วันพฤหัสบดีที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2560

SSVF ตัวเดิม เพิ่มเติมคือ Immigration Risk Rating REVIEW พ่วงด้วยข่าวลือเกี่ยวกับวีซ่า RSMS ที่ Perth!!!


สวัสดีครับ น้าหนวด กลับมาแล้ว!! รอบนี้กลับมาเร็วหน่อยนะครับ จากที่ปกติจะเขียนบทความออนไลน์แค่เดือนละฉบับ แต่นี่ก็ต้องมาเขียนส่งท้ายสิ้นเดือนมีนาคม 2017 จนได้!! ก็เป็นเรื่องแล้วนะครับสำหรับเพื่อนๆนักเรียนคนไทย ในที่สุดทางอิมมิเกรชั่นก็ได้ออกมา Immigration Risk Rating ตัวใหม่ออกมาแล้วนะครับ ซึ่งก็เป็นไปตามโผที่เราได้ยินมาจากเจ้าหน้าที่สถาบันต่างๆ คือ  COUNTRY RISK RATING ตัวใหม่ของนักเรียนไทยได้ถูกปรับลงไปเป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงสุด (LEVEL 3) และมีผลบังคับใช้ทันทีตั้งแต่วันนี้จากการเช็คจากหน้าเวบของอิมมิเกรชั่นในช่วงเช้าที่ผ่านมาเป็นที่เรียบร้อยแล้วนาจาาา ก่อนอื่นน้าหนวดต้องขอออกตัวก่อนนิดนึงว่า ด้วยความที่หัวข้อในวันนี้อาจจะมีความตึงเครียดและจริงจังพอสมควร แต่น้าหนวดไม่ได้ต้องการให้มันออกมาโทนที่มีความตึงอะไรเบอร์นั้น น้าหนวดก็อาจจะใช้ภาษาเบาๆ เติมความตลกเข้าไปเล็กน้อย ถ้าผิดพลาดอะไรไปก็ขอโทษมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ ^^

จากที่ก่อนหน้านี้ทางเพจของ CP Sydney ได้แชร์ประกาศที่ได้รับโดยตรงมาจากอิมฯในวันที่ 24 มีนาคมที่ผ่านมา ที่แจ้งให้สถาบันและเอเจนท์ที่มี Registered Migration Agent ที่ลงทะเบียนขึ้นตรงกับอิมฯได้ทราบว่า เขาจะแจ้งตัว Immigration Risk Rating ตัวใหม่ออกมาในวันที่ 31 มีนาคม 2017 ผ่านทาง https://www.border.gov.au/Trav/Visa-1/500- (สามารถคลิกอ่านรายละเอียดของประกาศจากอิมฯตามลิงค์นี้ได้เลยนะจ๊ะ https://www.facebook.com/cpsyd/photos/a.397281047009877.90612.397245567013425/1438660609538577/?type=3&theater) ในที่สุดวันนี้เราก็ได้ทราบผลกันเป็นที่เรียบร้อยแล้วนะครับ ก็เป็นไปตามที่เขียนไว้ในอักษรสีแดงพร้อมไฮไลท์ดำด้านบนเลย คือ เราโดนปรับลงไปให้อยู่ในกลุ่ม Level 3 เป็นที่เรียบร้อยแล้วจริงๆ โดยจะมีผลเริ่มใช้ทันทีตั้งแต่วันนี้เลยด้วย ก็เดี๋ยวเรามาดูรายละเอียดกันว่าจะมีผลกระทบยังไงกับนักเรียนไทยกันบ้าง แล้วก็ปิดท้ายด้วยข่าวลือช่วงต้นเดือนที่ผ่านมาเกี่ยวกับวีซ่า RSMS ที่ Perth จนทำให้หลายคนเข้าใจผิดไปว่า ไม่สามารถยื่นวีซ่านายจ้างสปอนเซอร์ (subclass 457) ได้อีกต่อไป เดี๋ยวเรามาลองอ่านกันเลยละกันนะครับ คุณผู้โช้มมม

ก็คือ นับตั้งแต่วันนี้ (31 มีนาคม 2017) นักเรียนไทยจะต้องแนบ เอกสารการเงิน และผลวัดระดับความสามารถทางภาษาอังกฤษ เข้าไปเป็นเอกสารประกอบการขอวีซ่านักเรียนในทุกกรณี นอกจากว่าเราจะลงเรียนในสถาบันที่อยู่ในกลุ่มความเสี่ยงน้อย (Level 1) หรือจนกว่าประกาศตัวใหม่จะออกมา ซึ่งก็ต้องรอหลังจากเดือนกันยายนเป็นต้นไปนู้นนนเลยทีเดียว ซึ่งจากผลการประเมินรอบใหม่ดังกล่าว ทำให้นักเรียนถูกจัดอยู่ในกลุ่ม Regular: R มีผลให้เราต้องแนบเอกสารการเงิน และผลวัดระดับความสามารถทางภาษาอังกฤษเข้าไปในการยื่นขอวีซ่านักเรียนตั้งแต่แรก...

ทำไมน้าหนวดถึงใช้คำว่า “ต้องแนบเอกสารทั้ง 2 ตัวเข้าไปตั้งแต่แรก” ก็เพราะว่า ถ้าเราไม่ได้แนบเอกสารทั้ง 2 เข้าไปตั้งแต่แรก visa application ของเราจะถูกพิจารณาเป็น ใบสมัครที่ไม่สมบูรณ์ (Incomplete application) และมีผลทำให้อิมฯสามารถปฏิเสธวีซ่าของเราได้ทันที โดยไม่ต้องทำการขอเอกสารหรือทำการสัมภาษณ์เพิ่มเติมแต่อย่างใดครับ เพราะเขาได้ระบุไว้อย่างชัดเจนว่า visa application ทุกใบจะต้อง complete เขาถึงจะพิจารณาวีซ่าให้ ส่วนเรื่องว่าจะผ่านหรือไม่ผ่านก็อีกเรื่องหนึ่งนะจ๊ะ อันนี้ก็ต้องแฮฟสติในการอ่านกันนิดนึง ตามที่เมนเทอร์มาช่าได้กล่าวไว้นะครับ

ในเมื่อรู้แล้วว่าข้อเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนมีอะไรบ้าง คราวนี้เราก็มาดูในรายละเอียดของเอกสารการเงิน และผลวัดระดับความสามารถทางภาษาอังกฤษกันต่อเลยดีกว่าว่า ต้องเป็นเอกสารแบบไหน และมีข้อยกเว้นอะไรบ้าง...เริ่มกันที่ “ผลวัดระดับความสามารถทางภาษาอังกฤษ” กันก่อนเลยละกัน ตั้งแต่ SSVF มีผลบังคับใช้เมื่อเดือนกรกฎาคม 2016 ทางอิมฯก็ได้ออกมาระบุว่า ในกรณีที่นักเรียนต้องแสดงผลวัดระดับความสามารถทางภาษาอังกฤษ เราควรจะได้ผลสอบขั้นต่ำที่ IELTS 4.5 หรือเทียบเท่า ซึ่งระดับคะแนนนี้ได้ถูกกำหนดขึ้นโดยความร่วมมือระหว่างรัฐบาลออสเตรเลีย และอิมฯ ที่คิดว่าเป็นผลขั้นต่ำที่เพียงพอสำหรับ overseas student ในระดับเบื้องต้นสำหรับการใช้ชีวิตอยู่ในประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาแม่ในการสื่อสารในชีวิตประจำวัน เดี๋ยวลองมาดูรายละเอียดของผลวัดระดับความสามารถทางภาษาอังกฤษโดยละเอียดจากทาง IMMI ตามรูปด้านล่างนี้ได้เลยนะครับ
แต่ทว่าอิมฯก็ยังมีความ "ตะมุตะมิ" ใจดีออกข้อยกเว้นเงื่อนไขที่ไม่ต้องโชว์ผลสอบ IELTS หรือผลสอบตัวอื่นที่เทียบเท่ามาไว้ด้วยเหมือนกัน ดังนี้
  • you are enrolled in full-time school studies as a principal course including in a secondary exchange programme, a postgraduate research course, a standalone English Language Intensive Course for Overseas Students (ELICOS), and Foreign Affairs or Defence sponsored students
  • you have completed at least five years’ study in one or more of the following countries: Australia, UK, USA, Canada, New Zealand, South Africa, or the Republic of Ireland
  • you are a citizen and hold a passport from UK, USA, Canada, NZ or Republic of Ireland
  • in the two years before applying for the student visa, you completed, in Australia and in the English language, either the Senior Secondary Certificate of Education or a substantial component of a course leading to a qualification from the Australian Qualifications Framework at the Certificate IV or higher level, while you held a student visa.
จากเงื่อนไขทั้ง 4 ข้างบนก็สามารถสรุปได้ดังนี้นะครับ คือ 
  • ลงเรียนมาในหลักสูตรจำพวก นักเรียนแลกเปลี่ยนในระดับชั้นมัธยมศึกษา, หลักสูตรปริญญาโทแบบ research, หลักสูตรภาษาอังกฤษแบบเพียวๆ, และนักเรียนทุน
  • มีหลักฐานที่พิสูจน์ได้ว่า “เราสำเร็จการศึกษาในหลักสูตรที่มีการเรียนการสอนเป็นภาษาอังกฤษเป็นเวลาอย่างน้อย 5 ปีจากประเทศต่างๆ ได้แก่ Australia, Canada, New Zealand, Republic of South Africa, Republic of Ireland, United Kingdom and/or United States of America
  • ถือสัญชาติและพาสปอร์ตของ UK, USA, Canada, New Zealand,  หรือ Republic of Ireland
  • มีหลักฐานการศึกษาที่พิสูจน์ได้ว่า “เราสำเร็จการศึกษาในหลักสูตรที่มีการเรียนการสอนเป็นภาษาอังกฤษในระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย หรือ Certificate IV ภายในเวลา 2 ปีก่อนที่จะยื่นวีซ่านักเรียน”
ข้ามมาที่เรื่องเงินๆทองๆ หรือเอกสารการเงิน (Financial Document) กันบ้าง ซึ่งก็อาจจะนับได้ว่าเป็นระดับชาติอย่างหนึ่งของน้องๆหนูๆหลายๆคน ซึ่งในจุดๆนี้น้าหนวดก็ขอออกตัวล้อฟรีเตือนน้องๆหนูๆกันก่อนเลยว่า อย่าใช้เอกสารปลอม หรือการตกแต่งบัญชีเลย ตอนยื่นไปก็กังวลว่าจะโดนจับได้ไหม จับไม่ได้ก็ดีไป รอดดด แต่ถ้าโดนจับได้นี่เฟวเลยนะยูว์ เพราะจะติดบัญชีดำ โดนแบน 3 ปี เสียโอกาสไปเลยนะครับ ตัวอย่างน้องลูกค้าที่เอเจนท์ตกแต่งบัญชีให้โดยไม่ได้บอกผลเสียที่อาจจะตามมาจนโดนแบน 3 ปี เราก็เคยเห็นมากับตาแล้ว มันได้คุ้มเสียรึป่าว?? ก็ลองถามใจเธอดู โดยปกติเอกสารการเงินจะมีทั้งหมด 4 ชนิดด้วยกัน ได้แก่
  1. หลักฐานทางการเงินที่ครอบคลุมค่าใช้จ่ายในส่วนของการเดินทางมายังประเทศออสเตรเลีย, ค่ากินอยู่ในออสเตรเลียระยะเวลา 12 เดือน, และค่าเรียนสำหรับ 12 เดือนแรก สำหรับนักเรียนและผู้ติดตาม (ถ้ามี) อันนี้อิมฯเขาไม่ได้หมายถึงว่าต้องเป็น bank statement ย้อนหลัง 12 เดือนนะครับ โดยปกติที่เราใช้กันก็คือ bank statement ย้อนหลัง 6 เดือน เพราะฉะนั้นน้าหนวดเข้าใจว่าน่าจะใช้ bank statement ย้อนหลัง 6 เดือน ได้ตามปกติครับ
  2. หลักฐานรายได้ต่อปีของสปอนเซอร์ โดยสปอนเซอร์จะต้องมีรายได้ต่อปีไม่ต่ำกว่า AUD$60,000 สำหรับการสปอนเซอร์นักเรียน คน หรือต้องมีรายได้ต่อปีไม่ต่ำกว่า AUD$70,000 สำหรับการสปอนเซอร์นักเรียนและคนติดตามอีก คน
  3. ใบตอบรับการเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนในระดับมัธยมศึกษา (Acceptance Advice of Secondary Exchange Student: AASES)
  4. จดหมายรับรองจากทาง Department of Foreign Affairs and Trade, or Department of Defence อันนี้เข้าใจว่าน่าจะเป็นเอกสารของพวกนักเรียนที่ได้ทุนต่างๆจากทางรัฐบาลออสเตรเลีย
ด้วยความที่เอกสารการเงิน ในข้อแรก ดูมีรายละเอียดค่อนข้างเยอะ เพราะฉะนั้นน้าหนวดก็จะมีตัวอย่างการคำนวณมาให้น้องๆหนูๆได้ดูเพื่อเพิ่มความเข้าใจให้เห็นภาพกันมากขึ้นด้วยนะครับ 
ค่าใช้จ่าย ค่ากินอยู่ในออสเตรเลียระยะเวลา 12 เดือน
$19,830.00
ค่าเรียนสำหรับ 12 เดือนแรก
$6,000.00
ค่าใช้จ่ายสำหรับการเดินทางมายังประเทศออสเตรเลีย
$2,000.00
รวม
$27,830.00

อันนี้เป็นแค่ตัวอย่างการคำนวณขั้นต่ำสำหรับคนที่ลงเรียนภาษามาในระยะเวลาไม่เกิน 24 สัปดาห์ และทำแพคเกจมากับหลักสูตรวิชาชีพที่ค่าเทอมตกเทอมละ AUD$1,500 เท่านั้นนะครับ
โดยเลขตัวอย่างทั้งหมดนี่ก็เป็นตัวเลขที่กำหนดมาจากอิมฯทั้งนั้นเลยนะจ๊ะ ไม่มีการมโนขึ้นมาเองแต่อย่างใดเลยนะซิฮิ (น้องๆหนูๆสามารถดูตัวเลขที่อิมฯกำหนดมาได้จากแหล่งที่มาข้างล่างได้เลยนะครับ)
หลังจากนี้ก็คงปฏิเสธไม่ได้ว่าประกาศตัวใหม่นี่คงมีผลกระทบโดยรวมกับน้องๆคนไทยทั้งหมด แต่ถ้าคิดกันดีๆจากความตะมุตะมิของอิมฯที่มีข้อยกเว้นในส่วนของ ผลวัดระดับความสามารถทางภาษาอังกฤษ ให้ ก็จะเห็นได้ว่ามันอาจจะไม่ได้ส่งผลกระทบเกี่ยวกับการเตรียมเอกสารของน้องๆคนไทยที่อยู่ในออสเตรเลียมาสักระยะซักเท่าไหร่ เพราะหลายๆคนอาจจะยังสามารถหาเอกสารยกเว้นดังกล่าวมาใช้แทนผลวัดระดับความสามารถทางภาษาอังกฤษได้ แต่การเป็น LEVEL 3 ของบ้านเราเนี่ยะ แน่นอนว่า อิมฯจะเพ่งเล็งเอกสารของเรามากขึ้น และอาจจะมีผลให้วีซ่านักเรียนสำหรับนักเรียนไทยมีความยากมากขึ้นด้วยเหมือนกัน นอกจากนี้ ผลกระทบแฝงที่ตามมาสำหรับน้องๆนักเรียนที่ต้องทำเรื่องมาจากที่ไทยอีกอย่างก็คือ หลายๆสถาบันก็จะมีนโยบายที่ว่าไม่รับนักเรียนที่อยู่ในกลุ่มของ LEVEL 3 ที่ทำเรื่องมาจากประเทศตัวเอง เพราะฉะนั้นการหาสถาบันให้กับน้องๆที่มาจากไทยโดยตรงก็อาจจะมีความยากขึ้นไปอีกนิสนึง

สุดท้าย ตามที่เกริ่นไว้ตั้งแต่เริ่มว่า อีกกรณีหนึ่งที่จะทำให้นักเรียนไทยไม่ต้องแนบเอกสารบังคับทั้ง 2 ตัวก็คือ เราต้องไปลงเรียนในสถาบันที่อยู่ในกลุ่มของ LEVEL 1 เพื่อที่จะได้ทำให้เราถูกพิจารณาวีซ่าในกลุ่มของ Streamlined: S แทนที่จะเป็นแบบ Regular: R ซึ่งตรงนี้น้าหนวดได้แนบตารางเปรียบเทียบ Immigration Risk Rating มาให้ไว้ในด้านล่างด้วย ทุกคนจะได้เห็นภาพและเข้าใจการแบ่งประเภทของ Immigration Risk Rating มากขึ้น หรือว่าจะลองย้อนกลับไปอ่านบทความตัวเต็มเกี่ยวกับ SSVF ที่เคยเขียนไว้ตั้งแต่มีการประกาศเริ่มใช้ตามลิงค์ที่แปะไว้ให้ก็ได้นะครับ https://visatalkbycpsydney.blogspot.com.au/2016/08/visa-talk-by-cp-sydney.html

หมดเรื่องเครียดๆของวีซ่านักเรียนคราวนี้ก็นั่งเรือข้ามฟากมาที่ข่าวเกี่ยวกับวีซ่า Regional Sponsored Migration Scheme: RSMS ของ Perth กันบ้างละกัน เพราะมีหลายคนเข้าใจผิด แล้วไปเต้าข่าวกันว่า Temporary Work Skilled Visa (subclass 457) ได้ถูกยกเลิกไปแล้ว!! แฮฟ สติ กันหน่อยนะคะทู๊กกก โค้นนน อย่าให้เมนเทอร์มาช่าต้องพูดบ่อย555
เข้าประเด็นกันเลยนะ รัฐบาลออสเตรเลียไม่ได้ประกาศยกเลิก Temporary Work Skilled Visa (subclass 457) แต่อย่างใดค่ะ ที่เป็นข่าวออกมาป็นแค่ตัววีซ่า RSMS สำหรับคนที่ต้องการสปอนเซอร์จากพื้นที่ห่างไกลเท่านั้น และเป็นการประกาศอย่างเป็นทางการในวันที่ 28 มีนาคมที่ผ่านมาโดย Australian Labor Party ที่เพิ่งชนะการเลือกตั้งใน Western Australia ที่มีนโยบายใหม่ว่า

New applications for the Perth region remain suspended. Further information will be posted on the migration portal as it becomes available. All applications received before suspension of the program on 13 March 2017 will be processed according to the RSMS guidelines in place at the time of application, including for the Perth region.
(สามารถคลิกลิงค์นี้เพื่อดูประกาศจากหน้าเวบของหน่วยงานรัฐใน Western Australia กันได้นะจ๊ะ http://www.migration.wa.gov.au/services/regional-sponsored-migration-scheme)

ก็คือ หลังจากวันที่ 13 มีนาคมเป็นต้นไป RSMS Visa application สำหรับ Perth region จะยื่นไม่ได้อีกแล้ว ง่ายๆก็คือ Perth region เนี่ยะจะไม่ถูกพิจารณาให้เป็น regional area ดินแดนอันห่างไกลอีกต่อไปแล้วเท่านั้นเองครับ เพราะฉะนั้นสบายใจได้หายห่วงว่าตัววีซ่า 457 หรือนายจ้างสปอนเซอร์เนี่ยะยังอยู่ดี ปลอดภัยไร้กังวล และทุกคนยังสามารถยื่นวีซ่าภายใต้ subclass นี้ได้อย่างเป็นปกติ

เอาหล่ะครับ นี่ก็เป็นเนื้อหาเกี่ยวกับวีซ่าที่น่าสนใจที่เกิดขึ้นมาสดๆร้อนๆในช่วงอาทิตย์สุดท้ายของเดือนมีนาคมต้อนรับเดือนเมษายนที่กำลังจะมาถึงในอีกไม่กี่ชั่วโมงนี้...หากน้องๆเพื่อนๆคนไหนที่มีข้อสงสัยเพิ่มเติมเกี่ยวกับหลักสูตรการเรียนต่างๆในประเทศออสเตรเลีย หรืออยากถามข้อมูลเกี่ยวกับวีซ่าอื่นๆไม่ว่าจะเป็นวีซ่าครอบครัวหรือวีซ่าทักษะต่างๆ ก็สามารถโทรเข้ามาสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมกับทางทีมงาน CP Sydney office ได้ที่ +61 2 9267 8522 หรือจะกดไลค์ติดตามหรือส่งข้อความมาทาง CP Sydney Facebook Page ที่ https://www.facebook.com/cpsyd/ ได้เลยนะครับ

ทั้งนี้ จากที่มีการเปลี่ยนแปลงเกี่ยวกับวีซ่านักเรียนที่เกิดขึ้นในวันนี้ ทาง CP Sydney office ของเราจึงได้ตัดสินใจว่า จะจัดสัมมนาเพื่อเป็นการให้ข้อมูล และถาม-ตอบให้กับน้องๆหนูๆทุกคนที่มีข้อสงสัยเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องนี้โดยเฉพาะ โดยจะจัดเป็นงานสัมมนาเล็กๆใน วันพุธที่ 19 เมษายน 2017 ที่จะถึงนี้ เป็น session เล็กๆภายในออฟฟิศของเรา ซึ่งคิดว่าน่าจะใช้เวลาไม่เกิน 1 ชั่วโมง เต็มที่ก็ 1 ชั่วโมงครึ่ง ตั้งแต่เวลา 13.30-15.00 . เท่านั้น เพราะฉะนั้นหากน้องๆนักเรียนหรือเพื่อนๆคนไหนสนใจ ก็สามารถโทรมาสำรองที่นั่งได้ที่ +61 2 9267 8522 เบอร์เดียวเบอร์เดิม และด้วยความที่เราจะจัดเป็น session เล็กๆ เต็มที่ก็น่าจะรับได้ไม่เกิน 20 คนเท่านั้น เพราะฉะนั้นเงื่อนไขเดียวที่เราขอร้องก็คือ รบกวนโทรมาสำรองที่นั่ง แจ้งคอนเฟิร์มจำนวนคนที่จะมากับทางเรา และมาจริงๆในวันดังกล่าวเท่านั้นเอง คนอื่นจะได้ไม่เสียสิทธิ์ในการเข้าร่วมนะครับ ส่วนเรื่องค่าใช้จ่ายก็ไม่ต้องเป็นห่วง งานนี้เป็นสัมมนา ฟรี  ไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆเพิ่มเติมสำหรับผู้เข้าร่วมทุกคนครับ!!
#น้าหนวด
#ด้วยความปรารถนาดีจากCPSydney

วันพุธที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2560

พักเรื่องหนักๆ..มาว่าด้วยเรื่องเบาๆกับการแนะนำสถาบันใน Sydney กันบ้างดีกว่า!!!


สวัสดีครับ Visa Talk by CPSydney ประจำเดือนมีนาคม 2017 มาแล้วจร้าาา!! หลังจากที่เมื่อวาน (15 มีนาคม 2017) เป็นวันสุดสนุกสนานหรรษาของเอเจนท์หลายๆที่เนื่องจากเป็นวันที่วีซ่านักเรียนหมดมากที่สุดในรอบปี อันเป็นผลมาจากการที่น้องๆนักเรียนทุกคนไม่ว่าใครก็แล้วแต่ที่เรียนในหลักสูตรใดก็ตามเป็นระยะเวลามากกว่า 10 เดือนขึ้นไป แล้วคอร์สมาจบในช่วงปลายปีตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนเป็นต้นไป วีซ่าของน้องๆเพื่อนๆจะไปหมดเอาวันที่ 15 มีนาคม ของปีถัดไปแทนโดยอัตโนมัติ ยังไงดูรูปแนบพร้อมแหล่งที่มาได้ด้านล่างกันได้เลยนะครับ

วันนี้ทาง CP Sydney office ของเรา จะขอเป็นหัวข้อเบาๆบ้างดีกว่ากับการแนะนำสถาบันสัก 2 ที่ในซิดนีย์ให้น้องๆและเพื่อนๆได้รู้จักกันบ้างดีกว่า หลังจากที่ใน 2 ฉบับก่อนหน้านี้น้าหนวดได้เขียนเกี่ยวกับผลสรุปการประชุมและพิจารณาเกี่ยวกับวีซ่านักเรียนออสเตรเลียสำหรับคนไทยประจำปี 2016 http://visatalkbycpsydney.blogspot.com/2017/02/2016.html และการทำวีซ่าคู่ครอง http://visatalkbycpsydney.blogspot.com/2017/02/blog-post.html ในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เอาเป็นว่ามาเริ่มกันเลยดีกว่า

สถาบันแรก King's Own Institute (KOI)
เชื่อว่าเพื่อนๆหลายๆคนคงคุ้นชื่อกับสถาบันนี้กันอยู่บ้างแล้ว จุดเด่นของ KOI คืออะไร?? คงจะตอบแบบตรงๆเลยว่า "เป็นสถาบันที่เน้นเปิดสอนในระดับปริญญาตรีขึ้นไป แต่มีราคาที่ค่อนข้างสบายกระเป๋า" โดยจะมีราคาสำหรับหลักสูตรปริญญาตรีและปริญญาโทแค่เพียง AUD$6,000 และ AUD$7,000 ต่อเทอมเท่านั้น เพราะฉะนั้นถ้าน้องๆเพื่อนๆสนใจอยากจะเรียนต่อในระดับปริญญาตรีหรือโท โดยที่ไม่ได้สนใจในเรื่องที่ว่าต้องเป็น university แล้วเป็นคอร์สที่ไม่แพงมาก KOI ก็จะเป็นสถาบันที่น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว
นอกจากนี้ KOI ยังมีหลักสูตรให้เรียนในหลากหลายสาขาไม่ว่าจะเป็น Accounting, Business, และ TESOL ในหลากหลายระดับการเรียนอีกด้วย อาทิเช่น Higher Education Diploma, Graduate Certificate, Graduate Diploma, Bachelor Degree, และ Master Degree อีกหนึ่งความพิเศษในหลักสูตร Accounting ของ KOI ทั้งในระดับปริญญาตรีและปริญญาโท คือ ได้การรับรองจากหน่วยงานวัดประเมินคุณภาพทางด้านบัญชีในออสเตรเลียอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็น Charted Accountants Australia and New Zealand (CA), CPA Australia (CPA), และ The Institute of Public Accountants (IPA) เพราะฉะนั้นสำหรับคนที่มีความสนใจที่จะใช้เส้นทางสายอาชีพของนักการบัญชีก็สบายใจได้เลยครับว่า หลักสูตร Accounting ของ KOI สามารถนำมาใช้เป็นเอกสารประกอบในเรื่องวุฒิการศึกษาสำหรับการยื่น Skilled visa หรือ PR ได้อย่างแน่นอน...นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ของ KOI ยังมาอัพเดทให้เราฟังอีกว่า ตอนนี้ทางสถาบันสามารถจัดหาโปรแกรมการฝึกงานให้กับนักเรียนได้แล้วอีกด้วย ซึ่งหลายๆคนคงทราบดีว่าการฝึกงานหรือประสบการณ์ทำงานนี่เป็นสิ่งที่จำเป็นมากๆสำหรับการหางานในออสเตรเลีย หากน้องๆเพื่อนๆคนไหนสนใจก็ลองสอบถามไปที่เจ้าหน้าที่สถาบันได้โดยตรงเลยนะจ๊ะ
ส่งท้ายข้อมูลของ KOI ด้วยโปรโมชั่นพิเศษสุดจากทางสถาบัน คือ สำหรับน้องๆเพื่อนๆที่สมัครเรียนในหลักสูตรปริญญาตรีหรือปริญญาโทกับ KOI ภายในวันที่ 31 มีนาคมที่จะถึงนี้ จะสามารถชำระค่าเทอมในราคาของปี 2016 ตลอดการศึกษาตามภาพด้านล่างอีกด้วย ซึ่งถ้าคำนวณออกมาแล้ว น้องๆเพื่อนๆจะสามารถประหยัดค่าเรียนไปได้กว่า AUD$3,000 ตลอดการเรียนเลยนะจะบอกให้

และพิเศษสุด สำหรับน้องๆนักเรียนที่สมัครเรียนที่ KOI ผ่านทาง CP Sydney office ก็จะได้รับส่วนลดค่าสมัครเรียนมูลค่า AUD$100 อีกด้วยนะครับ และสำหรับน้องๆที่อยู่ในออสเตรเลียแล้ว แต่มีปัญหาเรื่องการจ่ายค่าเทอมๆแรกเพื่อเอา CoE ไปยื่นวีซ่า ทาง KOI ก็ยังใจดีให้น้องๆเพื่อนๆสามารถมัดจำค่าเทอมเทอมแรกเพียง 50% ก่อนได้ ทางสถาบันก็จะออก CoE ให้เรานำไปใช้ยื่นวีซ่าเหมือนกันจร่ะ

สถาบันที่สอง Education Centre of Australia (ECA)
สถาบันนี้อาจจะไม่ค่อยคุ้นหูกันสักเท่าไหร่ เพราะนางมาเป็นกลุ่มจร้าาา แต่ถ้าบอกไปว่าในกลุ่มของ ECA นั้นมีสถาบันไหนบ้าง เชื่อว่าน้องๆเพื่อนๆต้องมีคุ้นสักที่แน่นอน
ECA มีสถาบันในเครือทั้งหมด 4 สถาบันกระจายตัวอยู่ทั้งใน Sydney, Melbourne, และ Brisbane โดยสถาบันที่อยู่ในการดูแลของ ECA จะมีให้เรียนในตั้งแต่คอร์สภาษา, หลักสูตรวิชาชีพต่าง (พวก Certificate, Diploma และ Advanced Diploma), หลักสูตรปริญญาตรีและปริญญาโท, และหลักสูตร Professional Year ต่างๆ เช่น Accounting และ Computing กับ ICT สถาบันในเครือทั้ง 4 ของ ECA ได้แก่
  1. English Language School in Sydney (ELSIS) สำหรับหลักสูตรการเรียนภาษาต่างๆใน Sydney, Melbourne, และ Brisbane
  2. Zenith Business Academy (ZBA) สำหรับหลักสูตรการเรียนวิชาชีพทางด้าน Accounting และ Business ในระดับ Certificate IV, Diploma, และ Advanced Diploma ใน Sydney, Melbourne, และ Brisbane
  3. Asia Pacific International College (APIC) สำหรับหลักสูตรปริญญาตรี และปริญญาโทต่างๆใน Sydney และ Melbourne
    • Bachelor of Business
    • Bachelor of Business Information Systems
    • Master of Business Administration (MBA)
    • Master of Business Project Management (PBPM)
  4. Victoria University, Sydney Australia สำหรับหลักสูตรปริญญาตรี และปริญญาโทต่างๆ
    • Bachelor of Business (Accounting)
    • Bachelor of Business (Information System Management)
    • Bachelor of Business (Marketing)
    • Graduate Diploma of Professional Accounting
    • Graduate Diploma of Business (Enterprise Resource Planning Systems)
    • Master of Applied Information Technology
    • Master of Business (Accounting)
    • Master of Business (Enterprise Resource Planning Systems)
ทราบถึงโปรดักแล้วก็ต้องมาดูที่ราคาและโปรโมชั่นกันบ้าง โดยตอนนี้ทาง ECA มีโปรโมชั่นและทุนการศึกษาแบบสุดพิเศษให้สำหรับนักเรียนของ APIC และ Victoria University, Sydney ในหลักสูตรปริญญาตรีขึ้นไป  ได้แก่
  1. พิเศษสุด!! สำหรับนักเรียนไทย และนักเรียนในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้...หลักสูตรปริญญาตรีในทุกสาขาของ APIC ค่าเทอมเริ่มต้นแค่เพียง AUD$6,000/เทอม เท่านั้น
  2. ทุนการศึกษาจาก APIC สำหรับหลักสูตรปริญญาโท และทุนการศึกษาจาก Victoria University, Sydney ทั้งในหลักสูตรปริญญาตรีและปริญญาโท โดยรายละเอียดของทุนการศึกษาจะมีดังนี้นะจ๊ะ
    • นักเรียนทุกคนจะได้รับทุนการศึกษามูลค่า AUD$2,000 ในเทอมแรกทันทีโดยอัตโนมัติ (ต้องกรอกใบสมัครขอทุนการศึกษาก่อนนะ) และมีสิทธิ์ที่จะได้รับทุนการศึกษาในเทอมถัดๆไปมูลค่า AUD$2,000 ต่อเทอมเช่นกัน โดยต้องมีผลการเรียนเฉลี่ยในเทอมก่อนหน้ามากกว่า 65% หรือ Credit grade
เพราะฉะนั้นหากน้องๆเพื่อนๆคนไหนกำลังมองหาหลักสูตรการเรียนในระดับปริญญาตรีขึ้นไปด้วยงบประมาณที่ค่อนข้างจำกัด โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้ายังอยากเรียนกับสถาบันที่เป็น UNIVERSITY ยังไงก็ลองพิจารณา Victoria University, Sydney ว้ในอ้อมใจกันดูนาจาาา แต่ถ้าไม่ได้ซีเรียสเรื่องความเป็น UNIVERSITY ก็จะเล็งไปที่ Asia Pacific International College (APIC) ก็ได้ครับ ^^

สำหรับฉบับนี้ก็เอาพอหอมปากหอมคอเจิมเรื่องแนะนำสถาบันเพียงแค่เท่านี้ก่อน!! หากน้องๆเพื่อนๆคนไหนมีอะไรสนใจอยากจะสอบถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับคอร์สเรียนต่างๆ ก็สามารถโทรเข้ามาสอบถามพี่ๆเจ้าหน้าที่แนะแนวการศึกษาของ CP Sydney office ได้เลยนะครับที่เบอร์  (+61) 2 9267 8522 หรือจะจิ๊จ๊ะอิ๊อ๊ะกันเข้ามาที่ Facebook Page ของออฟฟิศที่ www.facebook.com/cpsyd ก็ได้นะครับ แล้วก็ขอกระซิบกันนิดนึงว่าในวันอังคารที่ 28 มีนาคมนี้ เราจะมีจัดกิจกรรมเล็กๆให้น้องๆเพื่อนๆได้เข้ามาพูดคุยหรือสอบถามเกี่ยวกับคอร์สเรียน และมี pizza party ที่ออฟฟิศของเรา หากน้องๆเพื่อนๆคนไหนสนใจก็โทรมาสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือจองที่นั่งได้ที่เบอร์โทรศัพท์ข้างบนได้เลยนะครับ ขอบอกว่างานนี้ "กินฟรี" นะจ๊ะ
#น้าหนวด