเกิน กลัวว่าเขาจะปิดประเทศถึงปลายปีหน้าจริงๆหน่ะสิ ยิ่งมีข่าวผลุบๆโผล่ๆออกมาให้เห็นอยู่ว่าเขาจะเปิดให้บินอย่างเสรีก็สิ้นปีหน้านู่นนนนนเลย ยังไงก็ภาวนาให้ไม่เป็นความจริง หรืออย่างน้อยก็ให้ประเทศไทยของเราอยู่ในกลุ่มประเทศ Travel Bubble ของออสเตรเลียก็ยังดี

มาปิดท้ายกันที่วีซ่านักเรียน ที่หลายๆคนตั้งคำถามกันว่าแล้วไม่มีให้สมัครฟรี หรือ ขอรีฟันด์คืนได้บ้างหรอ? เขามีประกาศออกมาสักพักละนะว่าให้ต่อวีซ่านักเรียนใหม่ได้ฟรี ในกรณีที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 โดยจะต้องเป็นนักเรียนที่มีวีซ่านักเรียนตั้งแต่ 1 กุมภาพันธ์ 2020 เป็นต้นไป ที่ได้รับผลกระทบจากน้องโควิด และอยู่ในกลุ่มของ 1 ในเงื่อนไขต่อไปนี้
  • จำเป็นต้องเลื่อนการเรียนออกไป เพราะไม่สามารถเดินทางกลับเข้ามาออสเตรเลียได้ (อันนี้คนที่เลื่อนเพราะเดินทางกลับไทยเอง ไม่เกี่ยวนะครับ)
  • ถูกบังคับให้ลดโหมดการเรียนเป็นแบบ part-time
  • เรียนไม่จบ เพราะไม่ผ่านข้อกำหนดทั้งหมดของหลักสูตร อาทิเช่น การฝึกงานที่บังคับอยู่ในหลักสูตรการเรียน (คนที่สอบตกแล้วต้องลงทะเบียนเรียนใหม่ ไม่นับว่าอยู่ในเงื่อนไขนี้นะ)
และที่สำคัญที่สุดคือ ต้องแนบ Form 1545 COVID-19 Impacted Student เข้าไปด้วยตอนที่ยื่นวีซ่านักเรียน ซึ่งฟอร์มนี้จะต้องกรอกโดยสถาบันการศึกษา (แต่บางสถาบันก็ให้เอเจนท์หรือนักเรียนกรอกเอง) และต้องมีลายเซ็นกำกับของพร้อมตำแหน่งของเจ้าหน้าที่จากสถาบันการศึกษานั้นๆด้วย อิมมิเกรชั่นถึงจะพิจารณาไม่เก็บค่าวีซ่านักเรียนที่เรายื่นเข้าไปใหม่

ก่อนจะแยกย้ายกันไปในวันนี้ ก็เหมือนเดิม ช่องทางการติดต่อของ CPSydney office ช่วงนี้ยังเปิดให้บริการตามปกตินะครับ แม้จะอยู่ในโหมด work from home อยู่ด้วยก็ตาม แต่ก็จะมีเจ้าหน้าที่รวมถึงตัวน้าเองด้วยสลับหมุนเวียนกันเข้ามาประจำการอยู่ที่ออฟฟิศทุกวัน เพราะฉะนั้นก็ยังสามารถโทรมาสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับวีซ่าประเภทต่างๆได้ตามปกติที่ 02 9267 8522 หรือจะทักกันมาที่ Facebook page www.facebook.com/cpsyd หรือที่ LINE ID: cpsydney2 ก็ได้ครับ

ด้วยสถานการณ์ที่ต้องทำงานที่บ้านกันแบบนี้ ก็อาจจะมีความล่าช้าไปบ้าง ยังไงน้าก็ขอเป็นตัวแทนกราบขออภัยมา ณ ที่นี้ไว้ด้วยนะจ๊ะ...อัญชลี วันทา อภิวาท 🙏🙏🙏

สุดท้ายก็ฝากไปตำ LIKE หรือ FOLLOW เพจกันด้วย จะได้ติดตามข่าวสารข้อมูลต่างๆที่เป็นประโยชน์ไม่ว่าจะเป็นทุนการศึกษา โปรโมชั่นต่างๆ และเรื่องอื่นๆที่น่าสนใจเกี่ยวกับวีซ่าออสเตรเลีย รวมถึงสถานที่ท่องเที่ยวและข่าวสารต่างๆในออสเตรเลียกันได้ครับ...สำหรับฉบับนี้ต้องขอลาไปก่อน แล้วเจอกันใหม่ฉบับหน้า สวัสดีครับ

แหล่งข้อมูลอ้างอิง
วางแผนการเรียนอย่างถูกต้อง คำนึงถึงอนาคตของที่ดีของทุกคนในระยะยาว CPSydney สิคะ...วีซ่านักเรียน วีซ่าทักษะ วีซ่าทำงาน และวีซ่าครอบครัวประเภทต่างๆ #AllServicesYouNeedEndHere


#น้าหนวด

วันอังคารที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2563

Budget 2020 - 2021 คนที่จะยื่นพาร์ทเนอร์วีซ่าต้องอ่าน!! แถมเรื่องข้อสอบขอสัญชาติให้นิดนึง

สวัสดีครับทุกคน น้าหนวดกลับมาแล้ว ที่จริงก็จองตั๋วจะกลับมาหานานแล้วแหล่ะ แต่ดันมาติดเรื่องโควิด-19 ระลอก 2 ในช่วงที่ผ่านมาผนวกกับความบีซี่ของน้า (จือปากพร้อมทำเสียงสอง) เลยไม่มีเวลามาเขียนบทความให้ได้อ่านกัน ยังไงก็ต้องกราบขออภัยมา ณ ที่นี่ด้วยนะครับ...อัญชลี วันทา อภิวาท 🙏🙏🙏

วันนี้ไม่กลับมาไม่ได้จริงๆครับ มีเรื่องราวมากมาย ที่ไม่มีใครได้ฟัง คำพูดนับร้อยพันที่ต้องการเอื้อนเอ่ยยยย🎶🎶🎶 #ยังจะเล่นอีกพ่อคุณเอ๊ยยยย (ขอแวะเฉลยก่อน เดี๋ยวมีคนไม่เกท...เนื้อเพลง "ของขวัญ" นะครับ555)

อ่ะะะะ มาเข้าเรื่องกันต่อ คือ ประกาศออกมาแล้วนะครับ สำหรับ Budget 2020-2021 จากกรัฐบาลออสเตรเลียในเมื่อวานที่ผ่านมา...ทำความเข้าใจกันก่อน คือ ไอ้ที่ประกาศออกมาเมื่อคืนเนี่ยะ เป็นแผนและแนวทางที่จะใช้ในปี 2020-2021 นะจ๊ะ แค่ยังไม่ได้กำหนดกำหนดการการใช้งานออกมา แล้วก็ต้องรอผ่านร่างอนุมัติอีกทีนึงก่อนด้วย

คราวนี้มาดูกันว่ามีอะไรน่าสนใจจากประกาศล่าสุดที่ผ่านมา

เอามาเขียนให้อ่านแค่ในเรื่องที่เกี่ยวกับ immigration อย่างเดียวเท่านั้นนะครับ
  • Migration Program
อันนี้ไม่ได้มีอะไรน่าเป็นห่วง โควตาในการอนุมัติพีอาร์ของ Budget 2020-2021 ยังคงอยู่ที่ 160,000 คนเหมือนเดิม ไม่ลดไม่เพิ่มแต่อย่างใด แค่มีเพิ่มเติมในรายละเอียดนิดหน่อย คือ จากทั้งหมด 160,000 เนี่ยะ จะแบ่งให้เป็นสัดส่วนของ Family visas อยู่ที่ 77,300 ซึ่งถือว่าเพิ่มขึ้นจากปีล่าสุดมาถึงเกือบ 30,000 ที่เลยทีเดียว (ของปี 2019-2020 อยู่ที่ 47,732) แล้วก็จะให้ความสำคัญไปที่ผู้สมัครที่อยู่ในออสเตรเลีย และ ผู้สมัครพาร์ทเนอร์วีซ่าที่สปอนเซอร์อยู่ใน regional area ก่อนสำหรับปี 2020-2021

แล้วก็ในส่วนของ Skilled visas สำหรับปี 2020-2021 ก็จะให้ความสำคัญหลักไปที่วีซ่า Employer Sponsored (อันนี้ก็รู้จักกันดีในชื่อของวีซ่านายจ้างสปอนเซอร์นั่นแหล่ะ), Global Talent (อันนี้จะไกลตัวคนไทยหน่อย แต่เอาแบบเข้าใจง่ายๆ คือ จะสมัครวีซ่านี้ได้ต้องมีชื่อเสียงหรือความสามารถระดับโลก ตัวอย่างเช่น นักมวยโอลิมปิกได้เหรียญของไทยคนนึงก็เคยขอวีซ่าตัวนี้ แต่จำชื่อไม่ได้อ่ะว่าคนไหน555), และ Business Innovation and Investment Program (อันนี้ก็ถือว่ารู้จักมักจี่กันอยู่บ้างในหมู่คนไทยของเรา ก็มีสอบถามเข้ามาประมาณนึง) ก่อน แล้วก็ค่อยกระจายความต้องการไปสู่ skilled stream ตัวอื่นๆ

ลงดีเทลล์ให้อีกนิดนึงสำหรับ Business Innovation and Investment Program (BIIP) หรือที่คนไทยเรียกกันติดปากว่า Business visa คือ จะเพิ่ม requirement ทั้งตัวธุรกิจและตัวผู้สมัครที่จะสามารถทำวีซ่าตัวนี้ได้ แต่ยังไม่มีรายละเอียดออกมา ณ ตอนนี้ ซึ่งก็คงจะยากขึ้นตามระเบียบแหล่ะ แล้วค่าวีซ่าสำหรับวีซ่าตัวนี้ก็จะแพงขึ้นถึง 11.3% อีกด้วย ข่าวดีอย่างเดียว คือ โควตาสำหรับวีซ่า BIIP จะเพิ่มขึ้นเป็น 13,500 ที่สำหรับปี 2020-2021 ก็เท่านั้นแหล่ะ
  • Visa Application Charge (VAC)
ที่ได้ทราบกันดีเป็นที่เรียบร้อยแล้วว่า ก่อนหน้านี้ Department of Home Affairs (DHA) ได้ออกมาประกาศว่าจะไม่เก็บค่าวีซ่านักเรียน ในกรณีที่ผู้สมัครต้องต่อวีซ่านักเรียนในหลักสูตรเดิมที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคโควิด-19 ไปตามอ่านเพิ่มเติมกันได้ที่ https://covid19.homeaffairs.gov.au/student-visa เดี๋ยวยังไงถ้ามีเวลา อาจจะวนมาเขียนให้ได้อ่านกันทีหลังรวมกับเนื้อหาตัวอื่นนะครับ

ส่วนอัพเดทข่าวดีเพิ่มเติมจากประกาศล่าสุดเมื่อวาน คือ จะไม่เก็บค่าวีซ่าของ Working Holiday Visa และ Visitor Visa ทั้งนี้ก็เพื่อเป็นการกระตุ้นอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวออสเตรเลียให้คนเดินทางกลับมาเที่ยวอีกครั้งเมื่อมีการเปิดประเทศ...นอกจากนี้ ยังจะอนุญาตให้ขอ refund ค่าวีซ่าคืนได้สำหรับวีซ่าบางตัวอีกด้วย เดี๋ยวถ้ามีอัพเดทเพิ่มเติมยังไงแล้วจะมาเหลาให้ได้อ่านกีนอีกทีครับ
  • Adult Migration English Program (AMEP)
ต่อเนื่องมาจากคนที่ได้พีอาร์ผ่านทาง partner visa...เป็นที่ทราบกันดีว่าปกติจะสามารถสมัครเรียนภาษาอังกฤษฟรีภายใต้ AMEP ได้ 510 ชั่วโมง ภายในระยะเวลาที่กำหนด แต่ ตอนนี้เขามีแพลนที่จะเปลี่ยนแปลงแล้วนะ
    1. สามารถเรียนได้ไม่จำกัด
    2. มีระดับการเรียนที่สูงขึ้น (ระดับการเรียนสูงสุดเคยอยู่ที่เทียบเท่า IELTS 4.5 จะเปลี่ยนเป็นที่ 5.5)
    3. ไม่มีเดดไลน์ในการสมัครเรียน
  • Partner visa application
เริ่มกันที่ข่าวดีก่อนละกัน จากหัวข้อ Migration Program ข้างบน คงจำกันได้ที่บอกว่าโควตาการทำ Family visas จะเพิ่มขึ้นเป็น 77,300 ที่ ซึ่งพอมาลงในรายละเอียดเนี่ยะจาก 77,300 จะเป็นโควตาของ partner visa ถึง 72,300 ที่เลยทีเดียว อีก 5,000 ที่ที่เหลือก็จะเจียดไปให้วีซ่าพ่อแม่ และ วีซ่าลูก

คราวนี้มาที่ข่าวร้ายกันบ้าง เข้าใจว่าน่าจะเป็นด้วยความปรารถนาดีของรัฐบาลออสเตรเลียนะครับ เขามีความเป็นห่วงในเรื่องของความรุนแรงภายในครอบครัว (Domestic Violence) เลยเป็นที่มาของ requirement เพิ่มเติมที่จะมีต่อตัวสปอนเซอร์ในการทำพาร์ทเนอร์วีซ่านั่นเอง เบื้องต้นคร่าวๆก็ตัว character check นั่นแหล่ะ (ก็หวังว่าจะไม่มีอะไรเพิ่มเติมไปมากกว่านี้ด้วย) character check คือใบตรวจสอบความประพฤติ หรือ National Police Check นั่นแหล่ะ

แต่  ที่พีคสุด คือว่า เขาแพลนจะให้มี English requirement สำหรับทั้งตัวผู้สมัคร และ ผู้สปอนเซอร์ด้วยนะ...บอกก่อนเลยนะว่าไม่ได้เอามาเหลาให้ตกใจ เพราะอันนี้คือประกาศที่มาจากทางรัฐบาลแล้วเลย ไม่ได้มั่วซั่วคั่วกลิ้งมาจากไหน ลิงค์ที่แปะให้ข้างล่างก็เป็นลิงค์ของรัฐบาลเลย แต่อย่างที่บอกไปแต่ต้นว่า ณ ตอนนี้ยังเป็นแค่แผนการและแนวทาง ยังไม่ได้มีผลบังคับใช้แต่อย่างใด...เพราะฉะนั้นคนที่จดๆจ้องๆว่าจะยื่นหรือไม่ยื่นดี ตอนนี้ถ้าพร้อมแล้วก็ยื่นซะเถอะ #เตือนแล้วนะ แต่ขอให้เอกสารพร้อมประมาณนึงกันก่อนด้วยนะจ๊ะ ไม่ใช่แทบจะไม่มีอะไรเลยแล้วก็จิ้มใบสมัครเข้าไปก่อน เดี๋ยวเคสปลิวเน้ออออ

หมดละ สรุป Budget 2020-2021 Announcement ที่ประกาศออกมาล่าสุดเมื่อวาน ข้อมูลที่เอามาสรุปให้ได้อ่านกันก็มาจากเวบไซต์ของรัฐบาล และ ไมเกรชั่นเอเจนท์ของออฟฟิศที่เป็นสมาชิกของ Migration Institute of Australia (MIA) นะครับ

แฉลบมาที่เรื่อง Australian Citizenship Test กันนิดนึงก่อนที่จะแยกย้ายสบายตัวกันไป คือ ส่วนใหญ่ก็น่าจะรู้กันแล้วแหล่ะว่า ตั้งแต่วันที่ 15 พฤศจิกายนนี้เป็นต้นไป ข้อสอบจะเปลี่ยนแล้ว โดยไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่ายื่นขอสัญชาติไปเมื่อไหร่ หรือ ถูกเรียกให้ไปสอบเมื่อใด คือ หลัง 15 พ.ย. ที่ว่าก็นั่นแหล่ะ ข้อสอบใหม่ก็เริ่มเลย...อาจจะมีที่ยังไม่รู้กันนิดหน่อยก็คือ ตั้งแต่ 30 ตุลาคมที่จะถึงนี้ ผู้สมัคร (ไม่ใช่แค่เฉพาะขอสัญชาตินะ รวมถึงผู้สมัครวีซ่าตัวอื่นบางตัวด้วย) จะต้องยอมรับเงื่อนไข Australian Values Statement (AVS) ในใบสมัครด้วย แต่อันนี้ไม่ได้มีอะไรต้องตกใจไป เอาเป็นว่าแค่เล่าสู่กันฟัง

วนมาที่เรื่องของข้อสอบกันต่อ...จากประกาศของรัฐบาลในวันที่ 17 กันยายนที่ผ่านมา ข้อสอบก็จะมี 20 ข้อเหมือนเดิมนั่นแหล่ะ แต่ที่เปลี่ยนแปลงคือ 5 จาก 20 ข้อจะถามในเรื่องของ Australian Values ซึ่งเงื่อนไขของการทำข้อสอบให้ผ่าน น้องๆหนูๆจะต้อง
  1. ทำคะแนนให้ได้ไม่ต่ำกว่า 75% คิดมาให้แล้วคือ ต้องถูก 15 จาก 20 ข้อ
  2. คำถาม 5 ข้อที่ถามเกี่ยวกับ Australian Values จะต้องตอบให้ถูกทั้งหมด 5 ข้อ
ตัวอย่างเพิ่มความเข้าใจ สมมติตอบถูก 15 ข้อ แต่ใน 5 ข้อที่ตอบผิด มีคำถามที่อยู่ในหมวด Australian Values อยู่ด้วย ต่อให้จะผิดแค่ข้อเดียวในหมวดนี้ ก็ถือว่าสอบไม่ผ่านนะครับ เพราะต้องผ่านเงื่อนไขทั้ง 2 ขั้นต้นถึงจะผ่านเน้อออ

แต่ยังไงซะก็ไม่ต้องวิตกกังวลกันไป เพราะเขามีตัวอย่างข้อสอบให้ลองทำกันแล้วที่ DHA website ไปลองเล่นกันได้เลยที่ https://immi.homeaffairs.gov.au/citizenship/test-and-interview/prepare-for-test/practice-test-new บอกใบ้ให้อีกนิดสำหรับคนที่กังวลว่ากลัวจะทำข้อสอบไม่ผ่าน ลิงค์ที่ให้นอกจากจะมีข้อสอบให้ลองทำแล้ว น้าก็แค่เพียงกระซิบบอกเบาๆกับทุกคนว่า "ลองกดไปที่ resource booklet" กันดูครับ สว่างวาบวิบวับแน่นอน จุ๊บๆ 💋💋💋

ทิ้งท้ายบทความด้วยช่องทางการติดต่อของ CPSydney office กันอย่างเช่นเคย ช่วงนี้เรายังอยู่ในสภาพการทำงานแบบ work from home สลับกับเข้าออฟฟิศบ้างในบางวัน แต่อย่างน้อยจะมีพนักงานมาเข้าออฟฟิศในทุกวันทำการของเรา เพราะฉะนั้นก็ยังสามารถโทรมาสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับวีซ่าประเภทต่างๆได้ตามปกติที่ 02 9267 8522 หรือจะทักกันมาที่ Facebook page www.facebook.com/cpsyd หรือที่ LINE ID: cpsydney2 ก็ได้ครับ ด้วยสถานการณ์ที่ต้องทำงานที่บ้านกันแบบนี้ ก็อาจจะมีความล่าช้าไปบ้าง ยังไงน้าก็ขอเป็นตัวแทนกราบขออภัยมา ณ ที่นี้ไว้ด้วยนะจ๊ะ

สุดท้ายก็ฝากไปตำ LIKE หรือ FOLLOW เพจกันด้วย จะได้ติดตามข่าวสารข้อมูลต่างๆที่เป็นประโยชน์ไม่ว่าจะเป็นทุนการศึกษา โปรโมชั่นต่างๆ และเรื่องอื่นๆที่น่าสนใจเกี่ยวกับวีซ่าออสเตรเลีย รวมถึงสถานที่ท่องเที่ยวและข่าวสารต่างๆในออสเตรเลียกันได้ครับ...สำหรับฉบับนี้ต้องขอลาไปก่อน แล้วเจอกันใหม่ฉบับหน้า สวัสดีครับ

แหล่งข้อมูลอ้างอิง

วางแผนการเรียนอย่างถูกต้อง คำนึงถึงอนาคตของที่ดีของทุกคนในระยะยาว CPSydney สิคะ...วีซ่านักเรียน วีซ่าทักษะ วีซ่าทำงาน และวีซ่าครอบครัวประเภทต่างๆ #AllServicesYouNeedEndHere


#น้าหนวด

วันอังคารที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2563

เกร็ดความรู้เกี่ยวกับ Bridging Visa E และ 10 คะแนนพิเศษสำหรับคนโสดที่ยื่น PR

สวัสดีจร้าาา เด็กๆ น้าหนวดกลับมาแล้วนะจ๊ะ หายหน้าหายตากันไปนานเลย...วันนี้จะแวะมาอัพเดทบอกเกร็ดความรู้เล็กๆน้อยๆชิมลางให้ได้อ่านกันไปก่อน

ก็ตอนนี้สถานการณ์โดยรวมของ COVID-19 ในออสเตรเลียก็ถือได้ว่าดีขึ้นมากๆแล้ว น้าก็หวังใจว่าทุกอย่างจะกลับมาเป็นปกติในเร็ววันนี้แหล่ะ ใครที่ตัดสินใจอยู่ต่อยังไม่กลับก็กลั้นใจกันอีกสักนิด และก็อย่าลืมปฏิบัติตามเงื่อนไขของ social distancing กันอย่างเคร่งครัดด้วยนะครับ อย่าลืมเรื่องสุขอนามัยอย่างการล้างมือบ่อยๆ ส่วนเรื่องหน้ากากอนามัย หรือ Face shield ก็แล้วแต่สะดวกกันเลย ใส่ก็ไม่ผิด ไม่ใส่ก็ไม่ผิด

เชื่อว่าคนส่วนใหญ่คงจะไม่ได้คุ้นเคยกับ Bridging Visa E (BVE) กันสักเท่าไหร่ คือ มันก็ไม่ใช่วีซ่าที่อยู่ดีๆ ควรจะไปยื่นขอหรอก หลักๆที่จะคุ้นเคยก็จะมีอยู่แค่ไม่กี่กรณี อาทิเช่น
  • ยื่นวีซ่าไม่ทันก่อนที่วีซ่าตัวปัจจุบันจะหมด ก็ต้องยื่นเข้าไปภายใน 30 วัน เพื่อขอยื่นวีซ่าตัวใหม่
  • โดนยกเลิกวีซ่ากลายเป็น PE (ศัพท์วัยรุ่นเค้าเรียกกัน น้าก็จำมาอีกที) แต่อยากจะขอเดินทางกลับประเทศบ้านเกิดอย่างถูกต้อง
  • แล้วก็อันนี้ทำกันเยอะเลย คือ โดนเอเจนท์หลอกให้ยื่น Protection visa (บางคนก็ไม่ได้โดนหลอก เต็มใจยื่นเลยแหล่ะ) อันนี้ก็ไม่ได้อยากว่า ก็เข้าใจว่ามีเหตุผลและความจำเป็นไม่เหมือนกัน แต่มันกระทบกับคนอื่นๆไง เข้าใจป่ะ
...บอกก่อนเลยว่า BVE ไม่มีค่าวีซ่านะจ๊ะ...

ปกติ (กรณีแรก) ถ้าได้ BVE มา ก็จะได้เงื่อนไขการทำงานตามเดิมจากวีซ่าตัวเก่าที่เคยถือ แต่ถ้าเป็นในกรณีที่เป็น PE มานานนมจนจำไม่ได้ว่าเป็นคนล่าสุดเมื่อไหร่ อันนี้ถ้า BVE ผ่าน จะไม่สามารถทำงานได้นะครับ แต่เดชะบุญ สำหรับตอนนี้ที่มีสถานการณ์การระบาดของ COVID-19 อยู่ ทางเจ้าหน้าที่อิมมิเกรชั่นก็ใจดีเป็นพิเศษ ให้คนที่ถือ BVE สามารถทำงานได้ หลักฐานก็ดูจากรูปด้านล่างที่น้าได้ยื่นให้ลูกค้าท่านหนึ่งในช่วงปลายเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมานี่เองครับ




























ก็จะเห็นในกรอบสีแดงที่ตั้งใจตีกรอบไว้ให้เห็นว่า "The Visa Holder has unlimited Work Entitlements" คร่าวๆความเป็นไปเป็นมาของเคสนี้ก็คือ น้องเมย (นามสมมติ) ได้ถูกปฏิเสธวีซ่านักเรียน และ การอุทธรณ์จากการทำเรื่องมาจากเอเจนท์หนึ่ง แล้วด้วยสถานการณ์ที่เราเห็นและเป็นกันอยู่ ทำให้น้องเมยยังไม่สามารถเดินทางกลับไทยได้ เลยติดต่อสอบถามน้าหนวดเกี่ยวกับการยื่น BVE เพราะไม่อยากเป็น PE หลังจากที่น้าได้ปรึกษากับผู้ทรงคุณวุฒิที่มีความรู้ทางด้านกฎหมายการย้ายถิ่นฐาน (Migration agent ของที่ออฟฟิศ) อันนี้ก็อยากจะให้ความรู้เพิ่มเติมกับพี่ๆน้องๆคนไทยว่า Migration agent ไม่ใช่ทนาย (Lawyer)นะครับ เพราะเรียกผิดกันเยอะมาก

สุดท้ายก็ได้ความมาว่าต้องยื่น BVE ให้น้องเมยหลังจากที่ Briding Visa A (BVA) ของน้องเมยหมด ก็เลยได้ยื่น BVE ให้ในวันที่ 27/05/2020 ด้วยหลักฐานเอกสารทั่วไปพร้อมกับคำอธิบาย และหลักฐานอื่นๆเพิ่มเติมที่พิสูจน์ว่าน้องเมยไม่สามารถเดินทางออกนอกประเทศได้จริงๆในช่วงนี้ ผ่านไปแค่ 2 วันเท่านั้นแหล่ะ น้องเมยก็ได้ BVE ออกมาตามหลักฐานข้างต้นในวันที่ 29/05/2020 โดยนอกจากจะสามารถทำงานได้แล้ว น้องเมยยังได้ระยะเวลาอยู่ในออสเตรเลียต่ออย่างถูกต้องอีกค่อนข้างนานพอสมควร เพราะสามารถอยู่ในออสเตรเลียได้จนถึงวันที่ 26/11/2020 เลยทีเดียวครับ...อนึ่ง ต้องบอกเพิ่มเติมก่อนด้วยว่า น้องเมยมีได้รับโทรศัพท์สัมภาษณ์จากเจ้าหน้าที่เพื่อขอข้อมูลเพิ่มเติมก่อนที่จะได้รับ BVE ในช่วงเย็นของวันที่ 29/05/2020 ด้วยนะ จากการบอกเล่าของน้องเมย เจ้าหน้าที่เขาก็ถามละเอียดพอสมควรเกี่ยวกับข้อมูลส่วนตัวต่างๆ รวมถึงข้อมูลเกี่ยวกับที่ทำงานด้วย แต่ก็ไม่ได้เป็นข้อมูลเชิงลึกที่ยากจนไม่สามารถตอบได้ด้วยตัวเองครับ

อีกเรื่องที่อยากจะให้เขียนได้อ่านกันในฉบับนี้ตามที่จั่วหัวไว้ก็คือในเรื่องของการนับแต้มสำหรับการยื่นขอ PR ด้วยตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นผ่านทาง subclass อะไรก็ตาม...ถ้าพอคุ้นๆกันนะ อิมมิเกรชั่นได้เพิ่มหมวดหมู่การนับแต้มสำหรับการยื่น PR ด้วยตัวเองมาตั้งแต่ในช่วงปลายปี 2019 ที่ผ่านมาละ หมวดหมู่ที่เพิ่มเติมเข้ามาที่น่าสนใจมากๆสำหรับทุก subclass ก็จะมี 2 หมวดหมู่นี้ครับ
  • Partner skills ไม่ได้หมายถึงว่าต้องมีคู่ครองถึงจะได้คะแนนเพิ่มนะครับ สามารถแยกย่อยออกมาได้ดังนี้
    • 10 คะแนน สำหรับการยื่นคนเดียวแบบโสดๆ
    • 10 คะแนน สำหรับคนที่มีคนติดตาม และคนติดตามก็มี skill ทักษะเดียวกัน (มีเงื่อนไขอื่นๆเพิ่มเติมด้วย)
    • 5 คะแนน สำหรับคนที่มีคนติดตาม และคนติดตามมีผลวัดระดับความสามารถทางภาษาอังกฤษในระดับ competent English (เทียบเท่า IELTS 6.0 ทุกแบนด์)

  • Specialist education qualification (10 คะแนน) เรียนจบเฉพาะทางในระดับ Master degree by research หรือ Doctorate degree จากสถาบันในออสเตรเลีย โดยจะต้องเป็นหลักสูตรไม่ต่ำกว่า 2 ปี สาขาเฉพาะทางที่จะได้คะแนนเพิ่ม ได้แก่ Science, Technology, Engineering, Mathematics or specified Information and Communication Technology (ICT)














นี่ยังไม่ได้รวมอีก 15 คะแนน สำหรับคนที่ยื่นใน subclass 489 หรือ subclass 491 ที่ได้รับการ nominated จากรัฐใน regional area หรือ sponsored จากบุคคลในครอบครัวที่อาศัยอยู่ใน regional area อีกด้วยนะ

เห็นรึยังว่าโอกาสการเป็น PR ยังไม่ได้หมดลงซะทีเดียว "เลือกอาชีพที่ใช่สำหรับตัวเอง 👨‍💼 วางแผนการเรียนให้ถูกต้อง 📖 PR ที่หวังไว้ก็ยังมีโอกาสอยู่นะ 🇦🇺"

ฉบับนี้ก็เอาแค่นี้ก่อนแหล่ะ ให้ได้อ่านกันพอหอมปากหอมคอกันไปก่อน เดี๋ยวฉบับหน้าจะเขียนอะไรให้ได้อ่านก็รอติดตามชมกันได้นะจ๊ะ

ทิ้งท้ายบทความด้วยช่องทางการติดต่อของ CPSydney office กันอย่างเช่นเคย ตอนนี้ที่ออฟฟิศกลับมาให้บริการเป็นปกติแล้ว (วันจันทร์ ถึง วันศุกร์ ตั้งแต่ช่วงเวลา 9.00 - 17.15 น.) สามารถโทรมาสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับวีซ่าประเภทต่างๆได้ที่ 02 9267 8522 หรือถ้าเป็นสาย social ก็ทักกันมาที่ Facebook page www.facebook.com/cpsyd หรือที่ LINE ID: cpsydney2 ก็ได้ครับ

สุดท้ายก็ฝากกด LIKE หรือ FOLLOW เพจกันด้วย จะได้ติดตามข่าวสารข้อมูลต่างๆที่เป็นประโยชน์ไม่ว่าจะเป็นทุนการศึกษา โปรโมชั่นต่างๆ และเรื่องอื่นๆที่น่าสนใจเกี่ยวกับวีซ่าออสเตรเลีย รวมถึงสถานที่ท่องเที่ยวและข่าวสารต่างๆในออสเตรเลียกันได้ครับ...สำหรับฉบับนี้ต้องขอลาไปก่อน แล้วเจอกันใหม่ฉบับหน้า สวัสดีครับ

แหล่งข้อมูลอ้างอิง


วางแผนการเรียนอย่างถูกต้อง คำนึงถึงอนาคตของที่ดีของทุกคนในระยะยาว CPSydney สิคะ...วีซ่านักเรียน วีซ่าทักษะ วีซ่าทำงาน และวีซ่าครอบครัวประเภทต่างๆ #AllServicesYouNeedEndHere


#น้าหนวด

วันจันทร์ที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2562

Grand Opening วีซ่าใหม่มาแล้วจร้าาาGrand Opening วีซ่าใหม่มาแล้วจร้าาา...Points system Schedule 6D ก็ด้วยนะ!!!

สวัสดี สวัสดี สวัสดี...วันนี้เรามาพบกัน เธอและฉันพบกัน สวัสดี แล้วเจอกันใหม่ฉบับหน้า สวัสดีครับ แพ่ม แพมมม555!! หายหน้าหายตาไปเกือบ 2 เดือนเลย ต้องขอโทษด้วยนะครับ ก่อนหน้านี้งานราษฎร์งานหลวงนี่ชุกเหลือเกิน จากฉบับล่าสุดที่เขียนเกี่ยวกับการทำ PR ผ่านทางรัฐ Tasmania ไป (ตามไปอ่านย้อนหลังกันได้ที่ https://visatalkbycpsydney.blogspot.com/2019/10/Tasmania-subclass190-requirement.html) วันนี้ก็ตามหัวข้อเลย น้าจะพาหนูๆไปรู้จักกับวีซ่าทักษะตัวใหม่ทั้ง 3 ตัวที่เพิ่งประกาศใช้อย่างเป็นทางการในวันที่ 16 พฤศจิกายนที่ผ่านมานี่เองครับ

**หมายเหตุ ตอนนี้ปัญหาไฟป่าในออสเตรเลียยังไม่ได้รับการแก้ปัญหาให้สิ้นซากไป ยังไงก็รักษาสุขภาพกันด้วยนะครับ...ใครอยู่ในบริเวณใกล้เคียงก็ขอให้ปลอดภัย เริ่มต้นปี 2020 เมื่อไหร่ก็ขอให้เริ่มต้นกันแต่สิ่งดีๆนะครับ

อีกสักนิดก่อนจะไปลุยกันด้วยเรื่องของวีซ่าตัวใหม่ทั้งหลาย...ในช่วงตั้งแต่ประมาณปลายเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ได้มีการออกมาอัพเดทจากทาง Department of Home Affairs (DHA) ว่าจะเพิ่มจำนวนเงินสำหรับการโชว์เอกสารการเงินสำหรับทั้ง Student visa (subclass 500) และ Student Guardian visa (subclass 590) ในหมวดของ Living costs and expenses กับ Travel expenses ซึ่งก็จะมีรายละเอียดเล็กน้อยถึงปานกลาง แต่ไม่ต้องห่วง น้าหนวดได้สรุปขยำเอามากองรวมกันไว้ให้ตรงนี้แล้วครับ
  • หลักฐานทางการเงินจากธนาคาร (ผู้ที่เป็นสปอนเซอร์ต้องมีเงินในบัญชีไม่ต่ำกว่า)
    • มาเดี่ยวๆ ไม่เกี่ยวใคร A$21,014
    • มีแฟนติตามด้วย A$21,014 + A$7,362
    • มีคนติดตามเป็นลูก A$21,014 + A$11,448
    • มาเป็นครอบครัว A$21,014 + A$7,362 + A$11,448
  • หลักฐานทางการเงินที่เป็นรายได้ต่อปี (ผู้ที่เป็นสปอนเซอร์จะต้องมีรายได้ต่อปีไม่ต่ำกว่า)
    • มาเดี่ยวๆ ไม่เกี่ยวใคร A$62,222
    • มีคนติดตาม (ไม่ว่าจะในความสัมพันธ์แบบคู่รัก หรือเป็นลูก) A$72,592

จะเริ่มเรื่องวีซ่าทักษะตัวใหม่ละนะ

คงจะพอทราบกันมาตั้งแต่ต้นปีแล้วว่ารัฐบาลของท่าน Scott Morrison นั้นต้องการจะผลักดันให้ผู้คนออกไปอยู่อาศัยในพื้นที่ภูมิภาคมากขึ้น เพื่อเป็นการลดความหนาแน่นของประชากรในเมืองใหญ่ต่างๆ รวมถึงเป็นการกระจายรายได้ให้ออกไปในทุกพื้นที่ของประเทศอีกด้วย จึงเป็นที่มาของการจำกัดความใหม่ของ Regional areas และ วีซ่าตัวใหม่ที่เอื้อประโยชน์ให้กับคนที่ตัดสินใจไปเรียนหรือย้ายไปอยู่ในพื้นที่ภูมิภาคต่างๆ นอกจากนี้ยังเพิ่มโควตาต่อปีสำหรับการขอ PR ผ่านทางพื้นที่ภูมิภาค (Regional areas) เป็น 25,000 คน ตลอดระยะเวลา 4 ปีนับตั้งแต่ปีนี้เป็นต้นไปอีกด้วย...เดี๋ยวเรามาเริ่มกันที่นิยามใหม่ของพื้นที่ภูมิภาคกันเลยดีกว่าเนอะ

  1. Major Cities ได้แก่ Sydney, Melbourne, และ Brisbane (น่าจะรวมถึงละแวกใกล้เคียงด้วย) จะไม่นับเป็นพื้นที่ภูมิภาคนะครับ และจะไม่ได้สิทธิประโยชน์อะไรจาก Regional incentives ซักอย่าง
  2. Cities and major regional centres ได้แก่ Perth, Adelaide, Gold Coast, Sunshine Coast, Canberra, Newcastle/Lake Macquarie, Wollongong/Illawarra, Geelong, และ Hobart จัดเป็นพื้นที่ส่วนภูมิภาคระดับ 1 ที่จะได้รับสิทธิพิเศษจาก Regional incentives ดังนี้
    • อยู่ในกลุ่มโควตา 25,000 คน/ปี ที่ยื่น PR ผ่านทาง regional areas ได้
    • Priority processing เหมือนเป็น fast lane อ่ะ
    • สามารถเลือกอาชีพในการยื่น PR จาก Regional Occupation List (ROL) ได้ด้วย
    • นักเรียนต่างชาติที่เลือกเรียนในพื้นที่ข้างต้น จะสามารถขอวีซ่า Post-study work visa ได้เพิ่มขึ้นอีก 1 ปี
  3. Regional centres and other regional areas ก็จะเป็นพื้นที่ส่วนภูมิภาคระดับ 2 ที่ครอบคลุมพื้นที่ที่เหลือนอกจากที่ได้ระบุไปข้างต้น (อันนี้จะต้องเช็ค postcode กันอีกทีด้วยนะครับ) จะได้รับสิทธิประโยชน์จาก Regional incentives เช่นเดียวกันกับพื้นที่ส่วนภูมิภาคระดับ 1 แต่จะแตกต่างกันตรงที่
    • นักเรียนต่างชาติที่เลือกเรียนในพื้นที่กลุ่มนี้ จะสามารถขอวีซ่า Post-study work visa ได้เพิ่มขึ้นอีก 2 ปี
    • สิทธิประโยชน์จากการเป็น Designated Area Migration Agreements (DAMAs)
นอกจากนี้ ข่าวดีที่เกี่ยวข้องกับน้องๆที่สนใจจะเลือกไปเรียนในพื้นที่ส่วนภูมิภาคทั้งหลาย ก็จะเป็นในเรื่องของทุนการศึกษามูลค่า A$15,000 จากรัฐบาล...จากประกาศของ Department of Education (DE) ตอนนี้เป็นที่แน่ชัดแล้วว่าในปีการศึกษา 2020 รัฐฯได้อนุมัติทุนการศึกษาดังกล่าวชื่อ Destination Australian Program ออกมาแล้วทั้งหมดถึง 1,180 ทุนด้วยกัน โดยจะครอบคลุมแจกให้ทั้งนักเรียนต่างชาติและนักเรียนท้องถิ่น ส่วนระดับหลักสูตรที่ครอบคลุมก็จะไล่ขึ้นไปตั้งแต่ Certificate IV จนลากยาวไปถึง PhD เลยนะครับ เพราะฉะนั้นหากใครสนใจในทุนดังกล่าวก็สามารถแสดงเจตจำนงกับทางสถาบันการศึกษาที่เลือกเรียนเพื่อสมัครขอทุนการศึกษากันได้เลยนะครับ แต่ อย่าเข้าใจผิดคิดว่าทุกสถาบันการศึกษาในออสเตรเลียที่อยู่ในพื้นที่ภูมิภาคจะได้รับอนุมัติทุนดังกล่าวจากรัฐทุกสถาบันนะครับ เพราะมีสถาบันการศึกษาแค่เพียง 35 แห่งเท่านั้นเองนะครับที่ได้รับทุน Destination Australian Program จากทางรัฐบาล ทั้งนี้ทั้งนั้นคนที่จะเริ่มเรียนกับโรงเรียนหรือมหา'ลัยที่ตั้งอยู่ใน regional areas ตั้งแต่ปีการศึกษา 2020 เป็นต้นไป ก็สามารถลองติดต่อสถาบันที่ตัวเองเลือกเรียนต่อกันดูได้นะครับ ถ้าโชคดีได้รับทุนนี้ ก็สบายตัวเลยนะ

มาดูกันต่อที่รายละเอียดของวีซ่าทักษะตัวใหม่ทั้ง 3 ตัว ที่ Grand opening กันไปแล้วตั้งแต่วันที่ 16 พฤศจิกายนที่ผ่านมากันบ้างดีกว่า
  • Skilled Work Regional (Provisional) visa subclass 491 ตัวนี้จะมาแทนที่ subclass 489 ตั้งแต่วันที่ประกาศนี่แหล่ะ ที่จริงก็ยังมีความคล้ายคลึงกับตัว 489 พอสมควร แต่สิ่งที่เพิ่มเติมเข้ามาก็จะมีตามนี้เลยครับ
    • คำจำกัดความของ Regional areas ที่เพิ่งเขียนไปในข้างต้น
    • คนที่ถือวีซ่า 491 จะไม่สามารถเปลี่ยนไปยื่น partner visa ได้ นอกเสียจากว่าถือตัว 491 มาเป็นเวลาไม่ต่ำกว่า 3 ปีขึ้นไป นอกจาก partner visa แล้วก็ยังจะมีวีซ่าตัวอื่นๆอีกด้วยที่ต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขข้อนี้ ได้แก่ Distinguished Talent subclass 124 และ subclass 858, Business Talent subclass 132, Employer Nomination Scheme subclass 186, Business Innovation and Investment (Provisional) subclass 188, Skilled - Independent subclass 189, และ Skilled - Nominated subclass 190
    • วีซ่า 491 เป็นวีซ่า 5 ปี ในขณะที่ตัว 489 จะอยู่ที่ 4 ปีเท่านั้น
    • คนติดตาม (Second applicant) หลังจากที่ได้วีซ่าแล้ว สามารถย้ายไปอยู่ใน regional areas บริเวณอื่นได้ แต่คนหลักต้องอยู่ที่เดิมกับที่สมัครวีซ่าไป
คราวนี้ก็มาดูกันต่อที่คุณสมบัติของคนที่จะสมัครวีซ่า 491 นี้กันดูบ้าง ว่าคนที่สนใจในวีซ่าตัวนี้ต้องมีคุณสมบัติอย่างไร ถึงจะเพียงพอต่อการสมัครวีซ่าตัวนี้ จะได้ไปเตรียมตัวฟิตร่างกายมาได้ถูกต้อง
      1. ได้รับการสปอนเซอร์จาก state or territory ที่อาศัยอยู่ หรือญาติที่อาศัยอยู่ใน regional areas นั้นๆ
      2. ต้องเป็นอาชีพที่อยู่ในลิสต์ที่เป็นที่ต้องการของ state or territory นั้นๆ
      3. อายุไม่เกิน 45 ปี ขณะที่สมัครวีซ่าตัวนี้
      4. Positive skills assessment
      5. นับคะแนนให้ได้มากกว่า 65 คะแนนในระบบ Points stystem
      6. มีความสามารถทางภาษาอังกฤษในระดับ Competent English เทียบได้เป็นคะแนนสอบ IELTS 6.0 ในแต่ละพาร์ท หรือเทียบเท่า
      7. คุณสมบัติรวมๆอื่นๆ ก็จะเป็นในเรื่องของสุขภาพ ประวัติทางคดีความและประวัติวีซ่าต่างๆ รวมถึงไม่มีสภาวะเป็นหนี้ในออสเตรเลีย
  • Skilled Employer Sponsored Regional (Provisional) visa subclass 494 ตัวนี้น่าจะง่ายหน่อยละ เพราะหลายๆคนน่าจะคุ้นเคย เนื่องจากตัววีซ่า 494 จะเข้ามาแทนตัว PR ที่ได้มาจากการมีนายจ้างสปอนเซอร์ให้การสนับสนุนจากการทำงานใน regional areas (Direct entry stream) เท่านั้นนะครับ ส่วนคุณสมบัติของการสมัครวีซ่าตัวนี้ก็จะเป็นดังต่อไปนี้ครับ
    • Employer Sponsored Stream
      • PIC 4007 คือ ทั้งคนหลักและคนติดตาม (ในกรณีที่มี) จะต้องไม่มีปัญหาทางด้านสุขภาพ
      • ได้รับการสปอนเซอร์จากนายจ้างที่ประกอบธุรกิจอยู่ใน regional area
      • อายุไม่เกิน 45 ปี ขณะที่ยื่นสมัครวีซ่า
      • Positive skills assessment
      • มีความสามารถทางภาษาอังกฤษในระดับ Competent Englishเทียบได้เป็นคะแนนสอบ IELTS 6.0 ในแต่ละพาร์ท หรือเทียบเท่า 
      • พิสูจน์ได้ว่ามีประสบการณ์ทำงานไม่ต่ำกว่า 3 ปี (นับเฉพาะ Full time 38 ชั่วโมงต่อสัปดาห์)
    • Labour Agreement Stream
      • PIC 4005 ก็คือเรื่องสุขภาพเหมือน PIC 4007 นั่นแหล่ะ
      • นายจ้างต้องมี work agreement กับทางรัฐบาลออสเตรเลีย
      • อายุไม่เกิน 45 ปี ขณะที่ยื่นสมัครวีซ่า นอกเสียจากว่ามีระบุข้อยกเว้นใน labour agreement ระหว่างนายจ้างกับภาครัฐ
      • Positive skills assessment
      • มีความสามารถทางภาษาอังกฤษตามที่ระบุไว้ใน labour agreement ระหว่างนายจ้างกับภาครัฐ
      • พิสูจน์ได้ว่ามีประสบการณ์ทำงานไม่ต่ำกว่า 3 ปี (นับเฉพาะ Full time 38 ชั่วโมงต่อสัปดาห์)
  • Permanent Residence (Skilled Regional) visa subclass 191 ตัวนี้ต้องรอจนถึงวันที่ 16 พฤศจิกายน 2020 นู้นเลย ถึงจะเริ่มยื่น PR ผ่านทาง subclass 191 ได้ หลักก็คือต้องถือวีซ่า 491 หรือ 494 อย่างน้อยเป็นเวลา 3 ปี ถึงจะขอ PR ใน subclass นี้ได้นั่นแหล่ะ
จบท้ายกันสวยๆด้วย Points system (Schedule 6D) แบบใหม่ ที่ประกาศออกมาในวันเดียวกัน โดยให้มีผลบังคับใช้กับ subclass 189, subclass 190, subclass 489, และ subclass 491...ชัดๆ เคลียร์ๆ กันตรงนี้นะครับว่าตัว Points system ใหม่ตัวนี้ จะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 16 พฤศจิกายน 2019 เป็นต้นมา เพราะฉะนั้นคนที่ยื่น PR ไปก่อนหน้านี้ ด้วยการนับคะแนน ไม่ว่าจะเป็น subclass อะไรก็แล้วแต่ จะไม่ได้รับผลกระทบกับ Points system ตัวใหม่นี้ครับ
  • 15 คะแนน สำหรับผู้สมัครที่ได้รับการสนับสนุนจาก state or territory หรือสมาชิกครอบครัวใน regional areas
  • 10 คะแนน สำหรับผู้สมัครที่คนติดตามมีทักษะที่เป็นที่ต้องการในออสเตรเลียเหมือนกัน
  • 10 คะแนน สำหรับผู้สมัครที่สำเร็จการศึกษาในระดับปริญญาโท (Research) หรือปริญญาเอกในออสเตรเลียทางด้าน STEM ได้แก่ Science, Technology, Engineering, หรือ Mathematics
  • 10 คะแนน สำหรับผู้สมัครที่ไม่มีคนติดตามแนบพ่วงเข้ามาด้วย
  • 5 คะแนน สำหรับผู้สมัครที่คนติดตามมีความสามารถทางภาษาอังกฤษในระดับ Competent English เทียบได้เป็นคะแนนสอบ IELTS 6.0 ในแต่ละพาร์ท หรือเทียบเท่า
  • 5 คะแนน สำหรับผู้สมัครที่เรียนใน regional areas
นอกจากนี้ ทาง DHA ยังระบุถึงลำดับการออก invitation letter ให้ยื่น PR ในกรณีที่คะแนนเท่ากันอีกด้วย
  1. ผู้สมัครที่คนติดตามมีทักษะที่เป็นที่ต้องการในออสเตรเลีย หรือผู้สมัครที่ไม่มีคนติดตามยื่นพ่วงเข้ามาด้วย
  2. ผู้สมัครที่คนติดตามมีความสามารถทางภาษาอังกฤษในระดับ Competent English
  3. ผู้สมัครที่คนติดตามไม่มีทั้งทักษะที่เป็นที่ต้องการในออสเตรเลีย และมีความสามารถทางภาษาอังกฤษไม่ถึงระดับ Competent English
ทิ้งท้ายบทความด้วยช่องทางการติดต่อของ CPSydney office เหมือนเดิม ถ้าเป็นเบอร์โทรศัพท์ก็ตามนี้เลยครับ +61 2 9267 8522 หรือจะทักกันมาที่ Facebook page www.facebook.com/cpsyd หรือที่ LINE ID: cpsydney2 ก็ได้...เราสามารถให้คำปรึกษาได้ทั้งในเรื่องของวีซ่านักเรียน วีซ่าครอบครัว และวีซ่าทักษะประเภทต่างๆเลยครับ

สุดท้ายก็ฝากกด LIKE หรือ FOLLOW เพจกันด้วยนะครับ จะได้ติดตามข้อมูลต่างๆที่เป็นประโยชน์ไม่ว่าจะเป็นทุนการศึกษา โปรโมชั่นต่างๆ และเรื่องอื่นๆที่น่าสนใจเกี่ยวกับวีซ่าออสเตรเลีย รวมถึงสถานที่ท่องเที่ยวและข่าวสารต่างๆในออสเตรเลียกันได้ครับ...สำหรับฉบับนี้ต้องขอลาไปก่อน แล้วเจอกันใหม่ฉบับหน้านะจ๊ะ

ปล. ช่วงนี้ออฟฟิศของเราปิดปีใหม่ตั้งแต่วันจันทร์ที่ 23 ธันวาคม 2019 ไล่ยาวไปถึงวันศุกร์ที่ 3 มกราคม 2020...แล้วจะกลับมาเปิดให้บริการตามปกติอีกทีวันจันทร์ที่ 6 มกราคม 2020 นะครับ ระหว่างนี้ถ้าใครมีเรื่องด่วนอะไรก็สามารถติดต่อมาได้ที่ +61 422 289 189 หรือ LINE ID: cpsydney2 

แหล่งข้อมูลอ้างอิง

วางแผนการเรียนอย่างถูกต้อง คำนึงถึงอนาคตของที่ดีของทุกคนในระยะยาว CPSydney สิคะ...วีซ่านักเรียน วีซ่าทักษะ วีซ่าทำงาน และวีซ่าครอบครัวประเภทต่างๆ #AllServicesYouNeedEndHere


#น้าหนวด