วันอาทิตย์ที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2561

MyFutureMyCP: คิดอะไรไม่ออก ก็ฉลอง ANZAC Day ด้วย Ability English ละกัน

คิดถึงกันไหมจ๋าาา...หายกันไปนานเลยทีเดียวสำหรับ MyFutureMyCP เวอร์ชั่น online แต่หลังจากเดือนนี้เป็นต้นไป น้าหนวดสัญญาว่าจะมีคอลัมน์ MyFutureMyCP มาให้อ่านกันเป็นประจำๆทุกๆเดือนแน่นอนครับ โดยอาจจะเป็นทั้งคอลัมน์แทรกในบทความหลักหรือเป็นคอลัมน์เต็มโดดๆแบบฉบับปฐมฤกษ์ประจำเดือนเมษายนแบบนี้ก็ได้ครับ

MyFutureMyCP 2018/1 วันนี้น้าหนวดจะพาไปรู้จักโรงเรียนภาษาชื่อดังน้ำดีแห่งหนึ่งที่ตั้งตระหง่านอยู่กลางจุดยุทธศาสตร์ของ Sydney เพราะสามารถเดินทางมาเรียนได้ด้วยรถไฟและรถเมล์ (เอาจริงใครที่อยู่ในเมืองจะเดินมาเรียนยังได้เลย), ร้านอาหารหลากหลายสัญชาติไม่ว่าจะเป็นร้านอาหารใต้สัญชาติไทย ราเมงหรือซูชิจากญี่ปุ่น หรือติ่มซำ หมาล่าแบบจีนก็มีเลือกกินกันตามใจชอบ, และยังอยู่ใกล้ศูนย์การค้าขนาดย่อมอย่าง Paddy's Markets อีกด้วย...ที่สำคัญไปกว่านั้นโรงเรียนภาษาแห่งนี้ ยังมีสถาบันคู่ค้าผู้เชี่ยวชาญด้านหลักสูตรการเลี้ยงเด็ก (Childcare) อย่าง MEGT Institute อีกด้วย (ใบ้ขนาดนี้จะรู้กันรึยังนะ ว่าสถาบันภาษาที่ว่าคือสถาบันอะไร??)



เฉลยละนะ...สถาบันภาษาตามคำบอกใบ้ข้างต้นก็คือ ABILITY ENGLISH นั่นเองงง!!!


ABILITY English เป็นสถาบันสอนภาษาอังกฤษที่มี campus ให้เรียนทั้งที่ใน Sydney และ Melbourne เอาเฉพาะคำบอกใบ้ข้างต้นของที่ Sydney Campus ก่อน คือตั้งอยู่ที่ 10 Quay Street, Sydney, NSW 2000
รูปประกอบอาจจะเล็กไปหน่อยนะ แต่ถ้าสังเกตดูกันดีๆ ในวงกลมสีแดงคือที่ตั้งของสถาบัน แล้วมุมซ้ายล่างของรูปก็จะเป็น Central station ส่วนในเรื่องการหาของกินก็ง่ายแสนง่าย เพราะถ้าสังเกตจากตรงกลางของรูปก็จะเห็นร้านอาหารชื่อ Chinatown Noodle ซึ่งขอให้ข้ามมันไปไม่ต้องสนใจ แต่ที่น่าสนใจคือในตึกเดียวกันนี้จะมีร้านอาหารใต้สัญชาติไทยที่ชื่อว่า "เกสร" และ ราเมงเจ้าอร่อย "Menya Ramen" ให้เราได้รับทาน หรือถ้าใครขยันเดินไปอีกนิดนึงก็จะถึง Paddy's Markets แล้ว ถึงได้บอกสายกินทั้งหลายไงว่าสะดวกสบายในการหาของกินสุดๆ

ขอจบเรื่องของกิน เอ้ยยย เรื่องสถานที่ตั้งของโรงเรียนไว้เพียงเท่านี้ แล้วมาต่อกันด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวกภายใน campus กันบ้างดีกว่า คือ เพื่อประโยชน์สูงสุดของนักเรียน ทางโรงเรียนได้จัดเตรียมคอมพิวเตอร์ไว้กว่า 40 เครื่องใน campus และมีเครื่อง projector ไว้เป็นสื่อการสอนภายในห้องเรียนเพื่ออำนวยความสะดวกสบายให้กับน้องๆนักเรียนทุกคนอีกด้วย นอกจากนี้ยังมี student lounge และ student kitchen เพื่อให้นักเรียนได้มีโอกาสพบปะพูดคุย และแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมระหว่างนักเรียนด้วยกันเองอีกด้วย

ข้ามมาที่หลักสูตรการเรียนการสอนของ ABILITY English กันบ้าง...ที่นี่ก็จะเป็นอีกหนึ่งสถาบันที่ค่อนข้างมีความหลากหลายของหลักสูตรการเรียนพอสมควรกันเลยทีเดียว ก็เพราะเพื่อตอบสนองความต้องการทางด้านการศึกษาที่แตกต่างกันออกไปของน้องๆออเจ้าทั้งหลาย บางคนอาจจะมีจุดประสงค์ในการเรียนภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารในชีวิตประจำวัน, การทำงาน, หรือการเรียนต่อ ทางสถาบันเลยมีหลักสูตรที่แตกต่างกันออกไปอาทิเช่น General English Plus, Survivor English, Pronunciation & Fluency, และ English for Academic Purpose แต่หลักสูตรที่จะตอบโจทย์ในเรื่องของ "การสื่อสารในชีวิตประจำวัน" ก็จะต้องเป็นตัวนี้เลย SURVIVOR ENGLISH
ทำไมหน่ะหรอออ?? ก็เพราะเจ้าตัว SURVIVOR ENGLISH เนี่ยะ จะเป็นคอร์สที่เน้นให้นักเรียนมีความมั่นใจในการสื่อสารมากขึ้น โดยตัวหลักสูตรจะถ่ายทอดออกมาในรูปแบบของการทำกิจกรรม หรือการจำลองเหตุการณ์จริงในชีวิตประจำวันมากกว่าที่จะนั่งเรียนงกๆแบบท่องจำตามแบบฉบับที่ประเทศๆหนึ่งในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นิยมทำกัน #หยอกหยอก ทั้งนี้การเรียนการสอนแบบดังกล่าวจะทำให้นักเรียนมีส่วนร่วมกับการเรียนโดยไม่เขินอาย และค่อยๆเพิ่มความมั่นใจให้กับตัวเองทีละนิดจากการฝึกฟังและพูดอย่างเป็นประจำ หากน้องๆคนไหนสนใจหลักสูตรนี้ก็สามารถเข้าไปดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับหลักสูตรนี้ตามลิงค์ที่แปะไว้ให้เลยจร้าาา https://www.youtube.com/watch?v=uT2U6kCTk6s

มาดูที่หลักสูตร English for Academic Purpose (EAP) ของที่ ABILITY English กันบ้าง...ขอบอกว่าก็คุณภาพเป๊ะปังไม่แพ้กัน เพราะสามารถนำผลการเรียนภาษาอังกฤษของที่นี่ไปสมัครเรียนต่อในระดับมหา'ลัย หรือเรียนต่อในสถาบันดีๆได้อย่างมากมายไม่ว่าจะเป็น Macquarie University, Western Sydney University, Central Queensland University, Kaplan Business School, THINK Education (Sydney campus), หรือ TAFE NSW จากสถาบันที่รับรองผลการเรียนของ ABILITY English ก็คงไม่ต้องเสียเวลาสาธยายกันอีกมากมายว่าคอร์ส EAP ของทาง ABILITY English นั้นมีคุณภาพมากเพียงใดหนักหนาาา

ข้ามมาดูกันที่ปัจจัยสุดท้ายที่ิบางครั้งหลายๆคนก็เอามาคิดประกอบการตัดสินใจว่าจะเรียนที่ไหนดีกันบ้างดีกว่า นั่นก็คือในเรื่องของ Nationality Mix หรือจำนวนสัญชาติของนักเรียนในโรงเรียนนั่นเอง...เชื่อหรือไม่ว่าในหนึ่งปีมีนักเรียนต่างชาติจากกว่า 80 ประเทศทั่วโลกเข้ามาเรียนที่ ABILITY English ซึ่งแน่นอนว่าหนึ่งในนั้นต้องมีนักเรียนไทยด้วยแน่นอน แต่จากจำนวนของนักเรียนต่างชาติทั้งหมด นักเรียนไทยคิดได้ออกมาเป็นสัดส่วนแค่เพียง 4% เท่านั้น โดยโซนที่มาเยอะสุดของ Sydney campus ก็จะมาจากแถบอเมริกาใต้ และอเมริกากลาง ก็ลองพิจารณากันดูครับสำหรับคนที่คิดเรื่องนี้เป็นปัจจัยในการตัดสินใจเรียนด้วย แต่รับประกันได้ว่าจะได้มีโอกาสฝึกภาษาอังกฤษจากเพื่อนๆหลากหลายสำเนียงอย่างแน่นอน

สุดท้าย ก่อนจะลากันไปในฉบับปฐมฤกษ์ของ MyFutureMyCP ในฉบับนี้…น้าหนวดก็มีโปรโมชั่นต้อนรับสงกรานต์ และเฉลิมฉลองวัน Anzac Day มาบอกเพื่อนๆน้องให้ได้ทราบกันค่ะ
  • #ThaiFestivalPromotion โปรโมชั่นฉลองสงกรานต์ของไทยที่แผ่อานิสงส์ไปถึงนักเรียนชาติอื่นๆในแถบ South East Asia ด้วยกัน คือ “สมัครเรียน และ เริ่มเรียนภายในวันที่ 30 มิถุนายนนี้ จะได้รับสนนราคาค่าเรียนสุดพิเศษแค่เพียง $225/สัปดาห์ โดยจะเลือกเรียนได้ทั้งตอนเช้าและตอนเย็น รวมถึงจะเรียนที่ไหนก็ได้ไม่ว่าจะเป็น Sydney หรือ Melbourne
  • #SydneyCampusEnrolmentFeeWaiver อันนี้พิเศษสุด เฉพาะสำหรับน้องๆที่สมัครเรียนที่ Sydney Campus ผ่าน CPSydney office คือ จะได้รับสิทธิพิเศษ ไม่เสียค่าสมัครเรียนมูลค่า $220 อีกด้วยน้าาา


สำหรับฉบับนี้คงต้องลาไปก่อน...หากใครมีข้อมูลสงสัยเพิ่มเติมก็คลิกเข้าเวบของสถาบันโดยตรงได้เลยที่ www.abilityenglish.edu.au หรือจะติดต่อมาที่เอเจนท์ตัวแทนอย่าง CPSydney office ก็ได้นะจ๊ะ สะดวกได้หลากหลายช่องทางเลยไม่ว่าจะเป็นที่ LINE ID: cpsydney2 ของน้าหนวด หรือถ้าอยากได้ยินเสียงกันก็โทรมาที่ +61 2 9267 8522 หรือถ้าสะดวกทาง social media ก็ทักทาย Facebook Page ของ Sydney office มาได้ที่ https://www.facebook.com/cpsyd/

#ด้วยความปรารถนาดีจากCPSydney
#น้าหนวด

วันอังคารที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2561

สวัสดีปีใหม่ไทย พ.ศ. 2561…TSS482 มาแล้วจร้าาา!!!

ยังคงสาละวนหมกมุ่นกันอยู่กับเจ้าวีซ่าทักษะตัวใหม่ TSS482 กันอย่างต่อเนื่องครับสำหรับบทความออนไลน์ประจำเดือนเมษายน พ.ศ. 2561...หลังจากที่ฉบับที่แล้วเราได้เกริ่นนำเกี่ยวกับตัว TSS482 ไปในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา (https://visatalkbycpsydney.blogspot.com.au/2018/03/temporary-skill-shortage-tss-visa.html) มาในฉบับนี้พี่หมื่นก็จะพาออเจ้าทั้งหลายไปรู้จักกับพ่อกองสตั๊ง TSS482 กันให้มากขึ้นว่าจักมีหน้าตาและนิสัยใจคอเป็นเช่นไร ผิดแผกไปจากวีซ่านายจ้างสปอนเซอร์อย่างไรบ้าง

สำหรับรูปลักษณ์ภายนอกของเจ้า TSS482 ก็ยังมีรูปร่างหน้าตาเฉกเช่นเดิมนั่นแหล่ะครับ โดยจะมี 3 ขั้นตอนหลัก ได้แก่
  1. Standard Business Sponsorship
  2. Nomination
  3. Visa Application
หากแต่ว่าในรายละเอียดต่างหากที่มีการเปลีี่ยนแปลง เพราะฉะนั้นเดี๋ยวเรามาดูกันเลยว่าในแต่ละขั้นตอนของการทำ TSS482 นั้น มีอะไรที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมบ้าง

STANDARD BUSINESS SPONSORSHIP
อย่างที่รู้กันอยู่แล้ว หรืออาจจะยังไม่รู้ว่าก่อนที่เราจะทำวีซ่าทำงานได้ นายจ้างของเราจำเป็นจะต้องได้รับการอนุมัติจากทางอิมมิเกรชั่นให้เป็น “Approved Standard Business Sponsorship หรือเป็นนายจ้างที่อนุมัติให้สามารถสปอนเซอร์ลูกจ้างชาวต่างชาติได้” เสียก่อน ซึ่งตอนนี้ระยะเวลาการอนุมัติของ Sponsorship ก็จะเพิ่มขึ้นเป็น 5 ปี ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจที่เปิดใหม่ต่ำกว่า 12 เดือนหรือเปิดมานานแล้วก็ตาม (ซึ่งถือว่าเป็นข้อดีหากเปรียบเทียบกับวีซ่านายจ้างสปอนเซอร์แบบเก่า คือเมื่อก่อนธุรกิจที่เปิดใหม่เป็นระยะเวลาต่ำกว่า 12 เดือน จะได้ Approved Standard Business Sponsorship เป็นระยะเวลาแค่เพียง 18 เดือน ในขณะที่ธุรกิจที่มีอายุมากกว่า 1 ปี หรือ 12 เดือน จะสามารถได้ตัว Approved Standard Business Sponsorship นานสูงสุดถึง 4 ปีด้วยกัน) โดยตัวนายจ้าง หรือ sponsor ก็จะต้องพิสูจน์ให้อิมมิเกรชั่นเห็นด้วยว่าได้มีการพยายามจ้างแรงงานท้องถิ่นแล้ว ไม่ใช่เอาแต่จะจ้างแรงงานต่างชาติเพียงอย่างเดียว

ข้อดีอีกอย่างหนึ่งของของการขอ Approved Standard Business Sponsorship ที่ยื่นหลังจากวันที่ 18 มีนาคมเป็นต้นมาคือ ไม่จำเป็นจะต้องโชว์หลักฐานการ training ให้กับพนักงานในบริษัท ณ ตอนที่ขอ Approved Standard Business Sponsorship เข้าไป...อย่างไรก็ตามถึงแม้นายจ้างจะไม่ต้องมีหลักฐานการ training แต่ก็ต้องมีการ train หรือฝึกพนักงานให้ปฏิบัติงานได้อย่างถูกต้อง และเหมาะสมตามเงื่อนไขข้อบังคับของนายจ้างทุกแห่ง เพราะถ้าทางอิมมิเกรชั่นมาสุ่มตรวจและพบว่าไม่มีการ train พนักงานอย่างเหมาะสม ก็อาจจะส่งผลกระทบต่อตัว sponsorship ได้ครับ

ท้ายสุดสำหรับ sponsorship ภายใต้ TSS482 ตัวใหม่...จากที่เมื่อก่อนนายจ้างหรือตัว sponsor ต้องระบุว่าต้องการสปอนเซอร์พนักงานกี่คนในธุรกิจของตัวเองสำหรับการทำวีซ่านายจ้างสปอนเซอร์แบบเก่า แต่พอมาเป็นวีซ่า TSS482 ตัวใหม่ก็จะไม่ต้องระบุจำนวนของพนักงานที่ต้องการสปอนเซอร์ในธุรกิจของตัวเองอีกแล้ว เพราะฉะนั้นก็จะเท่ากับว่าต่อไปนี้บริษัท หรือร้านค้าต่างๆจะสปอนเซอร์พนักงานกี่คนก็ได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องขึ้นอยู่กับตำแหน่งที่จะขอสปอนเซอร์ และเอกสารประกอบอื่นๆด้วยว่ามีความเหมาะสมและจำเป็นจริงๆหรือไม่กับการสปอนเซอร์พนักงานในตำแหน่งนั้นๆ ไม่ใช่ว่าจะอาศัยช่องโหว่นี้สปอนเซอร์พนักงานกันได้ตามใจชอบ ทางที่ดีน้าหนวดขออนุญาตแนะนำให้โทรเข้ามาปรึกษากับทีมงาน CPSydney ก่อนจะดีกว่าสำหรับความเป็นไปได้ในการทำเคส โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีของบริษัทหรือร้านค้าที่มีพนักงานกำลังถือวีซ่าทำงานที่ได้จากทางร้านอยู่ และต้องการที่จะสปอนเซอร์พนักงานอีก


NOMINATION
เสร็จไปหนึ่งขั้น ข้ามมาในส่วนของขั้นตอนที่ 2 หรือว่า nomination กันบ้างดีกว่า โดยจะเป็นขั้นตอนที่ว่าด้วยเรื่องของตำแหน่งอาชีพที่ต้องการสปอนเซอร์ไม่ว่าจะเป็น Restaurant Manager, Massage Therapist, Chef และอื่นๆ

เบื้องต้นเอาแบบให้เข้าใจได้ง่ายที่สุดคืออาชีพต่างๆจะถูกแบ่งออกเป็น 2 ประเภทด้วยกันก็คือ
  1. ลิสต์อาชีพวีซ่าระยะสั้น (Short-term Skilled Occupation List หรือ STSOL)
  2. ลิสต์อาชีพวีซ่าระยะกลาง-ยาว (Medium and Long-term Strategic Skills List หรือ MLTSSL)
และก็ยังจะมีลิสต์พิเศษอีกตัวหนึ่งได้แก่ Regional Occupation List ที่เป็นลิสต์อาชีพในเขตท้องถิ่น หรืออาชีพที่ยังเป็นที่ต้องการตามรัฐต่างๆอีกด้วย เพราะฉะนั้นถ้าใครมีความต้องการที่จะยื่นวีซ่าทักษะ TSS482 ตัวใหม่ อย่างแรกที่ต้องรู้คือ อาชีพที่จะทำต้องอยู่ในลิสต์ใดลิสต์หนึ่งจาก 3 ลิสต์นี้เท่านั้น หากอาชีพดังกล่าวไม่อยู่ในลิสต์ยังไงก็ไม่มีสิทธิ์ขอยื่นวีซ่า TSS482 ได้เป็นอันขาด...โดยในฉบับนี้น้าหนวดก็จะขอพูดถึงแค่ลิสต์อาชีพ 2 ตัวได้แก่ STSOL และ MLTSSL ก่อนเท่านั้น เพราะตัว Regional List ของในแต่ละพื้นที่มันยังไม่นิ่งบางรัฐก็ยังปิดอยู่ บางรัฐก็เปิดแล้ว อีกทั้งในแต่ละรัฐก็ยังจะมี requirement ของอาชีพต่างๆแตกต่างกันออกไปอีกด้วย

เริ่มที่ข่าวไม่ค่อยสู้ดีเกี่ยวกับลิสต์อาชีพกันก่อนดีกว่า คือ อาชีพยอดฮิตทั้งหลายของคนไทยไม่ว่าจะเป็นผู้จัดการร้านอาหาร, พนักงานนวด, หรือคนทำอาหาร (Cook) ไม่เหมือนกับ Chef นะคะ ต่างก็เป็นอาชีพที่อยู่ใน STSOL ทั้งนั้นเลย ซึ่งความซวยก็คือ "จะสามารถขอได้แค่วีซ่าทำงานชั่วคราวเท่านั้น ไม่สามารถต่อยอดข้ามไปถึงการขอเป็นคนที่นี่ หรือ PR ได้" โดยที่จะสามารถขอวีซ่าทำงานชั่วคราวได้ 2 ปี หรือสูงสุดถึง 4 ปีในกรณีที่บริษัทมีข้อตกลงทางการค้ากับออสเตรเลียอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับการจะได้วีซ่าทำงานชั่วคราว 4 ปี คือ ควรจะเป็นองค์กรที่ต่อยอดขยายเปิดสาขาเพิ่มเติมมาจากเมืองไทยถึงจะมีสิทธิ์ได้วีซ่าทำงานชั่วคราวเป็นระยะเวลา 4 ปี

นอกจากนี้ การทำ nomination ภายใต้วีซ่าทำงานชั่วคราว TSS482 ยังจะมีเงื่อนไขเพิ่มเติมอีก 2 เงื่อนไขด้วยกัน ได้แก่
  • Labour Market Testing (LMT): ต้องมีการลงประกาศสมัครงานผ่านทางสื่อโฆษณาที่เหมาะสม และเชื่อถือได้ ไม่ว่าจะเป็นทางหนังสือพิมพ์, website, โทรทัศน์, หรือวิทยุ อย่างน้อย 2 ช่องทาง เพื่อเป็นการพิสูจน์ว่าทางนายจ้าง หรือสปอนเซอร์ได้พยายามหาลูกจ้างท้องถิ่นที่เป็นคนออสเตรเลียแล้วจริงๆ แต่ว่าไม่สามารถหาบุคคลที่เหมาะสมตามที่ต้องการได้ จึงต้องสปอนเซอร์แรงงานต่างถิ่นแทน...คือถ้าเทียบเป็นวีซ่าทำงานชั่วคราวแบบเก่าเนี่ยะ LMT จะบังคับใช้กับเฉพาะในบางอาชีพเท่านั้น แต่ ปัจจุบันนี้ LMT จะเป็นเอกสารบังคับสำหรับทุกอาชีพไปแล้วจร้าาา ซึ่งถือว่าเป็นโชคดีของคนไทยอย่างเราจริงๆที่ไม่ต้องทำเจ้าตัว LMT ตัวนี้จากผลพวงของข้อตกลงสัญญาทางการค้าที่ไทยทำไว้กับออสเตรเลียนั่นเอง (เห็นข้อดีของรัฐบาลก็วันนี้555)
  • Genuine Position: แปลกันตรงๆไมต้องอ้อมค้อมก็คือ ต้องพิสูจน์ให้ได้ว่าบุคคลที่กำลังจะได้รับการสปอนเซอร์ในตำแหน่งนั้นๆ ต้องทำงานในตำแหน่งนั้นแบบ Full-Time จริงๆ ไม่ได้สปอนเซอร์ด้วยตำแหน่งนึง แล้วเอาเข้าจริงก็ไปทำงานอีกในตำแหน่งนึง ซึ่งหลักฐานที่นำมาใช้พิสูจน์ได้ก็จะเป็นพวกจดหมายที่ชี้ระบุให้เห็นถึงความสำคัญว่าทำไมต้องสปอนเซอร์พนักงานคนนี้ในตำแหน่งนั้นๆ (Genuine Position Statement Letter) รวมถึงเอกสารประกอบอื่นๆเพิ่มเติม อาทิเช่น ประสบการณ์ทำงาน หรือผลงานที่พนักงานคนนี้ได้ทำไว้ให้กับองค์กรหรือร้านค้า ซึ่งเจ้าตัว Genuine Position Statement Letter สำหรับขั้นตอน nomination ของ TSS482 จะถือว่าเป็นปัจจัยที่สำคัญมากๆเลยทีเดียว เรียกได้ว่าเป็นใบปะหน้า หรือ resume ในการสมัครหางานของเราเลยก็ว่าได้ นี่ยังไม่นับข้อบังคับเพิ่มเติมสำหรับในบางอาชีพอย่างเช่น Restaurant Manager หรือ Massage Therapist อีกนะที่ทำให้หลายๆคนน้ำตาตกใน โดนปฏิเสธกันมานักต่อนักแล้ว
ลองดู caveat หรือเงื่อนไขเพิ่มเติมสำหรับ 2 อาชีพยอดนิยมข้างต้นกันดูนะครับ เป็นข้อมูลที่ทาง CPSydney office ได้ให้ไว้ในงานสัมมนาเมื่อช่วงกลางเดือนมีนาคมที่ผ่านมานี่เอง

VISA APPLICATION
จั่วขั้นตอนที่ 3 ด้วยเรื่องดีๆกันบ้างดีกว่า ก็คือหลังจากวันที่ 18 มีนาคม 2018 เป็นต้นมา ผู้ที่ถือทั้งวีซ่าทั่วไป เช่น วีซ่านักเรียน หรือผู้ที่ถือ Bridging visa A, B และ C จะสามารถสมัครวีซ่า TSS482 ได้เลยในออสเตรเลีย ซึ่งจะแตกต่างจากวีซ่าทำงานตัวเก่าที่จะต้องมีวีซ่าถูกต้องเท่านั้น ไม่สามารถขอวีซ่าทำงานในขณะที่ถือ Bridging Visa ชนิดต่างๆที่ได้มาจากการปฏิเสธวีซ่าได้ จะต้องกลับไปยื่นขอวีซ่าในขณะที่ตัวอยู่นอกออสเตรเลีย ซึ่งตรงนี้ก็นับว่าเป็นข้อดีมากๆ ที่ทำให้ออเจ้าทั้งหลายสามารถยื่นขอวีซ่าทำงานชั่วคราวได้เลยทันทีโดยที่ไม่ต้องกลับไปรอที่ไทย หรือออกนอกประเทศเหมือนที่เคยเป็นมาแต่ปางก่อน

เรื่องน่ายินดีผ่านไปแล้ว คราวนี้ก็มาถึงเรื่องที่ไม่น่ายินดีกันบ้าง...Work Experience หรือประสบการณ์ทำงานจะเป็นสิ่งที่เพิ่มเข้ามาสำหรับการทำวีซ่า TSS482 ด้วยหน่ะสิ โดยประสบการณ์ทำงานที่ว่าจะต้องเป็น “ประสบการณ์การทำงานอย่างน้อย 2 ปีที่เกี่ยวข้องกับอาชีพที่จะสปอนเซอร์ ก่อนที่จะยื่นวีซ่า TSS482 กล่าวง่ายๆก็คือ ถ้าจะยื่นขอ TSS482 ในตำแหน่งอาชีพ Restaurant Manager ก็จะต้องพิสูจน์ให้ได้ว่ามีประสบการณ์ในอาชีพนี้มาก่อนเป็นเวลา 2 ปีเป็นอย่างน้อย ถ้าไม่มีประสบการณ์ทำงานด้านนี้มา หรือมีไม่ถึง 2 ปีก็อาจจะถูกปฏิเสธวีซ่าได้ นอกจากนี้ตามที่ได้บอกไปในขั้นตอนของการทำ nomination ว่าจะมีปัจจัยเรื่อง genuine position เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ก็จะมีผลกระทบต่อเนื่องมาถึงขั้นตอนนี้ด้วย โดยเฉพาะสำหรับคนที่ยื่นวีซ่าจากในลิสต์อาชีพระยะสั้น (STSOL) จะต้องมีการเขียน Genuine Position Statement Letter ประกอบ ตามที่ได้บอกไปในขั้นตอนของการทำ nomination เอาจริงๆมันก็จะคล้ายคลึงกับวีซ่านักเรียนที่ต้องเขียนจดหมายประกอบแสดงเจตจำนงค์จุดประสงค์ของการเรียนต่อนั่นแหล่ะ นอกจากนี้จดหมายตัวนี้ และเอกสารประกอบที่เกี่ยวข้องอื่นๆ อิมฯก็จะพิาจารณาข้อมูลเสริมทางด้านอื่นด้วย เช่น ระยะเวลาทั้งหมดที่อาศัยอยู่ในออสเตรเลีย, ประวัติวีซ่าออสเตรเลียต่างๆของผู้สมัครว่าเคยโดยปฏิเสธหรือโดนยกเลิกวีซ่าหรือไม่, และปัจจัยทางด้านความประพฤติว่าไม่เป็นบุคคลที่อาจจะก่อให้เกิดความไม่สงบสุขในออสเตรเลีย

ท้ายที่สุดปัญหาที่กล่าวมาทุกอย่างจะหมดไป ถ้าหากเรายื่นสมัครวีซ่าจากอาชีพที่อยู่ในลิสต์ระยะยาว (MLTSSL) เพราะจะไม่จำเป็นต้องเขียนจดหมายตัวนี้เป็นหลักฐานประกอบครับ แหมมม่ ทำไปได้

อ่านกันพอหอมปากหอมคอ ก็หวังว่าข้อมูลที่น้าหนวดเอามาเล่าสู่กันฟังในวันนี้จะมีประโยชน์กับออเจ้าทั้งหลายไม่มากก็น้อยนะจ๊ะ หากใครมีข้อสงสัยเพิ่มเติมเกี่ยวกับเจ้าตัววีซ่าทำงานชั่วคราว TSS482 ก็สามารถสอบถามเพิ่มเติมกับทาง CPSydney office กันได้เลยนะครับ ไม่ว่าจะโทรมาที่ +61 2 9267 8522 หรือจะกดไลค์ทักแชทพูดคุยกันมาที่ Facebook Page https://www.facebook.com/cpsyd/ ก็ได้นะครับ เดี๋ยวในฉบับหน้าน้าหนวดจะพักเรื่องเครียดๆแล้วมาเขียนแนะนำโรงเรียนให้ออเจ้าทั้งหลายได้รู้จักกันบ้างจะดีกว่า จะได้ไม่เครียดจนเกินไป เพราะนี่ก็ซัดเรื่องตัว TSS482 มา 2 ฉบับติดกันแล้ว...สำหรับฉบับนี้ ขอลาไปก่อน แล้วเจอกันใหม่เร็วๆนี้นาจาาา


#ด้วยความปรารถนาดีจากCPSydney

#น้าหนวด