วันพุธที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

สรุปผลการประชุมของอิมมิเกรชั่นเกี่ยวกับวีซ่านักเรียนของนักเรียนไทยประจำปี 2016

สวัสดีจร้าาา เผลอแป๊บเดียวก็จะเข้าสู่เทศกาลวันแห่งความรัก (Valentine's Day) ประจำปี 2017 กันแล้วนะครับ ตอนแรกทางเราก็ลังเลกันอยู่ว่าจะเขียนบทความเกี่ยวกับเรื่องวีซ่าคู่ครอง หรือเกี่ยวกับวีซ่านักเรียนก่อนดี เพราะเห็นว่ากำลังจะถึงวันวาเลนไทน์แล้ว ก็เลยอยากจะเขียนถึงวีซ่าคู่รักซักหน่อย แต่มาคิดดูอีกทีว่ามาอัพเดทให้ฟังเกี่ยวกับสถานการณ์วีซ่านักเรียนออสเตรเลียสำหรับน้องๆเพื่อนๆนักเรียนชาวไทยกันก่อนน่าจะดีกว่า แล้วเดี๋ยวฉบับถัดไปค่อยมาเขียนให้ฟังเกี่ยวกับวีซ่าคู่ครองให้ฟังกันอีกทีนะครัชชช
เริ่มกันเลยละกันนะครับ เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2016 ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่อิมมิเกรชั่น (Department of Immigration and Border Protection: DIBP) ได้ทำการออกมาสรุปการประชุมเกี่ยวกับวีซ่านักเรียนออสเตรเลียสำหรับนักเรียนชาวไทยภายใต้หัวข้อการประชุมที่ว่า Country Specific Teleconference Series - Thailand (October 2016) โดยเป็นการสรุปตั้งแต่เริ่มประกาศใช้วีซ่านักเรียนรูปแบบใหม่ (Simplified Student Visa Framework: SSVF) ในวันที่ 1 กรกฎาคมปีที่แล้วจนถึงช่วงประมาณเดือนตุลาคมที่ผ่านมาค่ะ ซึ่งก็มีข้อมูลที่น่าสนใจต่างๆมากมายพอสมควร เดี๋ยวยังไงลองอ่านผลสรุปที่น่าสนใจที่เรานำมาเขียนแล้วแยกเป็นหัวข้อให้อ่านตามรายละเอียดด้านล่างนี้เลยนะครับ

ภาพรวม
  • Visa Subclass ลดลงจาก 8 subclasses เหลือแค่เพียง 2 subclasses ได้แก่ a single Student visa (subclass 500) and a Student Guardian visa (subclass 590)
  • วีซ่านักเรียนออสเตรเลียไม่ว่าจะมาจากชาติไหน ก็จะต้องยื่นผ่านทาง ONLINE เท่านั้น
  • ใช้การประเมินพิจารณาวีซ่านักเรียนออสเตรเลียแบบใหม่ โดยจะคำนึงจากความเสี่ยงของสถาบันการเรียนที่นักเรียนเลือกเรียน และ สัญชาติของนักเรียนที่สมัครวีซ่า ถ้าอยู่ในกลุ่มของความเสี่ยงสูงจะต้องแนบเอกสารทางการเงิน และ ผลวัดระดับความสามารถทางภาษาพร้อมกับตอนที่ยื่นวีซ่า
  • ดัชนีความเสี่ยงของสถาบันการศึกษา และ สัญชาติที่นักเรียนถือ จะมีการพิจารณาใหม่ทุกๆ 6 เดือน
  • ปัจจัยหลักในการพิจารณาที่ยังมาใช้ในการพิจารณาวีซ่านักเรียน คือ ต้องไม่ป่วยเป็นโรคต้องห้ามใดๆ ไม่มีประวัติทางอาชญากรรมหรือคดีความใดๆ และ ต้องแสดงเจตจำนงค์ให้ชัดเจนว่ามีจุดประสงค์เข้ามาเพื่อการศึกษาต่อเท่านั้น
ข้อมูลเชิงสถิติ

  • ระหว่างปี 2015-2106 มีวีซ่านักเรียนจากประเทศไทย เพิ่มขึ้นถึง 20% จากปี 2014-2015
  • จากตัวเลขดังกล่าว ทำให้เจ้าหน้าที่ตั้งข้อสงสัยว่า มีสถาบันการเรียนเปิดใหม่้เพิ่มขึ้นสำหรับนักเรียนที่ไม่ได้มีจุดประสงค์จะมาเรียนจริงๆ
  • แค่ช่วงระยะเวลาสั้นๆ 3 เดือน ตั้งแต่ 1 มิถุนายน 2016 - 30 กันยายน 2016 มีจำนวน visa applications เพิ่มขึ้นมากกว่า 5,000 applications หรือคิดเป็น 18.6%
  • แค่เฉพาะเดือนมิถุนายน 2015 กับ มิถุนายน 2016 มีจำนวนวีซ่านักเรียนจากไทย เพิ่มขึ้นมากกว่า 122.5%
Processing Center
วีซ่านักเรียนจากประเทศไทยส่วนใหญ่จะถูกแจกจ่ายเพื่อพิจารณาไปที่ เพิร์ธ และ กรุงเทพฯ โดยที่จะใช้หลักการการสุ่มกระจายวีซ่าไประหว่าง 2 ที่นี่เป็นหลัก และอาจจะมีที่อื่นด้วย เพราะฉะนั้นเอกสารการที่ใช้ประกอบเป็นหลักฐานทั้งหมดจะต้องมีความพร้อมมากที่สุด และอย่าทึกทักไปเองว่าเจ้าหน้าที่จะเข้าใจเรื่องราวหรือความจำเป็นส่วนตัวใดๆของเรา ทางที่ดีผู้สมัครยื่นวีซ่าทุกคน ควร เตรียมเอกสารให้มีความพร้อมมากที่สุด พร้อมคำอธิบายต่างๆตามความเป็นจริง

คำแนะนำจากเจ้าหน้าที่อิมมิเกรชั่น
  • เจ้าหน้าที่อิมฯ ก็ได้ออกมายอมรับว่า เขาเองก็ทราบว่า มีพวกนักเรียนจุดประสงค์แฝงเยอะขึ้นในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา ทำให้เจ้าหน้าที่จะมีความเข้มงวดเพิ่มขึ้นในเรื่องของเอกสาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้เอกสารปลอม เช่น
    • เอกสารระบุตัวพวก identification ทั้งหลาย (เหตุผลนี้แหล่ะที่ทำให้เขาเริ่มใช้วิธีการ biometrics data collection ในช่วงเดือนพฤษภาคม 2016 ที่ผ่านมา)
    • เอกสารการเงิน (นี่ก็เพิ่งมีตัวอย่างของน้องคนนึงให้เห็นที่เอเจนท์ช่วยแต่งเอกสารการเงิน แต่อิมฯจับได้ ทำให้วีซ่าน้องทั้งไม่ผ่านและถูกแบนห้ามยื่นวีซ่าออสเตรเลียเป็นเวลา 3 ปี) 
    • เอกสารระบุความสัมพันธ์
  • นอกจากจะดูความเสี่ยงเบื้องต้นจากสถาบันที่สมัครเรียน และ สัญชาติของผู้สมัครแล้ว เอกสารหลักที่อิมฯจะนำมาใช้ในการพิจารณาวีซ่าของเราก็คือ Genuine Temporary Entrant Statement (GTE) หรืออาจจะเรียกว่า จดหมายแจ้งแผนการเรียนว่าทำไมเราถึงอยากมาเรียนต่อในออสเตรเลีย โดยอิมฯจะพิจารณาจาก
    • คอร์สที่สมัครเรียนว่ามีความสมเหตุสมผลหรือไม่
    • นักเรียนมีแรงจูงใจ หรือมีแผนที่จะกลับไทยหลังจากที่เรียนจบในคอร์สที่สมัครมาหรือไม่
    • จุดประสงค์ของการเรียนที่ชัดเจน โดยอิมฯก็ได้ระบุว่านักเรียนควรจะเขียนเป็นภาษาของตัวเอง ไม่ต้องกังวลว่าเขาจะอ่านไม่รู้เรื่อง ถ้าตรงไหนที่เขาไม่เข้าใจและต้องการข้อมูลเพิ่มเติม เขาจะโทรมาสัมภาษณ์เอง
    • อิมฯ สามารถขอเอกสารทางการเงินเพิ่มเติมได้ทุกเมื่อ และจะถูกนำมาใช้ในการพิจารณาควบคู่กันกับ GTE statement ของเรา เพราะฉะนั้นถ้าเรามีเอกสารทางการเงินที่พร้อมอยู่แล้วก็ยื่นเข้าไปตั้งแต่แรกเลยจะดีกว่า
พอพูดถึง GTE ขึ้นมา เชื่อว่าหลายๆคนอาจจะยังคิดไม่ออกว่าหน้าตา หรือเนื้อหาของการเขียนจดหมายตัวนี้จะต้องเขียนยังไง...ไม่ยากเลยจร่ะ แค่เขียนตามคำถาม 5 ข้อ ดังต่อไปนี้
  1. Your reasons for choosing to undertake the course of study specified in your application (เหตุผลที่เลือกเรียนคอร์สดังกล่าว)
  2. Your reasons for choosing your education provider (เหตุผลที่เลือกเรียนในสถาบันดังกล่าว)
  3. Your reasons for choosing to study in Australia rather than in your home country (เหตุผลที่เลือกเรียนที่ออสเตรเลียมากกว่าที่จะเรียนที่ไทย)
  4. The relevance of your course of studies to your academic and/or employment background (การเรียนคอร์สนี้เกี่ยวข้องกับการเรียนหรือการทำงานที่ผ่านมาอย่างไร)
  5. The relevance of the course to your future career/educational plans (การเรียนคอร์สนี้เกี่ยวข้องกับแพลนการเรียนหรือการทำงานในอนาคตอย่างไร)
คำถามที่พบบ่อย (ที่น่าสนใจ)
  1. ทำไมถึงกำหนดผลภาษา IELTS ขั้นต่ำแค่ 4.5?
    • ทางรัฐบาลให้เหตุผลว่าระดับคะแนน 4.5 เป็นระดับขั้นต่ำที่เด็กจะมีความสามารถเพียงพอในการอยู่รอดในออสเตรเลียทั้งในเรื่องของการเข้าสังคมต่างๆ และระดับการเรียนขั้นต่ำของตัวนักเรียนคนนั้นๆ
  2. จะเกิดอะไรขึ้นถ้าผู้สมัครขอวีซ่านักเรียนไม่ได้แนบเอกสาร GTE statement และเจ้าหน้าที่จะติดต่อสัมภาษณ์ขอข้อมูลเพิ่มเติมโดยตรงกับนักเรียนหรือไม่?
    • อิมฯสามารถพิจารณาผลของวีซ่าจากหลักฐานที่ยื่นมาในปัจจุบัน โดยที่ไม่จำเป็นต้องขอเอกสารหรือทำการสัมภาษณ์เพิ่มเติมใดๆกับทางผู้สมัคร เพราะฉะนั้นสรุปง่ายๆคือ "เอกสารทุกอย่างต้องครบ" นะครัชชช เพิ่มเติมเกี่ยวกับการสัมภาษณ์ คือ จะเป็นในกรณีที่อิมฯต้องการข้อมูลเพิ่มเติมจริงๆจากทางผู้สมัครวีซ่าเท่านั้น
  3. ทำไมอิมฯถึงปฏิเสธวีซ่าทันทีถ้าผู้สมัครขอวีซ่านักเรียนมีสมาชิกครอบครัว หรือญาติอาศัยอยู่ในออสเตรเลีย?
    • อิมฯไม่ได้ปฎิเสธวีซ่าทันที หรือปฎิเสธโดยอัตโนมัติถ้าผู้สมัครขอวีซ่านักเรียนมีสมาชิกครอบครัว หรือญาติอาศัยอยู่ในออสเตรเลีย นาจาาา...อย่างที่บอกไปคือ เอกสารหลักหรือหลักฐานที่จะดูมีน้ำหนักมากที่สุด คือ GTE statement  โดยอิมฯจะดูจากภาพรวมทั้งหมดของคำตอบจากคำถาม 5 ข้อที่ทางผู้สมัครได้เขียนอธิบายมาในจดหมายฉบับนี้ นอกจากนี้จากการอ่านขององค์ประกอบโดยรวมทั้งหมดใน GTE statement การมีสมาชิกครอบครัว หรือญาติอาศัยอยู่ในออสเตรเลียอาจจะเป็นผลดีสำหรับตัวนักเรียนก็ได้
  4. ผู้สมัครขอวีซ่านักเรียนจำเป็นต้องกรอกประวัติการเดินทาง 10 ปีย้อนหลังหรือไม่?
    • จำเป็นอย่างแน่นอนที่สุด สุดสวิงริงโก้!! ประวัติการเดินทางเป็นอีกปัจจัยที่จะถูกนำมาพิจารณาผลของวีซ่า คือ อิมฯจะมองว่ายิ่งเดินทางมากก็ดูน่าเชื่อถือ เป็นผลดีมากกว่าผลเสีย อะไรประมาณนี้
  5. ถ้านักเรียนจะเปลี่ยนมาเรียนในหลักสูตรหรือสถาบันที่มีความเสี่ยงต่ำกว่าที่ลงมาในปัจจุบัน จะมีผลกระทบอะไรกับวีซ่าของนักเรียนหรือผู้สมัครหรือไม่?
    • ตาม visa condition 8202 (must maintain enrolment) นักเรียนควรจะเรียนอยู่ในหลักสูตรระดับเดิม เช่น ได้วีซ่านักเรียนมาจากระดับ Diploma ถ้าจะเปลี่ยนคอร์สเรียนก็ควรลงให้ถึงระดับ Diploma เป็นอย่างน้อย หรือในกรณีที่จะย้ายโรงเรียนก็ควรจะย้ายไปยังโรงเรียนที่อยู่ในระดับความเสี่ยงเดียวกันหรือสูงกว่า ถ้าทำผิดกฎหรือเงื่อนไขตรงนี้ แล้วดันแจ๊คพอตแตกโดนสุ่มตรวจขึ้นมา อิมฯก็สามารถยกเลิกวีซ่าเราได้โดยทันทีนะ จะบอกให้...กรณีเดียวที่สามารถเปลี่ยนมาลงเรียนในระดับที่ต่ำกว่าได้ก็คือ เปลี่ยนจากปริญญาเอก เป็น ปริญญาโท เท่านั้นนะจ๊ะ สามารถกดเข้าไปข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเปลี่ยนคอร์สเรียนได้ที่ www.border.gov.au/Trav/Stud/More/Changing-courses และข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับระดับของหลักสูตรการเรียนได้ที่ http://www.aqf.edu.au/aqf/in-detail/aqf-levels/
  6. อิมฯใช้เวลานานแค่ไหนในการพิจารณาวีซ่า?
    • อิมฯจะพยายามพิจารณาผลของวีซ่าสำหรับผู้สมัครที่แนบเอกสารครบทุกอย่างแล้วให้เสร็จภายใน 1 เดือนนับจากวันที่ยื่นวีซ่าไป นอกจากอิมฯยังแนะนำอีกว่าควรจะยื่นวีซ่านักเรียนเป็นเวลาอย่างน้อย 6 สัปดาห์ก่อนที่คอร์สเรียนของตัวเองจะเริ่ม เผื่อในกรณีที่อิมฯต้องการเอกสารเพิ่มเติมอาจจะต้องยืดเวลาออกไปประมาณ 4 สัปดาห์
โอเคครับนี่ก็เป็นข้อมูล ผลสรุปต่างๆที่น่าสนใจของการประชุมประเมินผลวีซ่านักเรียนออสเตรเลียสำหรับนักเรียนไทยในช่วงสิ้นปี 2016 ที่ผ่านมา น้าหนวดก็หวังว่าบทความปฐมฤกษ์ประจำปี 2017 ของ CP Sydney ในฉบับนี้จะเป็นประโยชน์กับผู้อ่านไม่มากก็น้อยนะครับ!! หากสนใจอยากสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมไม่ว่าจะเป็นเกี่ยวกับวีซ่านักเรียนออสเตรเลีย หรือวีซ่าตัวอื่นๆ เช่น วีซ่าทำงานต่างๆ หรือวีซ่าครอบครัวต่างๆ ก็สามารถติดต่อเข้ามากดไลค์ติดตามข้อมูลดีๆ หรือเข้ามาทักทายกันได้ที่ www.facebook.com/cpsyd ได้เลยนะครับ สำหรับเพื่อนๆที่อยู่ในออสเตรเลียแล้วก็สามารถโทรเข้ามาขอคำปรึกษาได้ที่ (+61) 2 9267 8522 เราให้เปิดบริการวันจันทร์ ถึง ศุกร์ (9 โมงเช้า ถึง 6 โมงเย็น เวลาที่ซิดนีย์นะครับ)
#น้าหนวด

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น