คิดถึงน้าหนวดกันไหมจ๊ะหลานๆ เดือนที่แล้วไม่มีเวลามานั่งเขียนอะไรให้อ่านเล่นเลย ไม่งอนกันโนะ เดี๋ยวในเดือนพฤศจิกายนนี้น้าหนวดจะขอแก้ตัวด้วยการหาบทความมาให้ทุกๆคนได้อ่านกัน 2 เรื่องเลยละกัน ถือว่าเป็นการชดเชยละกันเนอะ โดยฉบับแรกของเดือนนี้น้าหนวดจะมาเล่าให้ฟังเกี่ยวกับหลานคนหนึ่งที่ถือวีซ่านักเรียนอยู่ดีๆ แต่กลับกลายเป็นผีขึ้นมาซะอย่างนั้น
ก่อนที่จะเข้าสู่เนื้อหาที่น้าหนวดได้บอกหลานๆไป ก็จะขอเอ่ยถึงผลการแข่งขัน Melbourne Cup ปีนี้สักหน่อยละกัน จะได้ไม่ตกเทรนด์ น้าก็ขอแสดงความยินดีกับใครก็ตามที่ได้ลงทุนติดปลายนวมเลือกม้า 3 ตัวต่อไปนี้ด้วยละกัน (อันนี้ไม่ได้สนับสนุนให้เล่นการพนันนะ แต่ที่ออสเตรเลียมันไม่ได้ผิดกฎหมายอ่ะ)
- อันดับ 1 Rekindling
- อันดับ 2 Johannes Vermeer
- อันดับ 3 Max Dynamite
มาเข้าเรื่องกันเลยดีกว่า ก็ตามที่จั่วไปก่อนหน้านี้ว่าจะมาเล่าให้ฟังเกี่ยวกับการแปลงร่างจากคนกลายเป็นผีนักเรียนคนหนึ่งที่ชื่อ อนันตชัย ขอเรียกสั้นๆว่า "น้องออ" ละกันจะได้กระชับดี...อันที่จริงการเป็นผีมันไม่ได้เป็นเรื่องที่น่าภูมิใจอะไรนักหรอก แต่ประเด็นของน้องออมันอยู่ตรงที่ น้องกลายเป็นผีมานานกว่า 3 เดือนจากความผิดพลาดของเอเจนท์ที่น้องทำเรื่องด้วยถึงจะเพิ่งมารู้ตัวเนี่ยะแหล่ะ ดีนะที่น้องไม่ JACKPOT แตกโดนสุ่มตรวจและส่งไปอยู่ที่กักตัวของศูนย์รวมผีที่ใครหลายๆคนอาจจะเคยไปเยี่ยมคนรู้จักของตัวเองมาแล้ว
อนึ่งต้องบอกก่อนว่า บทความนี้ไม่ได้มีเจตนาจะโจมตีใครแต่อย่างใดนะจ๊ะ แค่ต้องการชี้ให้เห็นถึงข้อเสียของการเลือกใช้เอเจนท์ที่ขาดความรู้ ความเชี่ยวชาญ และอาจจะรวมถึงขาดความรับผิดชอบจนทำให้น้องออเสียอนาคตและโอกาสดีๆไปโดยปริยายทั้งๆที่น้องไม่ได้ทำอะไรผิดเลย
โดยบทความนี้ได้รับความร่วมมือและการอนุญาตจากน้องออเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เพราะน้องออเองก็อยากให้เรื่องราวของตัวเองเป็นบทเรียนให้หลายๆคนได้อ่านเป็นกรณีศึกษากันครับ แต่อันนี้น้าหนวดก็ต้องขอนับถือใจน้องออเลยที่ก็ยังมีเมตตาจิต ไม่ให้น้าระบุชื่อเอเจนท์ดังกล่าวอีกด้วย (แต่ถ้าใครอยากรู้มาถามหลังไมค์ได้นะ...อ่ะ หยอกหยอก555) เดี๋ยวมาอ่านกันดูเลยจร่ะว่าเรื่องราวของน้องออนั้นเป็นอย่างไรกันบ้าง โดยน้าหนวดจะเล่าเรื่องเป็นแบบตาม time frame ที่เกิดขึ้นนะ จะได้ไม่งง และน่าจะเข้าใจง่าย
นี่ก็จะเป็น time frame เรื่องราวของน้องทั้งหมดตลอดระยะเวลาประมาณ 6 เดือนที่ผ่านมา ตั้งแต่ยื่นวีซ่าไปกับเอเจนท์ A จนไล่ยาวมาถึงวันที่น้องได้รู้ความจริง และต้องออกนอกประเทศออสเตรเลียตามกำหนด
สิ้นปี 2016 น้องเดินทางมาเรียนภาษาอังกฤษที่โรงเรียนแห่งหนึ่งด้วยวีซ่านักเรียนตัวแรกของน้อง โดยวีซ่าตัวนี้จะหมดลงในวันที่ 12 มิถุนายน 2017
13/05/2017 น้องแจ้งกับทางเจ้าหน้าที่เพื่อนร่วมงานของน้าว่าเป็นวันที่ให้ข้อมูลและเอกสารกับทางเอเจนท์ A เพื่อที่จะใช้ในการยื่นวีซ่านักเรียนอีกรอบอย่างครบถ้วนเป็นที่เรียบร้อย โดยได้ชำระค่าเรียนสำหรับคอร์สใหม่และค่าวีซ่าให้กับทางเอเจนท์ A เป็นที่เรียบร้อยแล้วตั้งแต่ช่วงต้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา
09/06/2017 เอเจนท์
A ได้แจ้งกับน้องออว่าได้ยื่นวีซ่าให้เรียบร้อยแล้ว
12/06/2017 วีซ่านักเรียนตัวแรกที่ได้มาจากไทยหมด
13/06/2017 น้องออโดนไล่ออกจากงาน!! ที่ทำงานของน้องให้เหตุผลว่าวีซ่าน้องหมดแล้ว
ไม่สามารถทำงานกับทางร้านได้ (อันนี้ขออธิบายเพิ่มเติมนิดนึง คือ ทางร้านได้ขอเอกสารน้องหลายอย่างในตอนที่รับน้องเข้าทำงาน
จึงสามารถเช็ค Visa status ของน้องผ่านทาง
VEVO ได้ด้วยตัวเอง) น้องออเลยติดต่อเอเจนท์ A เพื่อขอเอกสารที่ระบุว่าตัวเองมีวีซ่าอยู่ในออสเตรเลียอย่างถูกต้องตามกฎหมาย
ซึ่งในกรณีนี้ต้องใช้ตัว Bridging Visa A (BVA) เท่านั้น แต่ทางเอเจนท์
A กลับส่งมาให้แค่เพียง screenshot ของตัว
acknowledgement letter ที่อิมฯได้รับ visa
application ของน้องมาให้แล้วอย่างเดียว
ไม่ได้ส่งมาทั้งไฟล์พร้อมตัว BVA มาให้ด้วย
ซึ่งมันคงเป็นความซวยของน้องออที่ดันไปถามเพื่อนอีกคนหนึ่ง แต่เจ้ากรรมเพื่ิอนคนนี้ก็ดั๊นนนไม่ได้ BVA เหมือนกัน น้องออก็เลยไม่ได้เอะใจอะไร และน้องก็ไม่รู้ว่าต้องเช็ควีซ่าตัวเองยังไง ก็เลยให้แค่ screenshot ที่ได้มาจากเอเจนท์ A ไปกับทางร้าน
แต่ทางร้านไม่รับเอกสารตัวนี้ และให้น้องออกจากงาน
03/07/2017 เป็นวันที่น้องออจะต้องไปเริ่มเรียนคอร์ส แต่เอเจนท์เจ้ากรรมกลับบอกน้องว่า น้องยังไปเรียนไม่ได้เพราะวีซ่ายังไม่ออก (อันนี้น้าก็ไม่รู้ว่าเขาไปเอาข้อมูลตรงนี้มาจากไหน ถ้าน้องยังอยู่ไทยอยู่แล้วยังไม่ได้วีซ่านักเรียนออสเตรเลียอนุญาตให้เดินทางมาที่นี่ก็ว่าไปอย่าง) และขอให้น้องเลื่อนวันเปิดเรียนไปเป็นช่วงสิ้นเดือนสิงหาคมแทน!! พอเป็นอย่างนี้น้องออของเราก็เริ่มเอะใจละถามเอเจนท์ A ไปว่า "ถ้าว่างเกิน 8 อาทิตย์แล้วค่อยไปเรียนคอร์สใหม่จะไม่มีปัญหาหรอพี่?" เดาซิว่าเอเจนท์ A บอกน้องว่าอะไร555 ใช่แล้วจร้าาา แกดันไปบอกน้องว่าไม่เป็นอะไร สบายๆ...น้องก็เชื่อเอเจนท์สิ เพราะยังไงก็คิดว่าเอเจนท์ต้องมีความรู้มากกว่าตัวน้องอยู่แล้ว จึงได้ทำการตกลงปลงใจเลื่อนคอร์สเรียนออกไป
***มาถึงตรงนี้น้าขออธิบายเพิ่มเติมนิดนึง คือ ถ้าเราจะเริ่มเรียนคอร์สใหม่อ่ะ เราควรจะเริ่มเรียนภายใน 8 อาทิตย์ ถ้าเราต้องการที่จะ maintain อยู่ใน Australia ก่อนที่จะเริ่มเรียนคอร์สใหม่ ถ้ามันจะเกิด 8 อาทิตย์เราก็ต้องหาอะไรมาลงเรียนคั่นไว้ที่เรียกว่า Gap Filling อ่ะ เข้าใจ บ่...จะยกเว้นได้ก็ต่อเมื่อเราไม่ได้อยู่รอคอร์สใหม่เปิดเรียนในประเทศออสเตรเลียเป็นเวลาติดต่อกัน 8 อาทิตย์ หรือคอร์สที่เราเพิ่งจบมันไปจบตอนแถวสิ้นปีที่เป็น school holiday ของที่นี้ แล้วคอร์สใหม่ของเรามันไปเริ่มปลายกุมภาพันธ์ หรือต้นมีนาคม อันนี้ก็ยังจะพอถูๆไถๆไปได้ แต่ในกรณียกเว้นอันที่สองนี้ส่วนใหญ่จะเป็นสำหรับหลานๆที่เรียนพวกปริญญาตรีขึ้นไปของมหา'ลัยกันซะเยอะนะเออ
28/08/2017 เป็นวันที่น้องต้องไปเรียนตาม CoE
ตัวใหม่ที่เลื่อนออกมาจากต้นเดือนกรกฎาคม แต่ถึงตอนนี้วีซ่าก็ยังไม่ออก เอเจนท์ A ก็เลยจะเลื่อนคอร์สให้น้องอออีกรอบ และยืนยันกับน้องว่าเกิน 8 สัปดาห์ได้แน่นอน...แต่คราวนี้น้องออของเราเริ่มแข็งข้อ อยากจะตีเอาเอกราชของตัวเองกลับคืนมา ก็เลยแอบไปปรึกษาอีกเอเจนท์หนึ่งไว้ และได้รับการยืนยันจากเอเจนท์อีกที่ว่า
“มันว่างเกิน 8 อาทิตย์ไม่ได้จริงๆหลังจากคอร์สเดิมจบ” ซึ่งในกรณีนี้น้องออเนี่ยะ จะต้องเรียนตั้งแต่ภายในวันที่ 07/07/2017 แล้วเพราะคอร์สเดิมของน้องจบตั้งแต่วันที่
12/05/2017 น้องก็เลยบอกเอเจนท์ A ไปว่าเช็คกับที่อื่นมาแล้วว่าที่พี่บอกมันไม่ถูกต้อง แต่ทางเอเจนท์ A ของน้องก็ยังแข็งกร้าวยืนยันเหมือนเดิมว่าไม่เป็นไร
จนในที่สุดตอนดึกของวันเดียวกันทางเอเจนท์ A ก็โทรมายอมรับกับน้องว่า “พี่ได้เช็คกับเอเจนท์อื่นแล้วเหมือนกัน
มันห้ามว่างเกิน 8 สัปดาห์จริงๆ” และบอกให้น้องออไปเรียนวันพุธที่ 30/08/2017 แทนทันที
29/08/2017 พอเรื่องมันแดงออกมาขนาดนี้ น้องออก็เลยต้องโร่ไปหาออกญาอิมมิเกรชั่นด้วยตัวเอง เพื่อสอบถาม
และจะขอ Bridging
Visa B (BVB) เพื่อขอออกนอกประเทศกลับไปไทยทำธุระ...พอไปหาอิมฯเอง น้องก็ได้ข้อมูลใหม่มาจากเจ้าหน้าที่อิมฯว่าน้องสามารถเช็คสถานะวีซ่าของตัวเองได้
และสามารถขอตัว BVB ผ่านทางออนไลน์ได้เช่นกัน น้องออก็เลยกลับมาเช็คเองที่บ้าและได้พบว่า “You do not have a current
Australian visa” (ตามรูปด้านล่าง) แต่ด้วยความที่น้องไม่รู้เลยเข้าใจว่าที่ตอนนี้ไม่มีวีซ่าก็เพราะว่าวีซ่ายังไม่ออก (เออ มันก็ถูกของน้องเขานะ เพราะถ้าน้าไม่ได้ทำงานทางด้านนี้ก็คงคิดเหมือนน้องเหมือนกัน)
04/09/2017 พบเจอความจริง (ซักที)!! น้องออได้เข้ามาเจ้าหน้าที่ของ CPSydney เพื่อให้ช่วยตรวจสอบวีซ่าให้
ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็เช็คสถานะวีซ่าผ่านทาง VEVO ให้ตามขั้นตอน และก็เจอข้อความข้างต้นเหมือนที่น้องเจอเช่นกัน ก็เลยแนะนำให้น้องออติดต่อเอเจนท์ A
ให้ส่ง screenshot จากของระบบ online ที่ทางเอเจนท์ A ใช้ยื่นวีซ่าไปให้น้องออมาให้หน่อย...แล้วก็เรียบร้อย ความแตกจนได้ เพราะวีซ่าของน้องเป็น Invalid Application ตั้งแต่วันที่ 13/06/2017
แล้ว ซึ่งก็เท่ากับว่าน้องออของเรากลายเป็นผีไปตั้งแต่ตอนนู้นแล้วนั่นเอง
พอเจอแบบนี้เข้าไป น้องออก็เลยติดต่อกลับไปหาเอเจนท์
A
ของน้องเพื่อบอกว่า "ผมกลายเป็นผีตั้งแต่เดือนมิถุนายนแล้วพี่" แต่เอเจนท์ A ไม่เชื่อ...จนเจ้าหน้าที่ของเราไปเจอข้อมูลที่เอเจนท์ A ระบุในเวบไซต์ของตัวเองว่าเป็นพาร์ทเนอร์กับเอเจนท์หนึ่งในซิดนีย์
(ขอใช้แทนนามสมมติว่า เอเจนท์ B ละกัน) เราเลยแนะนำให้น้องออลองไปติดต่อเอเจนท์ B
ดูว่าเผื่อเขาจะช่วยอะไรได้บ้าง ซึ่งทางเอเจนท์ B ก็พบเจอความจริงเหมือนเราค่ะ และทางเอเจนท์ B ก็ได้พูดคุยกับเอเจนท์
A ที่เป็นพาร์ทเนอร์กัน จนเอเจนท์ A ก็ยอมศิโรราบกับความจริงที่ตัวเองได้ทำผิดพลาดไปทำให้น้องออกลายเป็นผี จะยื่นวีซ่านักเรียนใหม่ในออสเตรเลียก็ไม่ได้ ร้ายที่สุดก็ตรงที่น้องออถูกแบนจากวีซ่าออสเตรเลียเป็นเวลา
3 ปี ข้อหาหนีวีซ่าอีกด้วย
หลังจากนั้นน้องออก็อยากทำทุกอย่างให้มันถูกต้อง ซึ่งเอาจริงๆพอมาถึงขั้นนี้มันก็ไม่ได้มาทางเลือกอะไรให้น้องมากนักหรอก เจ้าหน้าที่ของเราก็ทำได้แค่แนะนำให้น้องไปขอ Bridging
Visa E (BVE) เพื่อรายงานตัวกับทางเจ้าหน้าที่อิมฯและขอออกนอกประเทศอย่างถูกต้อง
ไม่ได้อยู่หนีวีซ่าต่อไปเรื่อยๆ แต่ความตั้งใจของน้องก็อยากจะขออยู่ต่อไปจนถึงวันที่
10/12/2017 เพื่อจะได้เรียนคอร์สใหม่ให้จบตามที่ตั้งใจไว้
แต่ประเด็นคือโดยปกติ BVE จะมีอายุแค่ 2 สัปดาห์เท่านั้นหลังจากที่ BVE granted ออกมาหน่ะสิ
08/09/2017
น้องออได้นัดกับทางเจ้าหน้าที่ของเราไปหาอิมฯด้วยกัน เพื่อขอคำปรึกษาจากเจ้าหน้าที่อิมฯว่าน้องสามารถทำอะไรได้บ้างในกรณีนี้ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่อิมฯก็เข้าใจว่าน้องกำลังพยายามทำทุกอย่างให้มันถูกต้อง
เลยแนะนำให้น้องขอ BVE ให้เรียบร้อยแล้วกลับไทยไปก่อน
แล้วค่อยยื่นวีซ่ากลับมาใหม่… พอได้ยินอย่างนี้ น้องออก็ย้อนถามอิมฯกลับไปตรงๆว่า ชั้นจะกลับมาได้ยังไงหล่ะ ในเมื่อชั้นถูกแบน 3 ปีแล้ว แต่นี่คือสิ่งที่อิมฯบอกน้องและเจ้าหน้าที่ของเรามาครับ “กลับมาได้
การถูกแบนไม่ได้แปลว่าห้ามกลับมาหรือจะกลับมาไม่ได้ เรายังมีสิทธิ์ของวีซ่าได้อีก แต่ก็ต้องขึ้นอยู่กับหลักฐานของตัวคุณเองด้วยว่ามีมากน้อยเพียงใดที่จะพิสูจน์ได้ว่าเป็นความผิดของเอเจนท์
A ไม่ได้เป็นความผิดของตัวเองจริงๆ” แล้วอิมฯก็ไล่น้องกับเจ้าหน้าที่ของเรากลับมาสมัคร
BVE ทางออนไลน์เหมือนเดิม555
11/09/2017
ยื่น BVE ผ่านการรวบรวมเอกสาร
และความช่วยเหลือจากทางเจ้าหน้าที่ของ CPSydney office
18/09/2017
BVE
granted เป็นที่เรียบร้อย และน้องต้องออกจากออสเตรเลียภายในเวลา 2 สัปดาห์ ก็จะเท่ากับว่าน้องต้องออกนอกประเทศภายในวันที่ 02/10/2017 แต่ก่อนที่อิมฯจะ granted BVE ให้กับน้องออของเรานั้น อิมฯก็ได้มีการสัมภาษณ์น้องเพิ่มเติม แต่เป็นคนละคนกับที่น้องเคยไปเจอมาก่อนหน้านี้ น้องเลยมีโอกาสได้คุยขอความเห็นจากเจ้าหน้าที่อิมฯอีกรอบ
ซึ่งก็ได้คำตอบมาในทิศทางเดียวกันก็คือ น้องมีโอกาสขอยื่นวีซ่ากลับมาเรียนใหม่ได้ และน้องยังได้ถามเจ้าหน้าที่คนนี้อีกด้วยว่า ถ้าจะขอวีซ่าไปประเทศอื่น มันจะยากไหม เขาจะรู้ประวัติฯเรื่องการเป็นผีของชั้นหรือเปล่า "คำตอบที่น้องได้มาก็คือ ยากสิ เพราะเวลากรอกวีซ่าของแต่ละประเทศ เขาก็จะมีคำถามเรื่องประวัติฯวีซ่าของประเทศต่างๆเหมือนกัน" ซึ่งเราก็ควรจะตอบตามความเป็นจริง คือถ้าเราโกหกและเขาจับได้นี่ก็หนักกว่าเก่า พังแน่นอนครับ
02/10/2017 น้องอนันตชัยบินออกจากออสเตรเลียตามกำหนดค่ะ
นี่ก็จะเป็น time frame เรื่องราวของน้องทั้งหมดตลอดระยะเวลาประมาณ 6 เดือนที่ผ่านมา ตั้งแต่ยื่นวีซ่าไปกับเอเจนท์ A จนไล่ยาวมาถึงวันที่น้องได้รู้ความจริง และต้องออกนอกประเทศออสเตรเลียตามกำหนด
คราวนี้มาดูเรื่องอื่นๆเพิ่มเติมในรายละเอียดของน้องกันบ้าง...ค่าใช้จ่ายที่น้องได้ชำระไปสำหรับการต่อวีซ่านักเรียนเพิ่มเป็นเวลา
16
สัปดาห์ตามระยะเวลาเรียนที่น้องต้องการลงเรียนเพิ่ม น้องก็จะไม่ได้ค่าเรียนตรงส่วนนี้คืนจากทางสถาบันเพราะน้องได้เริ่มเรียนไปแล้ว ซึ่งอันนี้ก็เข้าใจว่าเป็นนโยบายของทางโรงเรียนที่ระบุไว้ใน offer letter มาตั้งแต่แรก แต่ทางโรงเรียนก็ได้ทราบเรื่องราวความเป็นมาทั้งหมดที่น้องต้องกลายเป็นผีจากความผิดพลาดของเอเจนท์ ก็เลยช่วยเหลือน้องออด้วยการเก็บจำนวนสัปดาห์ที่เหลือที่น้องยังไม่ได้เรียนไว้เป็น credit ให้น้อง และยินดีที่จะออก CoE ตัวใหม่ให้
เพื่อให้น้องได้มีเอกสารไว้ใช้ในการขอยื่นวีซ่านักเรียนอีกรอบ
แต่ ความจริงก็มาแตกอีกรอบก็คราวนี้ คือ น้องลงเรียนและชำระค่าเทอมผ่านทางเอเจนท์ A ไป 16 สัปดาห์ แต่ไม่รู้อีท่าไหนทางโรงเรียนถึงได้รับค่าเรียนของน้องมาแค่จำนวน 14 สัปดาห์เท่านั้น อันนี้ก็ไม่รู้อะไร ยังไงเหมือนกันครับ
แต่ ความจริงก็มาแตกอีกรอบก็คราวนี้ คือ น้องลงเรียนและชำระค่าเทอมผ่านทางเอเจนท์ A ไป 16 สัปดาห์ แต่ไม่รู้อีท่าไหนทางโรงเรียนถึงได้รับค่าเรียนของน้องมาแค่จำนวน 14 สัปดาห์เท่านั้น อันนี้ก็ไม่รู้อะไร ยังไงเหมือนกันครับ
เอาเข้าจริง ก็ต้องย้อนกลับไปถึงต้นตอสาเหตุที่ทำให้
student
visa application ของน้องออเป็น invalid application ด้วยว่ามาจากเหตุผลอันใด ซึ่งก็จะมีเหตุผลดังนี้
- ทางเอเจนท์ไม่ได้ชำระค่าวีซ่านักเรียนให้น้อง
- เอเจนท์ A กรอกข้อมูลผิดใน visa application ของน้องออ
- ระบุว่าสถาบันการเรียนของน้องปิดตัวลง
- ระบุว่าน้องอนันตชัยเป็นนักเรียนที่ได้รับทุนจากรัฐบาลออสเตรเลีย
ที่จริงจะเห็นได้ว่าอิมฯมีระบุว่า
น้องสามารถยื่นวีซ่าใหม่ได้เหมือนกันตั้งแต่ที่ตัว decision record ออกมา แต่ในกรณีของน้องเนี่ยะ ความซวยมันอยู่ที่วีซ่าหมดไปตั้งแต่วันที่ 12/06/2017 และผลตัว
invalid application ก็ออกมาจากอิมฯในวันที่
13/06/2017…ซึ่งถ้าว่ากันตามความจริงแล้วน้องยังมีสิทธิ์ยื่นวีซ่าได้อยู่ถ้าทราบความจริงตั้งแต่เนิ่นๆ
แต่นี่กว่าจะรู้เดียงสาก็ปาเข้าไปเดือนกันยายน มันก็สายเกินไปแล้วที่จะยื่นวีซ่าใหม่
น้องก็เลยไม่มีทางเลือกอะไรมากนักระหว่างขอ BVE
เพื่อกลับไทยแล้วยื่นวีซ่านักเรียนมาใหม่อีกครั้ง หรือ ว่าอยู่แบบผิดกฎหมาย สุดท้ายท้ายสุดน้องก็เลือกที่จะทำในสิ่งที่ถูกต้องตามที่ได้เล่ามาทั้งหมดข้างต้นฉะนี้แล
แต่สิ่งที่ทำให้น้องออเสียความรู้สึกที่สุดที่น้ายังไม่ได้เล่าให้ฟังก็คือ ในช่วงปลายเดือนมิถุนายนก่อนที่น้องจะต้องเริ่มเรียนคอร์สใหม่ในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา เอเจนท์ A มีติดต่อน้องออ เพื่อแจ้งความคืบหน้าเกี่ยวกับวีซ่านักเรียนของน้อง โดยบอกกับน้องว่า "อิมฯมีติดต่อขอข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับน้องมา และพี่ได้ตอบกลับอิมฯไปให้แล้วค่ะ เพราะเป็นข้อมูลที่น้องเคยแจ้งกับพี่ไว้"...เฮล โหล้ววววว วีซ่านักเรียนของน้องมัน invalid ไปตั้งแต่วันที่ 13 แล้วโว้ยยย มันรู้ผลไปแล้ว อิมฯจะมาขอข้อมูลแมวน้ำอะไรเพิ่มเติมหล่ะเฮ้ยยย (ขอโทษด้วยนะ น้าอินไปหน่อย)...นี่ยังดีนะที่เอเจนท์ A ยังแสดงความรับผิดชอบยอมเป็นคนออกค่าใช้จ่ายในการทำ
BVE ให้น้อง แต่ถามว่ามันคุ้มกับที่น้องต้องมาเสียประวัติและเสียโอกาสไปรึเปล่านั้น อันนี้น้าก็ขอละไว้ในฐานที่เข้าใจและให้หลานๆตรองกันดูเองละกัน อย่าลืมว่าน้องมีเงินที่เสียเปล่าไปกับค่า student visa application ที่อิมฯระบุว่าน้องยังไม่ได้จ่าย และค่าเรียนภาษาของน้องที่หายไป 2
สัปดาห์ให้กับเอเจนท์ A ก่อนหน้านี้
ก็ทิ้งท้ายบทความนี้ไว้แบบนี้ละกัน ดูสะบั้นอารมณ์ดี...เดี๋ยวยังไงในฉบับหน้าจะมาเขียนเกี่ยวกับวีซ่าทักษะให้อ่านกันบ้างละกัน ไปละ บายยย
#ด้วยความปรารถนาดีจากCPSydney
#น้าหนวด
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น