ยังคงสาละวนหมกมุ่นกันอยู่กับเจ้าวีซ่าทักษะตัวใหม่ TSS482 กันอย่างต่อเนื่องครับสำหรับบทความออนไลน์ประจำเดือนเมษายน พ.ศ. 2561...หลังจากที่ฉบับที่แล้วเราได้เกริ่นนำเกี่ยวกับตัว TSS482 ไปในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา (https://visatalkbycpsydney.blogspot.com.au/2018/03/temporary-skill-shortage-tss-visa.html) มาในฉบับนี้พี่หมื่นก็จะพาออเจ้าทั้งหลายไปรู้จักกับพ่อกองสตั๊ง TSS482 กันให้มากขึ้นว่าจักมีหน้าตาและนิสัยใจคอเป็นเช่นไร ผิดแผกไปจากวีซ่านายจ้างสปอนเซอร์อย่างไรบ้าง
สำหรับรูปลักษณ์ภายนอกของเจ้า TSS482 ก็ยังมีรูปร่างหน้าตาเฉกเช่นเดิมนั่นแหล่ะครับ โดยจะมี 3 ขั้นตอนหลัก ได้แก่
- Standard Business Sponsorship
- Nomination
- Visa Application
หากแต่ว่าในรายละเอียดต่างหากที่มีการเปลีี่ยนแปลง เพราะฉะนั้นเดี๋ยวเรามาดูกันเลยว่าในแต่ละขั้นตอนของการทำ TSS482 นั้น มีอะไรที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมบ้าง
STANDARD BUSINESS SPONSORSHIP
อย่างที่รู้กันอยู่แล้ว
หรืออาจจะยังไม่รู้ว่าก่อนที่เราจะทำวีซ่าทำงานได้ นายจ้างของเราจำเป็นจะต้องได้รับการอนุมัติจากทางอิมมิเกรชั่นให้เป็น
“Approved Standard Business Sponsorship หรือเป็นนายจ้างที่อนุมัติให้สามารถสปอนเซอร์ลูกจ้างชาวต่างชาติได้”
เสียก่อน ซึ่งตอนนี้ระยะเวลาการอนุมัติของ
Sponsorship ก็จะเพิ่มขึ้นเป็น
5 ปี ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจที่เปิดใหม่ต่ำกว่า
12 เดือนหรือเปิดมานานแล้วก็ตาม
(ซึ่งถือว่าเป็นข้อดีหากเปรียบเทียบกับวีซ่านายจ้างสปอนเซอร์แบบเก่า คือเมื่อก่อนธุรกิจที่เปิดใหม่เป็นระยะเวลาต่ำกว่า 12 เดือน จะได้ Approved
Standard Business Sponsorship
เป็นระยะเวลาแค่เพียง 18 เดือน ในขณะที่ธุรกิจที่มีอายุมากกว่า 1 ปี หรือ 12 เดือน จะสามารถได้ตัว Approved Standard Business Sponsorship นานสูงสุดถึง 4 ปีด้วยกัน) โดยตัวนายจ้าง หรือ sponsor ก็จะต้องพิสูจน์ให้อิมมิเกรชั่นเห็นด้วยว่าได้มีการพยายามจ้างแรงงานท้องถิ่นแล้ว
ไม่ใช่เอาแต่จะจ้างแรงงานต่างชาติเพียงอย่างเดียว
ข้อดีอีกอย่างหนึ่งของของการขอ
Approved Standard Business Sponsorship ที่ยื่นหลังจากวันที่
18 มีนาคมเป็นต้นมาคือ ไม่จำเป็นจะต้องโชว์หลักฐานการ
training ให้กับพนักงานในบริษัท ณ ตอนที่ขอ Approved Standard Business Sponsorship เข้าไป...อย่างไรก็ตามถึงแม้นายจ้างจะไม่ต้องมีหลักฐานการ training แต่ก็ต้องมีการ train หรือฝึกพนักงานให้ปฏิบัติงานได้อย่างถูกต้อง และเหมาะสมตามเงื่อนไขข้อบังคับของนายจ้างทุกแห่ง เพราะถ้าทางอิมมิเกรชั่นมาสุ่มตรวจและพบว่าไม่มีการ
train พนักงานอย่างเหมาะสม ก็อาจจะส่งผลกระทบต่อตัว
sponsorship ได้ครับ
ท้ายสุดสำหรับ
sponsorship ภายใต้ TSS482 ตัวใหม่...จากที่เมื่อก่อนนายจ้างหรือตัว sponsor ต้องระบุว่าต้องการสปอนเซอร์พนักงานกี่คนในธุรกิจของตัวเองสำหรับการทำวีซ่านายจ้างสปอนเซอร์แบบเก่า แต่พอมาเป็นวีซ่า TSS482 ตัวใหม่ก็จะไม่ต้องระบุจำนวนของพนักงานที่ต้องการสปอนเซอร์ในธุรกิจของตัวเองอีกแล้ว เพราะฉะนั้นก็จะเท่ากับว่าต่อไปนี้บริษัท หรือร้านค้าต่างๆจะสปอนเซอร์พนักงานกี่คนก็ได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องขึ้นอยู่กับตำแหน่งที่จะขอสปอนเซอร์ และเอกสารประกอบอื่นๆด้วยว่ามีความเหมาะสมและจำเป็นจริงๆหรือไม่กับการสปอนเซอร์พนักงานในตำแหน่งนั้นๆ ไม่ใช่ว่าจะอาศัยช่องโหว่นี้สปอนเซอร์พนักงานกันได้ตามใจชอบ ทางที่ดีน้าหนวดขออนุญาตแนะนำให้โทรเข้ามาปรึกษากับทีมงาน CPSydney ก่อนจะดีกว่าสำหรับความเป็นไปได้ในการทำเคส โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีของบริษัทหรือร้านค้าที่มีพนักงานกำลังถือวีซ่าทำงานที่ได้จากทางร้านอยู่ และต้องการที่จะสปอนเซอร์พนักงานอีก
NOMINATION
เสร็จไปหนึ่งขั้น ข้ามมาในส่วนของขั้นตอนที่ 2 หรือว่า nomination กันบ้างดีกว่า โดยจะเป็นขั้นตอนที่ว่าด้วยเรื่องของตำแหน่งอาชีพที่ต้องการสปอนเซอร์ไม่ว่าจะเป็น Restaurant Manager, Massage Therapist,
Chef และอื่นๆ
เบื้องต้นเอาแบบให้เข้าใจได้ง่ายที่สุดคืออาชีพต่างๆจะถูกแบ่งออกเป็น
2 ประเภทด้วยกันก็คือ
- ลิสต์อาชีพวีซ่าระยะสั้น (Short-term Skilled Occupation List หรือ STSOL)
- ลิสต์อาชีพวีซ่าระยะกลาง-ยาว (Medium and Long-term Strategic Skills List หรือ MLTSSL)
และก็ยังจะมีลิสต์พิเศษอีกตัวหนึ่งได้แก่ Regional
Occupation List ที่เป็นลิสต์อาชีพในเขตท้องถิ่น หรืออาชีพที่ยังเป็นที่ต้องการตามรัฐต่างๆอีกด้วย เพราะฉะนั้นถ้าใครมีความต้องการที่จะยื่นวีซ่าทักษะ TSS482 ตัวใหม่ อย่างแรกที่ต้องรู้คือ อาชีพที่จะทำต้องอยู่ในลิสต์ใดลิสต์หนึ่งจาก 3 ลิสต์นี้เท่านั้น หากอาชีพดังกล่าวไม่อยู่ในลิสต์ยังไงก็ไม่มีสิทธิ์ขอยื่นวีซ่า TSS482 ได้เป็นอันขาด...โดยในฉบับนี้น้าหนวดก็จะขอพูดถึงแค่ลิสต์อาชีพ 2 ตัวได้แก่ STSOL และ
MLTSSL ก่อนเท่านั้น เพราะตัว Regional List ของในแต่ละพื้นที่มันยังไม่นิ่งบางรัฐก็ยังปิดอยู่ บางรัฐก็เปิดแล้ว อีกทั้งในแต่ละรัฐก็ยังจะมี requirement ของอาชีพต่างๆแตกต่างกันออกไปอีกด้วย
เริ่มที่ข่าวไม่ค่อยสู้ดีเกี่ยวกับลิสต์อาชีพกันก่อนดีกว่า คือ
อาชีพยอดฮิตทั้งหลายของคนไทยไม่ว่าจะเป็นผู้จัดการร้านอาหาร, พนักงานนวด, หรือคนทำอาหาร (Cook) ไม่เหมือนกับ Chef นะคะ ต่างก็เป็นอาชีพที่อยู่ใน STSOL
ทั้งนั้นเลย ซึ่งความซวยก็คือ "จะสามารถขอได้แค่วีซ่าทำงานชั่วคราวเท่านั้น ไม่สามารถต่อยอดข้ามไปถึงการขอเป็นคนที่นี่ หรือ PR ได้" โดยที่จะสามารถขอวีซ่าทำงานชั่วคราวได้
2 ปี หรือสูงสุดถึง
4 ปีในกรณีที่บริษัทมีข้อตกลงทางการค้ากับออสเตรเลีย…อธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับการจะได้วีซ่าทำงานชั่วคราว 4 ปี คือ ควรจะเป็นองค์กรที่ต่อยอดขยายเปิดสาขาเพิ่มเติมมาจากเมืองไทยถึงจะมีสิทธิ์ได้วีซ่าทำงานชั่วคราวเป็นระยะเวลา 4 ปี
นอกจากนี้ การทำ nomination ภายใต้วีซ่าทำงานชั่วคราว TSS482 ยังจะมีเงื่อนไขเพิ่มเติมอีก 2 เงื่อนไขด้วยกัน ได้แก่
- Labour Market Testing (LMT): ต้องมีการลงประกาศสมัครงานผ่านทางสื่อโฆษณาที่เหมาะสม และเชื่อถือได้ ไม่ว่าจะเป็นทางหนังสือพิมพ์, website, โทรทัศน์, หรือวิทยุ อย่างน้อย 2 ช่องทาง เพื่อเป็นการพิสูจน์ว่าทางนายจ้าง หรือสปอนเซอร์ได้พยายามหาลูกจ้างท้องถิ่นที่เป็นคนออสเตรเลียแล้วจริงๆ แต่ว่าไม่สามารถหาบุคคลที่เหมาะสมตามที่ต้องการได้ จึงต้องสปอนเซอร์แรงงานต่างถิ่นแทน...คือถ้าเทียบเป็นวีซ่าทำงานชั่วคราวแบบเก่าเนี่ยะ LMT จะบังคับใช้กับเฉพาะในบางอาชีพเท่านั้น แต่ ปัจจุบันนี้ LMT จะเป็นเอกสารบังคับสำหรับทุกอาชีพไปแล้วจร้าาา ซึ่งถือว่าเป็นโชคดีของคนไทยอย่างเราจริงๆที่ไม่ต้องทำเจ้าตัว LMT ตัวนี้จากผลพวงของข้อตกลงสัญญาทางการค้าที่ไทยทำไว้กับออสเตรเลียนั่นเอง (เห็นข้อดีของรัฐบาลก็วันนี้555)
- Genuine Position: แปลกันตรงๆไมต้องอ้อมค้อมก็คือ ต้องพิสูจน์ให้ได้ว่าบุคคลที่กำลังจะได้รับการสปอนเซอร์ในตำแหน่งนั้นๆ ต้องทำงานในตำแหน่งนั้นแบบ Full-Time จริงๆ ไม่ได้สปอนเซอร์ด้วยตำแหน่งนึง แล้วเอาเข้าจริงก็ไปทำงานอีกในตำแหน่งนึง ซึ่งหลักฐานที่นำมาใช้พิสูจน์ได้ก็จะเป็นพวกจดหมายที่ชี้ระบุให้เห็นถึงความสำคัญว่าทำไมต้องสปอนเซอร์พนักงานคนนี้ในตำแหน่งนั้นๆ (Genuine Position Statement Letter) รวมถึงเอกสารประกอบอื่นๆเพิ่มเติม อาทิเช่น ประสบการณ์ทำงาน หรือผลงานที่พนักงานคนนี้ได้ทำไว้ให้กับองค์กรหรือร้านค้า ซึ่งเจ้าตัว Genuine Position Statement Letter สำหรับขั้นตอน nomination ของ TSS482 จะถือว่าเป็นปัจจัยที่สำคัญมากๆเลยทีเดียว เรียกได้ว่าเป็นใบปะหน้า หรือ resume ในการสมัครหางานของเราเลยก็ว่าได้ นี่ยังไม่นับข้อบังคับเพิ่มเติมสำหรับในบางอาชีพอย่างเช่น Restaurant Manager หรือ Massage Therapist อีกนะที่ทำให้หลายๆคนน้ำตาตกใน โดนปฏิเสธกันมานักต่อนักแล้ว
VISA APPLICATION
จั่วขั้นตอนที่ 3 ด้วยเรื่องดีๆกันบ้างดีกว่า ก็คือหลังจากวันที่
18 มีนาคม 2018 เป็นต้นมา ผู้ที่ถือทั้งวีซ่าทั่วไป เช่น วีซ่านักเรียน หรือผู้ที่ถือ
Bridging visa A, B และ
C จะสามารถสมัครวีซ่า
TSS482 ได้เลยในออสเตรเลีย ซึ่งจะแตกต่างจากวีซ่าทำงานตัวเก่าที่จะต้องมีวีซ่าถูกต้องเท่านั้น
ไม่สามารถขอวีซ่าทำงานในขณะที่ถือ Bridging Visa ชนิดต่างๆที่ได้มาจากการปฏิเสธวีซ่าได้
จะต้องกลับไปยื่นขอวีซ่าในขณะที่ตัวอยู่นอกออสเตรเลีย ซึ่งตรงนี้ก็นับว่าเป็นข้อดีมากๆ ที่ทำให้ออเจ้าทั้งหลายสามารถยื่นขอวีซ่าทำงานชั่วคราวได้เลยทันทีโดยที่ไม่ต้องกลับไปรอที่ไทย หรือออกนอกประเทศเหมือนที่เคยเป็นมาแต่ปางก่อน
เรื่องน่ายินดีผ่านไปแล้ว คราวนี้ก็มาถึงเรื่องที่ไม่น่ายินดีกันบ้าง...Work Experience หรือประสบการณ์ทำงานจะเป็นสิ่งที่เพิ่มเข้ามาสำหรับการทำวีซ่า TSS482 ด้วยหน่ะสิ โดยประสบการณ์ทำงานที่ว่าจะต้องเป็น “ประสบการณ์การทำงานอย่างน้อย 2 ปีที่เกี่ยวข้องกับอาชีพที่จะสปอนเซอร์ ก่อนที่จะยื่นวีซ่า TSS482” กล่าวง่ายๆก็คือ ถ้าจะยื่นขอ TSS482 ในตำแหน่งอาชีพ Restaurant Manager ก็จะต้องพิสูจน์ให้ได้ว่ามีประสบการณ์ในอาชีพนี้มาก่อนเป็นเวลา 2 ปีเป็นอย่างน้อย ถ้าไม่มีประสบการณ์ทำงานด้านนี้มา หรือมีไม่ถึง 2 ปีก็อาจจะถูกปฏิเสธวีซ่าได้ นอกจากนี้ตามที่ได้บอกไปในขั้นตอนของการทำ nomination ว่าจะมีปัจจัยเรื่อง genuine position เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ก็จะมีผลกระทบต่อเนื่องมาถึงขั้นตอนนี้ด้วย โดยเฉพาะสำหรับคนที่ยื่นวีซ่าจากในลิสต์อาชีพระยะสั้น (STSOL) จะต้องมีการเขียน Genuine Position Statement Letter ประกอบ ตามที่ได้บอกไปในขั้นตอนของการทำ nomination เอาจริงๆมันก็จะคล้ายคลึงกับวีซ่านักเรียนที่ต้องเขียนจดหมายประกอบแสดงเจตจำนงค์จุดประสงค์ของการเรียนต่อนั่นแหล่ะ นอกจากนี้จดหมายตัวนี้ และเอกสารประกอบที่เกี่ยวข้องอื่นๆ อิมฯก็จะพิาจารณาข้อมูลเสริมทางด้านอื่นด้วย เช่น ระยะเวลาทั้งหมดที่อาศัยอยู่ในออสเตรเลีย, ประวัติวีซ่าออสเตรเลียต่างๆของผู้สมัครว่าเคยโดยปฏิเสธหรือโดนยกเลิกวีซ่าหรือไม่, และปัจจัยทางด้านความประพฤติว่าไม่เป็นบุคคลที่อาจจะก่อให้เกิดความไม่สงบสุขในออสเตรเลีย
ท้ายที่สุดปัญหาที่กล่าวมาทุกอย่างจะหมดไป ถ้าหากเรายื่นสมัครวีซ่าจากอาชีพที่อยู่ในลิสต์ระยะยาว (MLTSSL) เพราะจะไม่จำเป็นต้องเขียนจดหมายตัวนี้เป็นหลักฐานประกอบครับ แหมมม่ ทำไปได้
อ่านกันพอหอมปากหอมคอ ก็หวังว่าข้อมูลที่น้าหนวดเอามาเล่าสู่กันฟังในวันนี้จะมีประโยชน์กับออเจ้าทั้งหลายไม่มากก็น้อยนะจ๊ะ หากใครมีข้อสงสัยเพิ่มเติมเกี่ยวกับเจ้าตัววีซ่าทำงานชั่วคราว TSS482 ก็สามารถสอบถามเพิ่มเติมกับทาง CPSydney office กันได้เลยนะครับ ไม่ว่าจะโทรมาที่ +61 2 9267 8522 หรือจะกดไลค์ทักแชทพูดคุยกันมาที่ Facebook Page https://www.facebook.com/cpsyd/ ก็ได้นะครับ เดี๋ยวในฉบับหน้าน้าหนวดจะพักเรื่องเครียดๆแล้วมาเขียนแนะนำโรงเรียนให้ออเจ้าทั้งหลายได้รู้จักกันบ้างจะดีกว่า จะได้ไม่เครียดจนเกินไป เพราะนี่ก็ซัดเรื่องตัว TSS482 มา 2 ฉบับติดกันแล้ว...สำหรับฉบับนี้ ขอลาไปก่อน แล้วเจอกันใหม่เร็วๆนี้นาจาาา
เรื่องน่ายินดีผ่านไปแล้ว คราวนี้ก็มาถึงเรื่องที่ไม่น่ายินดีกันบ้าง...Work Experience หรือประสบการณ์ทำงานจะเป็นสิ่งที่เพิ่มเข้ามาสำหรับการทำวีซ่า TSS482 ด้วยหน่ะสิ โดยประสบการณ์ทำงานที่ว่าจะต้องเป็น “ประสบการณ์การทำงานอย่างน้อย 2 ปีที่เกี่ยวข้องกับอาชีพที่จะสปอนเซอร์ ก่อนที่จะยื่นวีซ่า TSS482” กล่าวง่ายๆก็คือ ถ้าจะยื่นขอ TSS482 ในตำแหน่งอาชีพ Restaurant Manager ก็จะต้องพิสูจน์ให้ได้ว่ามีประสบการณ์ในอาชีพนี้มาก่อนเป็นเวลา 2 ปีเป็นอย่างน้อย ถ้าไม่มีประสบการณ์ทำงานด้านนี้มา หรือมีไม่ถึง 2 ปีก็อาจจะถูกปฏิเสธวีซ่าได้ นอกจากนี้ตามที่ได้บอกไปในขั้นตอนของการทำ nomination ว่าจะมีปัจจัยเรื่อง genuine position เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ก็จะมีผลกระทบต่อเนื่องมาถึงขั้นตอนนี้ด้วย โดยเฉพาะสำหรับคนที่ยื่นวีซ่าจากในลิสต์อาชีพระยะสั้น (STSOL) จะต้องมีการเขียน Genuine Position Statement Letter ประกอบ ตามที่ได้บอกไปในขั้นตอนของการทำ nomination เอาจริงๆมันก็จะคล้ายคลึงกับวีซ่านักเรียนที่ต้องเขียนจดหมายประกอบแสดงเจตจำนงค์จุดประสงค์ของการเรียนต่อนั่นแหล่ะ นอกจากนี้จดหมายตัวนี้ และเอกสารประกอบที่เกี่ยวข้องอื่นๆ อิมฯก็จะพิาจารณาข้อมูลเสริมทางด้านอื่นด้วย เช่น ระยะเวลาทั้งหมดที่อาศัยอยู่ในออสเตรเลีย, ประวัติวีซ่าออสเตรเลียต่างๆของผู้สมัครว่าเคยโดยปฏิเสธหรือโดนยกเลิกวีซ่าหรือไม่, และปัจจัยทางด้านความประพฤติว่าไม่เป็นบุคคลที่อาจจะก่อให้เกิดความไม่สงบสุขในออสเตรเลีย
ท้ายที่สุดปัญหาที่กล่าวมาทุกอย่างจะหมดไป ถ้าหากเรายื่นสมัครวีซ่าจากอาชีพที่อยู่ในลิสต์ระยะยาว (MLTSSL) เพราะจะไม่จำเป็นต้องเขียนจดหมายตัวนี้เป็นหลักฐานประกอบครับ แหมมม่ ทำไปได้
อ่านกันพอหอมปากหอมคอ ก็หวังว่าข้อมูลที่น้าหนวดเอามาเล่าสู่กันฟังในวันนี้จะมีประโยชน์กับออเจ้าทั้งหลายไม่มากก็น้อยนะจ๊ะ หากใครมีข้อสงสัยเพิ่มเติมเกี่ยวกับเจ้าตัววีซ่าทำงานชั่วคราว TSS482 ก็สามารถสอบถามเพิ่มเติมกับทาง CPSydney office กันได้เลยนะครับ ไม่ว่าจะโทรมาที่ +61 2 9267 8522 หรือจะกดไลค์ทักแชทพูดคุยกันมาที่ Facebook Page https://www.facebook.com/cpsyd/ ก็ได้นะครับ เดี๋ยวในฉบับหน้าน้าหนวดจะพักเรื่องเครียดๆแล้วมาเขียนแนะนำโรงเรียนให้ออเจ้าทั้งหลายได้รู้จักกันบ้างจะดีกว่า จะได้ไม่เครียดจนเกินไป เพราะนี่ก็ซัดเรื่องตัว TSS482 มา 2 ฉบับติดกันแล้ว...สำหรับฉบับนี้ ขอลาไปก่อน แล้วเจอกันใหม่เร็วๆนี้นาจาาา
#ด้วยความปรารถนาดีจากCPSydney
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น