กลับมาเจอกันเร็วหน่อยนะจ๊ะเด็กๆ สำหรับบทความในรอบนี้ของน้าหนวด...ก็ฉบับที่แล้วได้เขียนเกี่ยวกับ Designated Area Migration Agreement (DAMA) ที่เป็นข่าวดีสำหรับโอกาสในการยื่นขอ PR ไป (ตามวาร์ปไปย้อนอ่านกันตามอัธยาศัยกันได้ที่ https://visatalkbycpsydney.blogspot.com/2019/06/pr-designated-area-migration-agreement.html นะจ๊ะ) มาในฉบับนี้ก็เป็นคิวของข่าวร้ายกันบ้างละแหล่ะ แล้วก็รวมถึงเรื่องที่ไม่สบายใจอยากจะมาแจ้งเตือนในฉบับนี้ให้ได้อ่านกันครับ
รวบรัดฉับไวตามหัวข้อที่จั่วไว้เลย คือ ก็ไม่มีอะไรมาก ก็แค่ "ค่าวีซ่าประกาศเพิ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ" ก็เท่านั้นเอ๊งงง เอาเข้าจริงแล้วถ้าได้อ่าน VisaTalk by CPSydney หรือติดตาม Facebook Page https://www.facebook.com/cpsyd/ ของเราเป็นประจำ การขึ้นค่าวีซ่าในรอบนี้ก็ไม่ใช่เรื่องใหม่นะ เพราะเราได้มีทั้งโพสต์และเขียนเกริ่นไปก่อนหน้านี้แล้วตั้งแต่ในฉบับของเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา https://visatalkbycpsydney.blogspot.com/2019/05/tourist-visa-pr-regional-areas.html จะมีแค่อาจจะเซอร์ไพรส์นิดหน่อยด้วยความที่ไม่ได้คิดว่าจะขึ้นราคาจริงๆตามที่เป็นข่าวแค่นั่นแหล่ะ แต่ตอนนี้ฟันธงคอนเฟิร์มแล้วนะครับว่า "เพิ่มแน่นอน" ไม่ต้องห่วง555 จากการประกาศในช่วงสัปดาห์ที่แล้ว โดยจะให้ราคาใหม่มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2019 นี้เป็นต้นไปครับ แต่ในความโชคร้ายนี้ก็ยังมีความโชคดีแฝงอยู่นิดๆก็คือ
- ค่า Visa application fee สำหรับวีซ่าท่องเที่ยว subclass 600 ยังอยู่ที่ราคาเดิม
- Visa application fee ที่ถูกปรับขึ้นทั้งหมด จะเพิ่มขึ้นแค่เพียง 5.4% จากราคาเดิมเท่านั้น
น้าได้ลองทำสรุปคร่าวๆสำหรับค่าวีซ่าราคาใหม่ที่จะเริ่มใช้ในสัปดาห์นี้มาให้ได้ดูกัน ก็จะเอามาเฉพาะวีซ่าที่คนไทยอย่างเรายื่นกันอยู่บ่อยๆเท่านั้นนะครับ แต่ถ้าขาดวีซ่าตัวไหนไปก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ไว้ด้วยนะจ๊ะ อันนี้แค่สรุปมาให้จะได้เตรียมตัวเตรียมใจ และที่สำคัญเตรียมเงินกันได้ถูก สำหรับคนที่ไม่สามารถยื่นวีซ่าได้ทันภายในเวลา 23.59 น. ของวันที่ 30 มิถุนายนที่จะถึงนี้
**อนึ่ง ราคาที่สรุปมานี้แค่การคำนวณคร่าวๆจากเรทเดิมที่แจ้งว่าจะปรับราคาเพิ่มขึ้น 5.4% นะจ๊ะหลานๆ อาจจะมีคลาดเคลื่อน หรือผิดพลาดไปบ้าง...เดี๋ยวคงต้องรอประกาศยืนยันในวันที่ 1 กรกฎาคมที่จะถึงนี้อีกทีนึงนะครับ
**อนึ่ง ราคาที่สรุปมานี้แค่การคำนวณคร่าวๆจากเรทเดิมที่แจ้งว่าจะปรับราคาเพิ่มขึ้น 5.4% นะจ๊ะหลานๆ อาจจะมีคลาดเคลื่อน หรือผิดพลาดไปบ้าง...เดี๋ยวคงต้องรอประกาศยืนยันในวันที่ 1 กรกฎาคมที่จะถึงนี้อีกทีนึงนะครับ
จากตารางที่ทำสรุปมาให้ หนักสุดก็คงจะหนีไม่พ้น Partner visa นั่นแหล่ะ ถึงแม้จะขึ้นราคาแค่เพียง 5.4% แต่ด้วยราคาต้นทุนที่มีราคาสูงเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ก็ทำให้ราคาที่ปรับเพิ่มขึ้นมีราคาสูงไปด้วย เช่นเดียวกันกับตัว General Skilled Migration ประเภทต่างๆก็มีราคาสูงขึ้นพอสมควรอันเนื่องมาจากราคาวีซ่าเรทเดิมที่มีราคาสูงเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว
จบเรื่องแรกที่ตรงนี้...ไปต่อเรื่องที่ 2 กันเลย!!
ก็เป็นเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นสดๆร้อนๆในช่วงกลางเดือนมิถุนายนที่ผ่านมาเหมือนกัน ก็คือเรื่องมันมีอยู่ว่า ประมาณสัปดาห์ที่แล้ว หนึ่งในเจ้าหน้าที่ของเราได้รับการติดต่อมาจากน้องคนนึง ขอให้นาสมมติว่า "น้องตุ้ม" ละกัน โดยน้องได้สอบถามเข้ามากับทางเราว่า "สามารถทำอะไรได้บ้างไหม ในกรณที่เพิ่งมารู้เอาวันสุดท้ายว่าวีซ่านักเรียนของตัวเองติดเงื่อนไข No Further Stay"
ตอบชัดๆ ตัวโตๆ ตรงนี้ว่า ... "ไม่ได้ครับ"
มาขยายความต่อตรงนี้ คือ ถ้าติดเงื่อนไข NO FURTHER STAY ไม่ว่าจะเป็นในวีซ่านักเรียน (condition 8534) หรือวีซ่าท่องเที่ยว (condition 8503) ก็ต้องกลับไปยังประเทศตัวเองแล้วค่อยยื่นวีซ่ามาใหม่สถานเดียวในกรณีที่ยังต้องการจะยื่นวีซ่ากลับมาที่ออสเตรเลียอีก แต่ทว่า บางคนอาจจะเคยได้ยินว่าสามารถขอยกเลิกเงื่อนไขตัวนี้ได้...ใช่ จริงครับ อันนี้ไม่เถียง...งงป่ะ555 คือ ถ้าจะขอยกเลิกเงื่อนไขตัวนี้ได้อ่ะ มันต้องเป็นเหตุผลที่จำเป็นจริงๆ แบบว่าคอขาดบาดตายสุดๆ ถึงจะขอได้ ซึ่งมันมีโอกาสน้อยมากถึงน้อยที่สุดที่จะขอยกเลิกเงื่อนไขตัวนี้ได้ แล้วก็ร้อยทั้งร้อยแหล่ะที่เหตุผลยังไม่เพียงพอที่จะให้เขายกเลิกเงื่อนไขตัวนี้ อีกอย่างคือการขอยกเลิกเนี่ยะ มันต้องทำล่วงหน้า ไม่ใช่มาทำเอาวันสุดท้าย มันไม่เหมือนการยื่นวีซ่าในออสเตรเลียที่หลังจากยื่นปุ๊บ เราจะได้ Ackonwledgement Letter และ Briding Visa A มาจากอิมมิเกรชั่นโดยอัตโนมัติ
วนกลับเข้าเรื่องของน้องตุ้มกันต่อ...คือ น้องได้วีซ่านักเรียนมาตั้งแต่ 24 สิงหาคม 2016 ซึ่งเป็นช่วงที่วีซ่านักเรียนตัวปัจจุบัน subclass 500 ยังไม่ได้เริ่มใช้ ทำให้น้องมีเงื่อนไข 8534 ห้อยท้ายมาด้วย (ในปัจจุบัน ถ้าใครถือวีซ่านักเรียน subclass 500 ก็ไม่ต้องกังวลกันสักเท่าไหร่ เพราะเงื่อนไข 8534 ไม่ได้มีในวีซ่านักเรียนอีกต่อไปแล้ว...แต่เอาจริงๆนะ เหมือนก็ยังจะมีหลุดมาบางเคสที่ติดเงื่อนไขนี้มาอยู่ เพราะฉะนั้นถ้าเอาให้ชัวร์ ก็เช็คหน้าวีซ่าตัวเองทุกครั้งนะครับว่ามีเงื่อนไขนี้อยู่ในวีซ่านักเรียนของตัวเองรึเปล่า) ซึ่งน้องก็ใช้ชีวิตตามปกติจนกระทั่งในวันที่ 7 มิถุนายน 2019 ที่ผ่านมา น้องก็ได้รับข่าวไม่ดีจากทางเอเจนท์ G (นามสมมติ) ของน้องว่า ไม่สามารถยื่นวีซ่าให้น้องได้ เพราะมันเป็น invalid application ก็เลยถึงบางอ้อกันว่า "อ๋อ น้องตุ้มมีเงื่อนไข 8534 อ่ะค่ะ" คราวนี้ปฏิบัติตามล่าหาความจริงของน้องตุ้มก็ได้อุบัติขึ้น แล้วก็ทำให้น้องได้ค้นพบความจริงว่า ที่จริงเอเจนท์ G ได้พยายามยื่นวีซ่าให้น้องตั้งแต่วันที่ 4 มิถุนายนที่ผ่านมาและก็ทราบว่ามันเป็น invalid application ตั้งแต่วันนั้น รวมถึงอีกประเด็นที่น้าเองก็ได้แต่คิดแล้วก็สงสัยว่า ทำไมน้องตุ้มไปตรวจสุขภาพได้ในวันที่ 3 มิถุนายนโดยที่ไม่มีใบ eMedical แนบไป แต่น้าก็ไม่ได้ถามต่อในประเด็นนี้ แค่มีบอกน้องตุ้มไปว่ามันแปลก เพราะปกติจะต้องมีเอกสารตัวนี้แนบไปด้วยทุกครั้งถึงจะตรวจสุขภาพได้
อ่าววว แล้วทีนี้ยังไงต่อ...น้องตุ้มก็เลยติดต่อเราเข้ามาว่าสามารถทำอะไรบ้างไหม ซึ่งก็ตามที่อธิบายไปข้างต้นเนอะ ในกรณีนี้ไม่สามารถทำอะไรได้จริงๆ เราก็ได้แต่แนะนำให้น้องเดินทางกลับภายใน 28 วันหลังจากที่วีซ่าหมด "ทำไมต้องภายใน 28 วัน?" คือ ถ้ากลับภายใน 28 วัน น้องตุ้มจะไม่ถูกแบน 3 ปีจากการทำผิดเงื่อนไขของวีซ่า 8534 ครับ แต่ถ้าเลย 28 วันไปแม้แต่วันเดียวปุ๊บ ก็จะโดนแบน 3 ปีอีกด้วย เรียกได้ว่า #พังในพังยิ่งกว่าที่เป็นอยู่ ซึ่งก็ดูเหมือนว่าน้องตุ้มจะค่อนข้างรับฟังในคำแนะนำนี้ ไม่เลือกที่จะเป็นผีแต่อย่างใด แต่ยังไม่รู้ว่าสุดท้ายน้องตุ้มตัดสินใจไปยังไงเหมือนกันนะ เพราะหลังจากที่ได้คุยกับน้องมาเกือบอาทิตย์นึงก็ยังไม่ได้ถามน้องเหมือนกันว่าสุดท้ายน้องตัดสินยังไง...ได้อัพเดทกันล่าสุดแค่ว่า เอเจนท์ G แนะนำให้น้องยื่นวีซ่าลี้ภัย (อีกแล้ว) น้าหล่ะอยากจะบ้ากับคำแนะนำห่วยๆแบบนี้จริงๆเลย ให้ตายดิ้น เดชะบุญที่น้องตุ้มตัดสินใจที่จะไม่ทำวีซ่าตัวนี้ รวมถึงต้องการจะดำเนินเรื่องลาออกจากโรงเรียนที่ได้สมัครไปก่อนหน้านี้ แต่ได้รับการแจ้งจากโรงเรียนว่า ยังไม่ได้เอกสารใดๆจากทางเอเจนท์ G ของน้องตุ้ม น้าก็หวังว่าน้องตุ้มจะได้รับข่าวดีเร็วๆนี้นะ
คือที่มาเขียนให้อ่านกันวันนี้ คือ ต้องการที่จะเตือนให้เป็นอุทาหรณ์นะ ไม่ได้จะมานั่งเทียนเขียนโจมตีเอเจนท์สมมติของน้องแต่อย่างใด...ใช่ จริงอยู่ว่ากรณีนี้มันก็เป็นความผิดพลาดของเอเจนท์ G ด้วย ที่ไม่ได้เช็คเงื่อนไขของวีซ่าน้อง แล้วบอกน้องตุ้มตั้งแต่เนิ่นๆ แต่กลับกัน น้าก็ได้บอกกับน้องตุ้มเหมือนกันว่าอีกส่วนหนึ่งมันก็คือความรับผิดชอบของเราเช่นเดียวกัน เพราะเอกสารมันเป็นชื่อของน้องเอง ไม่ใช่ชื่อเอเจนท์ จริงอยู่ว่าน้องให้เอเจนท์ช่วยดำเนินการ น้าถึงบอกไงครับว่ามันก็เป็นความผิดพลาดของเอเจนท์ด้วย และก็ไม่ได้มีเจตนาจะซ้ำเติมน้องแต่อย่างใดที่แนะนำไปอย่างนั้นที่ว่าส่วนหนึ่งมันต้องเป็นความรับผิดชอบของตัวน้องเอง อิมมิเกรชั่นเขาไม่ได้สนใจหรอกว่าน้องเป็นผู้ถูกกระทำในกรณีนี้ (ถึงแม้ว่ามันจะจริง) แต่อย่างที่บอกไปว่าเอกสารมันเป็นชื่อน้อง คงจะมาขอความเห็นใจจากอิมฯในกรณีนี้ก็คงจะยาก
อีกอย่างที่น้าไม่ชอบเอามากๆเลยก็คือ การที่เอเจนท์ G แนะนำให้น้องยื่นขอวีซ่าลี้ภัย ถามว่าผิดไหมที่แนะนำแบบนี้ ถ้าให้ตอบในแง่วิชาชีพ ก็หาข้อถูกไม่เจออ่ะ รู้อยู่แก่ใจกันอยู่แล้วยื่นไปยังไงก็ไม่ผ่าน ได้แค่ซื้อเวลา เพราะวีซ่าลี้ภัยยังจะสามารถยื่นในประเทศออสเตรเลียได้ ถึงแม้ว่าจะติดเงื่อนไข NO FURTHER STAY ก็ตาม (อันนี้น่าจะเป็นจุดเดียวที่หาข้อถูกให้ได้) แต่ถ้าถามถึงผลลัพธ์ ก็ขอไม่พูดละกันเนอะ เพราะเรื่องนี้ก็เป็นประเด็นที่ถกเถียงกันมากมายอยู่แล้ว เอาเป็นว่าถ้าตัวคนที่ตัดสินใจยื่น ทราบถึงผลลัพธ์เป็นอย่างดีโดยละเอียดถ่องแท้ก่อนที่จะยื่น แล้วรับได้ มันก็ win-win แหล่ะ แต่ถ้าโดนหลอกให้ยื่นอันนี้ก็อีกเรื่องนึง...นิดนึงก่อนจบละ คือ วีซ่าลี้ภัย มันสำหรับคนที่ไม่สามารถกลับไปประเทศของตัวเองได้ ตัวอย่างก็เคสของฮาคีมที่ไปติดคุกที่บ้านเรามาหมาดๆ หรือว่าในประเทศนั้นๆกำลังมีปัญหาร้ายแรงทางการเมืองอยู่ ย้ำนะว่าปัญหาร้ายแรงทางการเมือง ไม่ใช่ภัยธรรมชาตินะโว้ยยย ซึ่งเราต่างก็รู้กันดีว่าตอนนี้ประเทศไทยบ้านเรามันยังไม่ได้หนักหรือร้ายแรงขนาดนั้น เพราะฉะนั้นมันไม่มีทางได้วีซ่าตัวนี้มาถาวรอยู่แล้ว ถึงแม้ระหว่างรอผลจะมีประโยชน์ต่างๆล่อตาล่อใจอยู่มากมาย แต่ลองคิดดูนะว่าถ้าวันนึงประเทศเรากลายเป็นประเทศที่ต้องลี้ภัยขึ้นมาจริงๆ วันนั้นหลานๆผู้อ่านทั้งหลายจะดีใจหรือเสียใจ
ก็หวังว่าบทความในฉบับนี้จะเป็นอุทาหรณ์ให้หลายๆคนได้บ้างไม่มากก็น้อย ทั้งในเรื่องของเงื่อนไข NO FURTHER STAY และก็ค่าวีซ่าที่กำลังจะเพิ่มขึ้นในอีกไม่กี่วันนี้... จริงๆ จุดประสงค์หลักของฉบับนี้คือจะมาแจ้งเตือนเรื่องค่าวีซ่านะ555 แต่ timing มันได้พอดีที่เราได้รับการติดต่อเข้ามาของน้องตุ้ม เลยได้หยิบยกตัวอย่างเคสของน้องมาให้ได้อ่านกัน ก็จะได้เอาเป็นข้อมูลในการพิจารณาเลือกใช้เอเจนท์ด้วย
จบสวยๆด้วยช่องทางการติดต่อของ CPSydney office กันเหมือนเดิม...สำหรับคนที่มีปัญหาเรื่องวีซ่าอยู่ไม่ว่าจะเป็นวีซ่านักเรียน วีซ่าครอบครัว หรือวีซ่าทักษะต่างๆ ก็สามารถปรึกษากับ Migration agent ของ CPSydney office ที่สามารถพูดได้ทั้งภาษาไทย ภาษาจีน และภาษาอังกฤษได้เลยที่ +61 2 9267 8522 หรือต่อให้จะไม่มีปัญหาอะไร แต่สนใจอยากได้คำแนะแนวเกี่ยวกับหลักสูตรการเรียนต่างๆ ก็สามารถติดต่อโทรเข้ามาสอบถามกันได้ที่เบอร์เดียวกันนี้เหมือนกันนะ ถ้าเป็นสาย social ก็ทักกันมาที่ www.facebook.com/cpsyd หรือ LINE ID: cpsydney2 ก็ได้ สะดวกติดต่อทางไหนก็เลือกเอาทางนั้น ตามใจชอบ
ปล. อย่าลืม LIKE เพจเพื่อติดตามข้อมูลทุนการศึกษา โปรโมชั่นต่างๆ หรือเรื่องอื่นๆที่น่าสนใจเกี่ยวกับออสเตรเลียกันที่ลิงค์ Facebook page ด้านบนกันได้นะครับ #ด้วยความปรารถนาดีจากCPSydney


วางแผนการเรียนอย่างถูกต้อง คำนึงถึงอนาคตของที่ดีของทุกคนในระยะยาว CPSydney สิคะ...วีซ่านักเรียน วีซ่าทักษะ วีซ่าทำงาน และวีซ่าครอบครัวประเภทต่างๆ #AllServicesYouNeedEndHere
#น้าหนวด
Informative blog...
ตอบลบHey guys, If you're planning for immigration, Choose XIPHIAS Immigration, ICCRC & MARA registered immigration law firm, for all your visa needs.
E2 Visa Program
EB5 investor visa program
US Green Card by Investment
Australian migration services
AUS PR 189
190 Regional Visa
491 Visa Points
canada immigration
get caribbean citizenship by investment