วันพุธที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

หรือว่า...หมดเวลาแล้ววว "เธอ (อาชีพนักบัญชี)" คงต้องไป!!!

กลับมาแล้วจร้าาา ตามสัญญาที่ให้ไว้ว่าเดือนนี้จะเบิ้ลให้ 2 ฉบับ แก้ตัวที่เดือนตุลาคมไม่ได้มีเวลามาเขียนให้ได้อ่านกัน...ก็หลังจากที่ฉบับที่แล้วได้เขียนถึงน้องออที่มีวีซ่านักเรียนอยู่ดีๆ แต่กลับกลายเป็นผีไร้วีซ่า ไปอย่างดื้อๆ ก็เรียกได้ว่าผลตอบลัพธ์นี่ค่อนข้างดีเกินคาดเลยทีเดียว มีคนเข้ามาอ่านบทความของน้องออที่น้าหนวดเขียนไปกว่า 1,000 reads เลยทีเดียวทั้งทาง www.facebook.com/cpsyd และ https://visatalkbycpsydney.blogspot.com.au/ ยังไงน้าก็ขอขอบพระคุณเป็นอย่างมากเลยนะจ๊ะเด็กๆ

มาเข้าเรื่องเลยดีกว่า วันนี้น้าหนวดจะมาเขียนเกี่ยวกับอาชีพยอดนิยมที่หลานๆหลายๆคนเลือกใช้เป็นหนทางในการยื่นขอ PR ผ่านทางวีซ่าทักษะด้วยตัวเอง อันที่จริงอย่าว่าแต่คนไทยเลย อาชีพนี้นี่เป็นที่นิยมกันทั้งประเทศเลยจร่ะ...ถูกต้องละครับ!! น้าหนวดกำลังหมายถึง อาชีพนักบัญชี (ACCOUNTANT) นั่นเองงง

ที่จริงสำหรับหลานๆคนไทยหลายๆคน ก็จะมีอีกอาชีพหนึ่งที่เป็นที่นิยมไม่แพ้กัน นั่นก็คือ Chef แต่อย่างที่หลายๆคนน่าจะพอทราบว่า Chef เนี่ยะเป็นอาชีพที่เคยถูกถอดออกจากลิสต์อาชีพที่ทำ PR ได้มาแล้ว และเพิ่งถูกนำกลับเข้ามาอยู่ในลิสต์อาชีพการทำ PR ได้อีกครั้งในช่วง 1 หรือ 2 ปีที่ผ่านมานี่เอง นอกจากนี้รู้หมือไร่ว่าการยื่น PR ผ่านทางอาชีพ Chef เนี่ยะ จะต้องประสบการณ์ทำงาน Full Time 3 ปีอีกด้วยนะ ก็เลยทำให้เรื่องนี้กลายเป็นเรื่องไกลตัวสำหรับหลายๆคนไปโดยปริยาย เพราะก็อย่างที่ทราบกันอยู่ทนโท่ว่าวีซ่านักเรียนมันทำงาน Part Time ได้เท่านั้น เพราะฉะนั้นแปลว่าเราต้องมีประสบการณ์ทำงานอยู่ที่ Part Time 6 ปีถึงจะเทียบเท่าได้เนอะ หรือไม่อย่างนั้นก็จะต้องเป็นคนที่มีประสบการณ์จากนอกประเทศออสเตรเลียที่จะสามารถพอนำเอามาเทียบเคียงได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็จะขึ้นอยู่ดุลยพินิจของเจ้าหน้าที่ Skills Assessment ด้วยนะว่าเขาจะโอเครึเปล่า

คราวนี้วกกลับมาที่พระเอกของวันนี้อย่าง อาชีพนักบัญชี (Accountant) กันดีกว่า...ถามว่ามันง่ายกว่า Chef หรืออาชีพอื่นๆหรอ เอาจริงๆเลยนะ เปล่าเลยครับ เดี๋ยวนี้อะไร แ_่ง ก็ยากไปหมดแล้ว555 (ขอโทษผู้อ่านที่เป็นสุภาพชนทั้งหลายด้วยนะครับ น้าอินไปนิดนึง) จริงอยู่ที่หลายๆคนอาจจะบอกว่ายังไงก็ง่ายกว่าไหนจะเรียน ไหนจะผลภาษาของการทำ Skills Assessment อีกทั้งปริมาณที่รับในแต่ละปีก็เยอะเหลือเกิน ก็ไม่เถียงว่าเรียนบัญชีมันอาจจะง่ายกว่าหลายๆอาชีพที่ต้องเรียน อาทิเช่น พยาบาล หรือ วิศวะ แต่ไอ้เรื่องของผลภาษาที่ใช้ทำ Skills Assessment เนี่ยะ เอาจริงๆมันก็แทบจะเท่ากันทุกอาชีพนั่นแหล่ะ รวมถึงเรื่องจำนวนที่รับในแต่ละปีด้วย คือใช่แต่ละปีนี่รับเยอะมาก ไม่ต่ำกว่า 2,000 คนทุกปี แต่มันก็เต็มก่อนอาชีพอื่นทุกปีเช่นกันไง555 อีกอย่างที่อาชีพนี้ยื่นขอ PR ยากขึ้นก็เพราะว่าทุกคนคิดว่ามันง่ายเนี่ยะแหล่ะ เอะอะอะไรก็เบนเข็มมาเรียนบัญชีไว้ก่อนกันเหนียวเผื่อไว้ยื่นขอ PR ด้วยเหตุผลประการฉะนี้ทำให้การขอ PR ผ่านทางอาชีพนักบัญชีเกิดการแข่งขันที่สูงมว๊ากกกกก นั่นเองงงงง...ก่อนหน้านี้น้าก็ได้เคยเขียนเกี่ยวกับการยื่น PR ผ่านทางทักษะหรืออาชีพต่างๆด้วยตัวเองไปแล้ว ลองไปหาอ่านย้อนหลังกันได้เลยที่ https://visatalkbycpsydney.blogspot.com.au/2017/09/pr.html แต่เดี๋ยวจะเล่าให้ฟังอีกทีคร่าวๆในฉบับนี้ด้วยละกัน ขอสงวนพื้นที่นาผืนน้อยตรงนี้ไว้ให้พระเอกของฉบับนี้ดีกว่า

ขั้นตอนการทำ PR ผ่านทางทักษะอาชีพด้วยตัวเอง (subclass 189) มีขั้นตอนคร่าวๆดังนี้นาจาาา (อันนี้ไม่ใช่ตัววีซ่านายจ้างสปอนเซอร์ หรือวีซ่าที่เปิดร้านแล้วสปอนเซอร์ตัวเองหน่ะ ไม่เอามาปนกันเนอะ)

  1. มีวุฒิฯที่เกี่ยวข้องกับสาขาอาชีพนั้นๆ ที่ได้รับการรับรองจากหน่วยงานหรือรัฐบาลออสเตรเลียว่าสามารถใช้วุฒิฯนี้ยื่น PR ได้
  2. มีผลการประเมินทักษะ (Skills assessment) เป็นบวก
  3. นับแต้มให้ถึงแต้มขั้นต่อในการขอยื่น PR (65 แต้ม)
  4. ยื่น EOI เพื่อให้ได้ invitation ในการยื่น PR
ดูผิวเผินแล้วก็ไม่ได้ยากอะไรหนิ แค่มีวุฒิฯ นับแต้มให้ถึง ง่ายจะตาย ถ่อววว!! แต่สำหรับ Accountant แล้วมันมีอะไรมากกว่านั้นหน่ะสิ นั่นหน่ะสิ นั่นหน่ะสิ คือ จาก www.border.gov.au ที่เราเพิ่งเข้าไปเช็คมาล่าสุดในวันที่ 15 พฤศจิกายน 2017 ที่ผ่านมา คะแนนขั้นต่ำของการยื่น PR ด้วยตัวเองผ่านทางอาชีพนักบัญชีได้พุ่งกระฉูดด้วยแรงถีบกว่า 10,000 กม./ชม. ไปถึงไหนต่อไหนแล้ว
โอ้ววว แม่ จ้าววว N/A คืออะไร??? ทำไมอิมฯไม่ยอมบอกเราว่าคนที่ได้รับ invitation ในการยื่น PR ผ่านทางอาชีพนักบัญชีรอบล่าสุดต้องมีคะแนนขั้นต่ำอยู่ที่เท่าไหร่...ไม่ต้องตกใจนะจ๊ะหลานๆ อิมฯเขายังทำไม่เสร็จแค่นั้นเองจ่ะ เลยยังบอกคะแนนรอบล่าสุดที่ส่ง invitation ออกไปแล้วไม่ได้แค่นั้นเอง555 อันนี้สังเกตุได้จากตรง Visa date of effect ที่อาชีพอื่นๆเขาออกมาเป็นที่เรียบร้อยนั่นเอง

แต่ถึงแม้ว่าคะแนนของรอบล่าสุดยังไม่ออกมาอย่างชัดเจนแจ่มแจ้ง เราก็ยังสามารถย้อนกลับไปดูคะแนนรอบก่อนหน้านี้ของการยื่น PR ผ่านทางอาชีพนักบัญชีในเดือนกันยายนได้อยู่ดี ไม่ง้อหร๊อกกก
อื้อ หือออ…พระเจ้าช่วย กล้วยแปดหวี มณีแปดเด้ง!!! 85 แล้วนะโว้ยยย หลานเอ๊ยยย รอบก่อนหน้านี้ที่เคยเช็คมายังอยู่แค่ 75 คะแนนอยู่เลย เพราะฉะนั้นใครที่มีแผนว่ากำลังจะยื่น PR ผ่านทางสายอาชีพนี้ในระยะเวลาอันใกล้หรืออาจจะไกลก็ตาม น้าก็อยากให้ตั้งเป้าคะแนนขั้นต่ำไว้ที่ 75 คะแนนไว้เป็นอย่างน้อยไว้เลยนะ เพราะหลังจากนี้ถ้าได้แค่ 65-70 ก็คงไม่น่าจะเพียงพอแล้วแหล่ะ เอาจริงๆที่บอกให้ตั้งไว้ที่ 75 เนี่ยะ ยังไม่รู้เลยว่าถ้ายื่นเข้าไปแล้วจะมีสิทธิ์ได้ invitation ในการขอ PR รึเปล่าก็ยังไม่รู้ เพราะเขาจะไล่ลำดับจากคนที่ได้คะแนนสูงสุดก่อน พวกเบี้ยน้อยหอยน้อยก็ต้องรอไปก่อนนะจ๊ะ

พูดถึงคะแนนขั้นต่ำไปแล้ว อีกเรื่องที่น่าสนใจก็คือในเรื่องของโควต้า หรือจำนวนรับในแต่ละปีของอาชีพต่างๆ ยังไงก็ดูรูปภาพประกอบด้านล่างจาก immigration website ได้เลยนะ โดยถ้าใครใคร่รู้ใคร่สงสัยว่าโควต้าของปี 2017-2018 ของแต่ละอาชีพมีจำนวนการรับเท่าไหร่บ้างก็สามารถคลิกไปที่ลิงค์ใต้ภาพได้เลยนะครับ
ก็ตามฟอร์มเหมือนทุกปีเลยครับ คือ รับเยอะกว่าชาวบ้านเขาตลอด ไม่รู้จะรับเยอะไปไหน แต่ก็ยังมีหน้าจะเต็มจำนวนก่อนอาชีพอื่นเขาทุกปี555 โดยปีนี้รับเพิ่มขึ้นจากปี 2016-2017 ถึงเกือบเท่าตัวอีกด้วย แต่ข่าวร้ายก็ตามที่ได้แจ้งไปก่อนหน้านี้เกี่ยวกับคะแนนขั้นต่ำที่จะสามารถยื่น PR ผ่านทางอาชีพนี้ได้ นอกจากนี้ถ้าสังเกตุกันดีๆ จะเห็นได้ว่าโควต้าใหม่เพิ่งประกาศมาได้แค่เพียงประมาณ 4 เดือนเท่านั้น แต่กลับมีคนได้ PR ผ่านทางอาชีพนักบัญชีไปแล้วถึง 1,434 คน หรือเกือบๆ 1 ใน 3 ของโควต้าทั้งหมดก็ว่าได้…ในขณะที่ Chef จำนวนโควต้าลดลงไปเล็กน้อยจากปีก่อน แต่ปัญหาหลักของอาชีพนี้ก็จะอยู่ที่เรื่องของประสบการณ์กันซะส่วนใหญ่ตามที่ได้แจ้งไป

เพราะฉะนั้นก็ลองดูนะคะ ว่าจะสามารถทำคะแนนขั้นต่ำของอาชีพบัญชีให้ถึง 75 คะแนน หรือมีคุณสมบัติให้ครบถ้วนของ Chef ได้หรือไม่?? ถ้าดูทรงแล้วไม่น่ารอด น้าก็อยากจะขออนุญาตแนะนำให้หลานๆลองพิจารณาอาชีพทางเลือกอื่นที่สามารถยื่นขอ PR ได้ด้วยตัวเองผ่านทางวีซ่าทักษะ หรือจะเป็นผ่านทางนายจ้างสปอนเซอร์ดู โดยสามารถเข้าไปดูลิสต์อาชีพทั้งหมดได้ที่ https://www.border.gov.au/Trav/Work/Work/Skills-assessment-and-assessing-authorities/skilled-occupations-lists/combined-stsol-mltssl แต่หลานๆจะต้องโฟกัสที่ List Type: MLTSSL เท่านั้นนะ ถึงจะเป็นอาชีพที่สามารถต่อยอดให้ถึง PR ได้ ถ้าใครได้อาชีพแล้ว จะโทรเข้ามา หรือมาปรึกษาเจ้าหน้าที่เพื่อนร่วมงานของน้าที่ออฟฟิศก็ได้นะ เรายินดีให้คำปรึกษา และช่วยวางแผนการเรียนให้หลานๆไปถึงฝั่งฝันอย่างเต็มที่เลยนะซิฮิ!!

สุดท้าย จากที่มีประกาศออกมาว่าให้การยื่นขอสัญชาติออสเตรเลีย (Australian Citizenship) กลับไปใช้เงื่อนไขเดิม คือ ถือ PR แค่เพียง 1 ปี และไม่ต้องมีผลวัดระดับความสามารถทางภาษาอังกฤษ ในวันที่ 19 ตุลาคมที่ผ่านมา น้าก็ขอแนะนำให้ทุกคนที่มีสิทธิ์ขอสัญชาติออสเตรเลียได้แล้วว่า รีบๆยื่นกันซะนะหลานๆ ก่อนที่จะมีการเปลี่ยนแปลงอีกในวันที่ 1 กรกฎาคม 2018 ที่จะถึงนี้นาจาาา

แล้วถ้าใครกำลังมองหาเอเจนท์ให้ช่วยยื่นขอสัญชาติออสเตรเลียอยู่ ก็นี่เลยจร้าาา "โปรโมชั่นส่วนลดพิเศษจาก CPSydney office สำหรับคนที่ยื่นขอสัญชาติออสเตรเลียผ่านทาง CPSydney office ของเราภายในปี 2017"

#ด้วยความปรารถนาดีจากCPSydney

#น้าหนวด

วันอังคารที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

ผิดที่ไว้ใจ (เป็นคนอยู่ดีๆ กลายเป็น PE ซะอย่างนั้น)!!!

คิดถึงน้าหนวดกันไหมจ๊ะหลานๆ เดือนที่แล้วไม่มีเวลามานั่งเขียนอะไรให้อ่านเล่นเลย ไม่งอนกันโนะ เดี๋ยวในเดือนพฤศจิกายนนี้น้าหนวดจะขอแก้ตัวด้วยการหาบทความมาให้ทุกๆคนได้อ่านกัน 2 เรื่องเลยละกัน ถือว่าเป็นการชดเชยละกันเนอะ โดยฉบับแรกของเดือนนี้น้าหนวดจะมาเล่าให้ฟังเกี่ยวกับหลานคนหนึ่งที่ถือวีซ่านักเรียนอยู่ดีๆ แต่กลับกลายเป็นผีขึ้นมาซะอย่างนั้น

ก่อนที่จะเข้าสู่เนื้อหาที่น้าหนวดได้บอกหลานๆไป ก็จะขอเอ่ยถึงผลการแข่งขัน Melbourne Cup ปีนี้สักหน่อยละกัน จะได้ไม่ตกเทรนด์ น้าก็ขอแสดงความยินดีกับใครก็ตามที่ได้ลงทุนติดปลายนวมเลือกม้า 3 ตัวต่อไปนี้ด้วยละกัน (อันนี้ไม่ได้สนับสนุนให้เล่นการพนันนะ แต่ที่ออสเตรเลียมันไม่ได้ผิดกฎหมายอ่ะ)
  • อันดับ 1 Rekindling
  • อันดับ 2 Johannes Vermeer
  • อันดับ 3 Max Dynamite
มาเข้าเรื่องกันเลยดีกว่า ก็ตามที่จั่วไปก่อนหน้านี้ว่าจะมาเล่าให้ฟังเกี่ยวกับการแปลงร่างจากคนกลายเป็นผีนักเรียนคนหนึ่งที่ชื่อ อนันตชัย ขอเรียกสั้นๆว่า "น้องออ" ละกันจะได้กระชับดี...อันที่จริงการเป็นผีมันไม่ได้เป็นเรื่องที่น่าภูมิใจอะไรนักหรอก แต่ประเด็นของน้องออมันอยู่ตรงที่ น้องกลายเป็นผีมานานกว่า 3 เดือนจากความผิดพลาดของเอเจนท์ที่น้องทำเรื่องด้วยถึงจะเพิ่งมารู้ตัวเนี่ยะแหล่ะ ดีนะที่น้องไม่ JACKPOT แตกโดนสุ่มตรวจและส่งไปอยู่ที่กักตัวของศูนย์รวมผีที่ใครหลายๆคนอาจจะเคยไปเยี่ยมคนรู้จักของตัวเองมาแล้ว

อนึ่งต้องบอกก่อนว่า บทความนี้ไม่ได้มีเจตนาจะโจมตีใครแต่อย่างใดนะจ๊ะ แค่ต้องการชี้ให้เห็นถึงข้อเสียของการเลือกใช้เอเจนท์ที่ขาดความรู้ ความเชี่ยวชาญ และอาจจะรวมถึงขาดความรับผิดชอบจนทำให้น้องออเสียอนาคตและโอกาสดีๆไปโดยปริยายทั้งๆที่น้องไม่ได้ทำอะไรผิดเลย โดยบทความนี้ได้รับความร่วมมือและการอนุญาตจากน้องออเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เพราะน้องออเองก็อยากให้เรื่องราวของตัวเองเป็นบทเรียนให้หลายๆคนได้อ่านเป็นกรณีศึกษากันครับ แต่อันนี้น้าหนวดก็ต้องขอนับถือใจน้องออเลยที่ก็ยังมีเมตตาจิต ไม่ให้น้าระบุชื่อเอเจนท์ดังกล่าวอีกด้วย (แต่ถ้าใครอยากรู้มาถามหลังไมค์ได้นะ...อ่ะ หยอกหยอก555) เดี๋ยวมาอ่านกันดูเลยจร่ะว่าเรื่องราวของน้องออนั้นเป็นอย่างไรกันบ้าง โดยน้าหนวดจะเล่าเรื่องเป็นแบบตาม time frame ที่เกิดขึ้นนะ จะได้ไม่งง และน่าจะเข้าใจง่าย


สิ้นปี 2016 น้องเดินทางมาเรียนภาษาอังกฤษที่โรงเรียนแห่งหนึ่งด้วยวีซ่านักเรียนตัวแรกของน้อง โดยวีซ่าตัวนี้จะหมดลงในวันที่ 12 มิถุนายน 2017
13/05/2017 น้องแจ้งกับทางเจ้าหน้าที่เพื่อนร่วมงานของน้าว่าเป็นวันที่ให้ข้อมูลและเอกสารกับทางเอเจนท์ A เพื่อที่จะใช้ในการยื่นวีซ่านักเรียนอีกรอบอย่างครบถ้วนเป็นที่เรียบร้อย โดยได้ชำระค่าเรียนสำหรับคอร์สใหม่และค่าวีซ่าให้กับทางเอเจนท์ เป็นที่เรียบร้อยแล้วตั้งแต่ช่วงต้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา
09/06/2017 เอเจนท์ A ได้แจ้งกับน้องออว่าได้ยื่นวีซ่าให้เรียบร้อยแล้ว
12/06/2017 วีซ่านักเรียนตัวแรกที่ได้มาจากไทยหมด
13/06/2017 น้องออโดนไล่ออกจากงาน!! ที่ทำงานของน้องให้เหตุผลว่าวีซ่าน้องหมดแล้ว ไม่สามารถทำงานกับทางร้านได้ (อันนี้ขออธิบายเพิ่มเติมนิดนึง คือ ทางร้านได้ขอเอกสารน้องหลายอย่างในตอนที่รับน้องเข้าทำงาน จึงสามารถเช็ค Visa status ของน้องผ่านทาง VEVO ได้ด้วยตัวเอง) น้องออเลยติดต่อเอเจนท์ A เพื่อขอเอกสารที่ระบุว่าตัวเองมีวีซ่าอยู่ในออสเตรเลียอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งในกรณีนี้ต้องใช้ตัว Bridging Visa A (BVA) เท่านั้น แต่ทางเอเจนท์ A กลับส่งมาให้แค่เพียง screenshot ของตัว acknowledgement letter ที่อิมฯได้รับ visa application ของน้องมาให้แล้วอย่างเดียว ไม่ได้ส่งมาทั้งไฟล์พร้อมตัว BVA มาให้ด้วย ซึ่งมันคงเป็นความซวยของน้องออที่ดันไปถามเพื่อนอีกคนหนึ่ง แต่เจ้ากรรมเพื่ิอนคนนี้ก็ดั๊นนนไม่ได้ BVA เหมือนกัน น้องออก็เลยไม่ได้เอะใจอะไร และน้องก็ไม่รู้ว่าต้องเช็ควีซ่าตัวเองยังไง ก็เลยให้แค่ screenshot ที่ได้มาจากเอเจนท์ A ไปกับทางร้าน แต่ทางร้านไม่รับเอกสารตัวนี้ และให้น้องออกจากงาน
03/07/2017 เป็นวันที่น้องออจะต้องไปเริ่มเรียนคอร์ส แต่เอเจนท์เจ้ากรรมกลับบอกน้องว่า น้องยังไปเรียนไม่ได้เพราะวีซ่ายังไม่ออก (อันนี้น้าก็ไม่รู้ว่าเขาไปเอาข้อมูลตรงนี้มาจากไหน ถ้าน้องยังอยู่ไทยอยู่แล้วยังไม่ได้วีซ่านักเรียนออสเตรเลียอนุญาตให้เดินทางมาที่นี่ก็ว่าไปอย่าง) และขอให้น้องเลื่อนวันเปิดเรียนไปเป็นช่วงสิ้นเดือนสิงหาคมแทน!! พอเป็นอย่างนี้น้องออของเราก็เริ่มเอะใจละถามเอเจนท์ A ไปว่า "ถ้าว่างเกิน 8 อาทิตย์แล้วค่อยไปเรียนคอร์สใหม่จะไม่มีปัญหาหรอพี่?" เดาซิว่าเอเจนท์ A บอกน้องว่าอะไร555 ใช่แล้วจร้าาา แกดันไปบอกน้องว่าไม่เป็นอะไร สบายๆ...น้องก็เชื่อเอเจนท์สิ เพราะยังไงก็คิดว่าเอเจนท์ต้องมีความรู้มากกว่าตัวน้องอยู่แล้ว จึงได้ทำการตกลงปลงใจเลื่อนคอร์สเรียนออกไป
***มาถึงตรงนี้น้าขออธิบายเพิ่มเติมนิดนึง คือ ถ้าเราจะเริ่มเรียนคอร์สใหม่อ่ะ เราควรจะเริ่มเรียนภายใน 8 อาทิตย์ ถ้าเราต้องการที่จะ maintain อยู่ใน Australia ก่อนที่จะเริ่มเรียนคอร์สใหม่ ถ้ามันจะเกิด 8 อาทิตย์เราก็ต้องหาอะไรมาลงเรียนคั่นไว้ที่เรียกว่า Gap Filling อ่ะ เข้าใจ บ่...จะยกเว้นได้ก็ต่อเมื่อเราไม่ได้อยู่รอคอร์สใหม่เปิดเรียนในประเทศออสเตรเลียเป็นเวลาติดต่อกัน 8 อาทิตย์ หรือคอร์สที่เราเพิ่งจบมันไปจบตอนแถวสิ้นปีที่เป็น school holiday ของที่นี้ แล้วคอร์สใหม่ของเรามันไปเริ่มปลายกุมภาพันธ์ หรือต้นมีนาคม อันนี้ก็ยังจะพอถูๆไถๆไปได้ แต่ในกรณียกเว้นอันที่สองนี้ส่วนใหญ่จะเป็นสำหรับหลานๆที่เรียนพวกปริญญาตรีขึ้นไปของมหา'ลัยกันซะเยอะนะเออ
28/08/2017 เป็นวันที่น้องต้องไปเรียนตาม CoE ตัวใหม่ที่เลื่อนออกมาจากต้นเดือนกรกฎาคม แต่ถึงตอนนี้วีซ่าก็ยังไม่ออก เอเจนท์ A ก็เลยจะเลื่อนคอร์สให้น้องอออีกรอบ และยืนยันกับน้องว่าเกิน 8 สัปดาห์ได้แน่นอน...แต่คราวนี้น้องออของเราเริ่มแข็งข้อ อยากจะตีเอาเอกราชของตัวเองกลับคืนมา ก็เลยแอบไปปรึกษาอีกเอเจนท์หนึ่งไว้ และได้รับการยืนยันจากเอเจนท์อีกที่ว่า “มันว่างเกิน 8 อาทิตย์ไม่ได้จริงๆหลังจากคอร์สเดิมจบ ซึ่งในกรณีนี้น้องออเนี่ยะ จะต้องเรียนตั้งแต่ภายในวันที่ 07/07/2017 แล้วเพราะคอร์สเดิมของน้องจบตั้งแต่วันที่ 12/05/2017 น้องก็เลยบอกเอเจนท์ A ไปว่าเช็คกับที่อื่นมาแล้วว่าที่พี่บอกมันไม่ถูกต้อง แต่ทางเอเจนท์ A ของน้องก็ยังแข็งกร้าวยืนยันเหมือนเดิมว่าไม่เป็นไร จนในที่สุดตอนดึกของวันเดียวกันทางเอเจนท์ A ก็โทรมายอมรับกับน้องว่า “พี่ได้เช็คกับเอเจนท์อื่นแล้วเหมือนกัน มันห้ามว่างเกิน 8 สัปดาห์จริงๆ” และบอกให้น้องออไปเรียนวันพุธที่ 30/08/2017 แทนทันที
29/08/2017 พอเรื่องมันแดงออกมาขนาดนี้ น้องออก็เลยต้องโร่ไปหาออกญาอิมมิเกรชั่นด้วยตัวเอง เพื่อสอบถาม และจะขอ Bridging Visa B (BVB) เพื่อขอออกนอกประเทศกลับไปไทยทำธุระ...พอไปหาอิมฯเอง น้องก็ได้ข้อมูลใหม่มาจากเจ้าหน้าที่อิมฯว่าน้องสามารถเช็คสถานะวีซ่าของตัวเองได้ และสามารถขอตัว BVB ผ่านทางออนไลน์ได้เช่นกัน น้องออก็เลยกลับมาเช็คเองที่บ้าและได้พบว่า “You do not have a current Australian visa (ตามรูปด้านล่าง) แต่ด้วยความที่น้องไม่รู้เลยเข้าใจว่าที่ตอนนี้ไม่มีวีซ่าก็เพราะว่าวีซ่ายังไม่ออก (เออ มันก็ถูกของน้องเขานะ เพราะถ้าน้าไม่ได้ทำงานทางด้านนี้ก็คงคิดเหมือนน้องเหมือนกัน)
04/09/2017 พบเจอความจริง (ซักที)!! น้องออได้เข้ามาเจ้าหน้าที่ของ CPSydney เพื่อให้ช่วยตรวจสอบวีซ่าให้ ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็เช็คสถานะวีซ่าผ่านทาง VEVO ให้ตามขั้นตอน และก็เจอข้อความข้างต้นเหมือนที่น้องเจอเช่นกัน ก็เลยแนะนำให้น้องออติดต่อเอเจนท์ A ให้ส่ง screenshot จากของระบบ online ที่ทางเอเจนท์ A ใช้ยื่นวีซ่าไปให้น้องออมาให้หน่อย...แล้วก็เรียบร้อย ความแตกจนได้ เพราะวีซ่าของน้องเป็น Invalid Application ตั้งแต่วันที่ 13/06/2017 แล้ว ซึ่งก็เท่ากับว่าน้องออของเรากลายเป็นผีไปตั้งแต่ตอนนู้นแล้วนั่นเอง
พอเจอแบบนี้เข้าไป น้องออก็เลยติดต่อกลับไปหาเอเจนท์ A ของน้องเพื่อบอกว่า "ผมกลายเป็นผีตั้งแต่เดือนมิถุนายนแล้วพี่" แต่เอเจนท์ไม่เชื่อ...จนเจ้าหน้าที่ของเราไปเจอข้อมูลที่เอเจนท์ A ระบุในเวบไซต์ของตัวเองว่าเป็นพาร์ทเนอร์กับเอเจนท์หนึ่งในซิดนีย์ (ขอใช้แทนนามสมมติว่า เอเจนท์ B ละกัน) เราเลยแนะนำให้น้องออลองไปติดต่อเอเจนท์ B ดูว่าเผื่อเขาจะช่วยอะไรได้บ้าง ซึ่งทางเอเจนท์ B ก็พบเจอความจริงเหมือนเราค่ะ และทางเอเจนท์ B ก็ได้พูดคุยกับเอเจนท์ A ที่เป็นพาร์ทเนอร์กัน จนเอเจนท์ A ก็ยอมศิโรราบกับความจริงที่ตัวเองได้ทำผิดพลาดไปทำให้น้องออกลายเป็นผี จะยื่นวีซ่านักเรียนใหม่ในออสเตรเลียก็ไม่ได้ ร้ายที่สุดก็ตรงที่น้องออถูกแบนจากวีซ่าออสเตรเลียเป็นเวลา 3 ปี ข้อหาหนีวีซ่าอีกด้วย
หลังจากนั้นน้องออก็อยากทำทุกอย่างให้มันถูกต้อง ซึ่งเอาจริงๆพอมาถึงขั้นนี้มันก็ไม่ได้มาทางเลือกอะไรให้น้องมากนักหรอก เจ้าหน้าที่ของเราก็ทำได้แค่แนะนำให้น้องไปขอ Bridging Visa E (BVE) เพื่อรายงานตัวกับทางเจ้าหน้าที่อิมฯและขอออกนอกประเทศอย่างถูกต้อง ไม่ได้อยู่หนีวีซ่าต่อไปเรื่อยๆ แต่ความตั้งใจของน้องก็อยากจะขออยู่ต่อไปจนถึงวันที่ 10/12/2017 เพื่อจะได้เรียนคอร์สใหม่ให้จบตามที่ตั้งใจไว้ แต่ประเด็นคือโดยปกติ BVE จะมีอายุแค่ 2 สัปดาห์เท่านั้นหลังจากที่ BVE granted ออกมาหน่ะสิ
08/09/2017 น้องออได้นัดกับทางเจ้าหน้าที่ของเราไปหาอิมฯด้วยกัน เพื่อขอคำปรึกษาจากเจ้าหน้าที่อิมฯว่าน้องสามารถทำอะไรได้บ้างในกรณีนี้ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่อิมฯก็เข้าใจว่าน้องกำลังพยายามทำทุกอย่างให้มันถูกต้อง เลยแนะนำให้น้องขอ BVE ให้เรียบร้อยแล้วกลับไทยไปก่อน แล้วค่อยยื่นวีซ่ากลับมาใหม่… พอได้ยินอย่างนี้ น้องออก็ย้อนถามอิมฯกลับไปตรงๆว่า ชั้นจะกลับมาได้ยังไงหล่ะ ในเมื่อชั้นถูกแบน 3 ปีแล้ว แต่นี่คือสิ่งที่อิมฯบอกน้องและเจ้าหน้าที่ของเรามาครับ “กลับมาได้ การถูกแบนไม่ได้แปลว่าห้ามกลับมาหรือจะกลับมาไม่ได้ เรายังมีสิทธิ์ของวีซ่าได้อีก แต่ก็ต้องขึ้นอยู่กับหลักฐานของตัวคุณเองด้วยว่ามีมากน้อยเพียงใดที่จะพิสูจน์ได้ว่าเป็นความผิดของเอเจนท์ A ไม่ได้เป็นความผิดของตัวเองจริงๆ แล้วอิมฯก็ไล่น้องกับเจ้าหน้าที่ของเรากลับมาสมัคร BVE ทางออนไลน์เหมือนเดิม555
11/09/2017 ยื่น BVE ผ่านการรวบรวมเอกสาร และความช่วยเหลือจากทางเจ้าหน้าที่ของ CPSydney office
18/09/2017 BVE granted เป็นที่เรียบร้อย และน้องต้องออกจากออสเตรเลียภายในเวลา 2 สัปดาห์ ก็จะเท่ากับว่าน้องต้องออกนอกประเทศภายในวันที่ 02/10/2017 แต่ก่อนที่อิมฯจะ granted BVE ให้กับน้องออของเรานั้น อิมฯก็ได้มีการสัมภาษณ์น้องเพิ่มเติม แต่เป็นคนละคนกับที่น้องเคยไปเจอมาก่อนหน้านี้ น้องเลยมีโอกาสได้คุยขอความเห็นจากเจ้าหน้าที่อิมฯอีกรอบ ซึ่งก็ได้คำตอบมาในทิศทางเดียวกันก็คือ น้องมีโอกาสขอยื่นวีซ่ากลับมาเรียนใหม่ได้ และน้องยังได้ถามเจ้าหน้าที่คนนี้อีกด้วยว่า ถ้าจะขอวีซ่าไปประเทศอื่น มันจะยากไหม เขาจะรู้ประวัติฯเรื่องการเป็นผีของชั้นหรือเปล่า "คำตอบที่น้องได้มาก็คือ ยากสิ เพราะเวลากรอกวีซ่าของแต่ละประเทศ เขาก็จะมีคำถามเรื่องประวัติฯวีซ่าของประเทศต่างๆเหมือนกัน" ซึ่งเราก็ควรจะตอบตามความเป็นจริง คือถ้าเราโกหกและเขาจับได้นี่ก็หนักกว่าเก่า พังแน่นอนครับ
02/10/2017 น้องอนันตชัยบินออกจากออสเตรเลียตามกำหนดค่ะ

นี่ก็จะเป็น time frame เรื่องราวของน้องทั้งหมดตลอดระยะเวลาประมาณ 6 เดือนที่ผ่านมา ตั้งแต่ยื่นวีซ่าไปกับเอเจนท์ A จนไล่ยาวมาถึงวันที่น้องได้รู้ความจริง และต้องออกนอกประเทศออสเตรเลียตามกำหนด

คราวนี้มาดูเรื่องอื่นๆเพิ่มเติมในรายละเอียดของน้องกันบ้าง...ค่าใช้จ่ายที่น้องได้ชำระไปสำหรับการต่อวีซ่านักเรียนเพิ่มเป็นเวลา 16 สัปดาห์ตามระยะเวลาเรียนที่น้องต้องการลงเรียนเพิ่ม น้องก็จะไม่ได้ค่าเรียนตรงส่วนนี้คืนจากทางสถาบันเพราะน้องได้เริ่มเรียนไปแล้ว ซึ่งอันนี้ก็เข้าใจว่าเป็นนโยบายของทางโรงเรียนที่ระบุไว้ใน offer letter มาตั้งแต่แรก แต่ทางโรงเรียนก็ได้ทราบเรื่องราวความเป็นมาทั้งหมดที่น้องต้องกลายเป็นผีจากความผิดพลาดของเอเจนท์ ก็เลยช่วยเหลือน้องออด้วยการเก็บจำนวนสัปดาห์ที่เหลือที่น้องยังไม่ได้เรียนไว้เป็น credit ให้น้อง และยินดีที่จะออก CoE ตัวใหม่ให้ เพื่อให้น้องได้มีเอกสารไว้ใช้ในการขอยื่นวีซ่านักเรียนอีกรอบ

แต่ ความจริงก็มาแตกอีกรอบก็คราวนี้ คือ น้องลงเรียนและชำระค่าเทอมผ่านทางเอเจนท์ A ไป 16 สัปดาห์ แต่ไม่รู้อีท่าไหนทางโรงเรียนถึงได้รับค่าเรียนของน้องมาแค่จำนวน 14 สัปดาห์เท่านั้น อันนี้ก็ไม่รู้อะไร ยังไงเหมือนกันครับ
เอาเข้าจริง ก็ต้องย้อนกลับไปถึงต้นตอสาเหตุที่ทำให้ student visa application ของน้องออเป็น invalid application ด้วยว่ามาจากเหตุผลอันใด ซึ่งก็จะมีเหตุผลดังนี้

  1. ทางเอเจนท์ไม่ได้ชำระค่าวีซ่านักเรียนให้น้อง
  2. เอเจนท์ A กรอกข้อมูลผิดใน visa application ของน้องออ
    • ระบุว่าสถาบันการเรียนของน้องปิดตัวลง
    • ระบุว่าน้องอนันตชัยเป็นนักเรียนที่ได้รับทุนจากรัฐบาลออสเตรเลีย

ที่จริงจะเห็นได้ว่าอิมฯมีระบุว่า น้องสามารถยื่นวีซ่าใหม่ได้เหมือนกันตั้งแต่ที่ตัว decision record ออกมา แต่ในกรณีของน้องเนี่ยะ ความซวยมันอยู่ที่วีซ่าหมดไปตั้งแต่วันที่ 12/06/2017 และผลตัว invalid application ก็ออกมาจากอิมฯในวันที่ 13/06/2017…ซึ่งถ้าว่ากันตามความจริงแล้วน้องยังมีสิทธิ์ยื่นวีซ่าได้อยู่ถ้าทราบความจริงตั้งแต่เนิ่นๆ แต่นี่กว่าจะรู้เดียงสาก็ปาเข้าไปเดือนกันยายน มันก็สายเกินไปแล้วที่จะยื่นวีซ่าใหม่ น้องก็เลยไม่มีทางเลือกอะไรมากนักระหว่างขอ BVE เพื่อกลับไทยแล้วยื่นวีซ่านักเรียนมาใหม่อีกครั้ง หรือ ว่าอยู่แบบผิดกฎหมาย สุดท้ายท้ายสุดน้องก็เลือกที่จะทำในสิ่งที่ถูกต้องตามที่ได้เล่ามาทั้งหมดข้างต้นฉะนี้แล

แต่สิ่งที่ทำให้น้องออเสียความรู้สึกที่สุดที่น้ายังไม่ได้เล่าให้ฟังก็คือ ในช่วงปลายเดือนมิถุนายนก่อนที่น้องจะต้องเริ่มเรียนคอร์สใหม่ในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา เอเจนท์ A มีติดต่อน้องออ เพื่อแจ้งความคืบหน้าเกี่ยวกับวีซ่านักเรียนของน้อง โดยบอกกับน้องว่า "อิมฯมีติดต่อขอข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับน้องมา และพี่ได้ตอบกลับอิมฯไปให้แล้วค่ะ เพราะเป็นข้อมูลที่น้องเคยแจ้งกับพี่ไว้"...เฮล โหล้ววววว วีซ่านักเรียนของน้องมัน invalid ไปตั้งแต่วันที่ 13 แล้วโว้ยยย มันรู้ผลไปแล้ว อิมฯจะมาขอข้อมูลแมวน้ำอะไรเพิ่มเติมหล่ะเฮ้ยยย (ขอโทษด้วยนะ น้าอินไปหน่อย)...นี่ยังดีนะที่เอเจนท์ A ยังแสดงความรับผิดชอบยอมเป็นคนออกค่าใช้จ่ายในการทำ BVE ให้น้อง แต่ถามว่ามันคุ้มกับที่น้องต้องมาเสียประวัติและเสียโอกาสไปรึเปล่านั้น อันนี้น้าก็ขอละไว้ในฐานที่เข้าใจและให้หลานๆตรองกันดูเองละกัน อย่าลืมว่าน้องมีเงินที่เสียเปล่าไปกับค่า student visa application ที่อิมฯระบุว่าน้องยังไม่ได้จ่าย และค่าเรียนภาษาของน้องที่หายไป 2 สัปดาห์ให้กับเอเจนท์ A ก่อนหน้านี้

ก็ทิ้งท้ายบทความนี้ไว้แบบนี้ละกัน ดูสะบั้นอารมณ์ดี...เดี๋ยวยังไงในฉบับหน้าจะมาเขียนเกี่ยวกับวีซ่าทักษะให้อ่านกันบ้างละกัน ไปละ บายยย

#ด้วยความปรารถนาดีจากCPSydney

#น้าหนวด