วันอังคารที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2562

มาช้าแต่มานะ...Tasmania ย้ายไปจะได้ PR จริงไหมซิ!!!

วันนี้เราจะไม่พูดพร่ำทำเพลง ทักทายกันให้เสียเวลา จะรีบเข้าเนื้อหาให้ได้อ่านแล้วจะได้แยกย้ายไปทำอย่างอื่นกันนะ...ก็ในฉบับนี้น้าจะมาเขียนให้ได้อ่านกันเกี่ยวการยื่น PR จาก subclass 190 (Skilled Nominated visa) ด้วยการย้ายไปเรียนและอาศัยอยู่ใน Tasmania เพราะว่าช่วงนี้มีกระแสน้ำวนกลับเข้ามาถามกันเยอะเหลือเกินว่า จะย้าย หรือไม่ย้าย

ก่อนจะไปพูดถึงเจ้าตัว 190 ก็มีเกร็ดความรู้เล็กๆน้อยๆที่จะมาเขียนเตือนให้ได้อ่านกัน จะได้ไม่ไปหลงเชื่อกันแบบผิดๆอีก...คือว่า ตอนนี้ไม่ว่าใครหน้าไหนก็ไม่สามารถยื่นขอ Skilled Regional (Provisional) visa subclass 489 ของรัฐ Tasmania กันได้แล้วนะครับ เพระาทาง Tasmanian Government ได้ประกาศปิดรับสมัครวีซ่าตัวนี้ไปตั้งแต่วันที่ 10 กันยายนที่ผ่านมาแล้ว!!

อธิบายให้เข้าใจเพิ่มเติมเป็นความรู้ติดตัวกันไว้สักนิด...subclass 489 คือ วีซ่าที่ผู้สมัครจะยื่นเพื่อขอพำนักอาศัยและทำงานในเขต regional area ของออสเตรเลียได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย โดยที่หลังจากที่ถือวีซ่า 489 ตัวนี้ก็จะสามารถขอ PR จากใน regional area นั้นได้ในอนาคตนั่นเอง

วกกลับมาที่ 489 ของที่ Tasmania กันต่อนะครับ...ตามที่ได้บอกไปว่า "ได้มีการปิดรับสมัครไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว" เพราะฉะนั้นก็อย่าไปหลงคำโฆษณาชวนเชื่อจากที่ไหนหล่ะว่ายังสามารถยื่นวีซ่าตัวนี้ได้อยู่ อย่างเร็วก็จะยื่นได้อีกทีก็ตั้งแต่วันที่ 16 พฤศจิกายน 2019 เป็นต้นไปเลย แล้วก็จะเป็นวีซ่าทักษะตัวใหม่ที่เข้ามาแทนที่เจ้าตัว 489 นี้ด้วย แต่กระนั้นก็ดี สำหรับคนที่ยื่นแสดงเจตจำนงว่าต้องการจะขอวีซ่า 489 ใน Tasmania แล้วได้รับ invitation จากทางหน่วยงานของ Tasmania เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็ยังจะสามารถขอวีซ่าตัวดังกล่าวได้จนถึงวันที่ 15 พฤศจิกายนนี้เท่านั้นนะครับ

อันนี้คือเรื่องที่จะแจ้งเตือนให้ได้อ่านกันเรื่องแรกเกี่ยวกับวีซ่า 489 ของ Tasmania นะครับ เพราะมีคนสอบถามเข้ามาว่ากำลังจะยื่นวีซ่าตัวนี้ใน Tasmania ในช่วงที่เขาปิดรับสมัครไปแล้วเข้ามาพอสมควรเหมือนกัน...เอาเป็นว่าตอนนี้ หมดสิทธิ์แล้วนะครับ รอหลังวันที่ 16 พฤศจิกายนแล้วค่อยมาว่ากันอีกทีกับวีซ่าทักษะตัวใหม่เนอะ

มากันที่ Skilled Nominated visa subclass 190 ของ Tasmania กันดีกว่า พูดชื่อนี้หลายๆคนอาจจะยืนงงในดงตาลแล้วอุทานออกมาว่า #อิหยังวะ วีซ่าตัวนี้ก็เป็นตัวเดียวกันกับที่หลายๆคนรู้จักในชื่อของ state sponsorship หรือการขอ PR โดยที่ได้รับการสปอนเซอร์จากรัฐต่างๆในออสเตรเลียนั่นแหล่ะ ซึ่งเจ้าตัว subclass 190 นี้ หลักการโดยรวมของมันก็คือการนับแต้มแล้วยื่นขอ PR ด้วยตัวเองเหมือน subclass 189 นั่นแหล่ะ เพียงแต่ว่าถ้าได้การรับรองหรือการสนับสนุนจาก state ที่สมัครไปเราก็จะได้แต้มเพิ่มขึ้น หรืออีกนัยนึงจากที่จะต้องทำแต้มให้ได้ 65 คะแนนถึงจะมีสิทธิ์ขอ PR ภายใต้ subclass 189 ได้ ก็จะเหลือแค่เพียง 60 คะแนนใน subclass 190 นั่นเองครับ (เน้นย้ำที่คำว่า "มีสิทธิ์ขอ PR" ได้นะครับ...ต้องเข้าใจก่อนว่าทั้ง 189 และ 190 จะให้ invitation ในการยื่น PR กับผู้สมัครตามลำดับของคะแนนที่ยื่นเข้ามา เพราะฉะนั้นยิ่งนับแต้มได้มากก็มีสิทธิ์มากนะครับ)

นอกเรื่องไปอธิบายให้เห็นภาพรวมกันแป๊บนึง มาต่อสำหรับการขอ 190 ใน Tasmania นะครับ...การจะขอ PR ใน Tasmania ด้วย subclass 190 สามารถแบ่งย่อยออกได้เป็น 3 รูปแบบด้วยกัน
  1. Tasmanian Graduate
  2. Working in Tasmania
  3. Overseas applicant (job offer)
ซึ่งทั้ง 3 รูปแบบนี้ก็จะมีเงื่อนไขและคุณสมบัติ (requirements) ที่ต้องการแตกต่างกันออกไปครับ แต่ก่อนที่จะไปพูดถึงในเรื่อง requirement ของทั้ง 3 รูปแบบ ก็จะมีคำแจ้งเตือนโดยตรงจากทาง Tasmanian Government website ที่ระบุไว้อย่างชัดเจนไว้ดังนี้ "Meeting the nomination requirements does not guarantee that you will be offered state nomination from the Tasmanian Government" อันนี้ไม่ต้องแปลใช่ไหมอ่ะ เพราะมันก็ตรงตัวเลย แต่แปลให้อ่านก็ได้ กลัวโดนว่าอ่ะ #ช่วงนี้จิตใจเประาบาง555 ก็คือเขาบอกว่าต่อให้มีคุณสมบัติครบถ้วนแต่ก็ไม่ได้เป็นการการันตีว่าผู้สมัครจะได้รับ state nomination approval จากทางรัฐ ด้วยเหตุผลที่สามารถอธิบายเพิ่มเติมได้ตามนี้ครับ คือ Tasmanian Government เขาต้องการคนที่มีคุณสมบัติครบถ้วนที่เป็นประโยชน์และแสดงเจตจำนงว่าต้องการที่จะอาศัยอยู่ใน Tasmania ต่อไปจริงๆ เขาเลยพิจารณาถี่ถ้วนมากๆ ประกอบกับการแข่งขันที่สูง แต่ไม่ได้สอดคล้องกับโควตาต่อปีที่เขาสามารถออก state nomination approval ให้กับคนที่ยื่น PR ภายใต้ subclass นี้ได้ ทำให้ไม่ใช่ทุกคนที่ยื่นขอ state nomination เข้ามาจะได้รับการอนุมัติจากทาง Tasmanian Government โดยปัจจัยอื่นๆที่มีผลต่อการคัดกรองนอกจาก requirements ที่ได้กำหนดไว้ในเบื้องต้นก็จะเป็นคะแนนจากระบบ point test ที่ผู้สมัครทำได้, ระดับความสามารถทางภาษาอังกฤษ, หรือแม้แต่ทักษะอาชีพที่สมัครเข้ามาก็มีผลเช่นกัน ฯลฯ

พอมาถึงตรงนี้หลายๆคนอาจจะค้านว่า "เคยได้ยินมาว่า ใน Tasmania ไม่มีลิสต์อาชีพเฉพาะเจาะจงหนิคะ" ใช่ครับ แต่ไม่ได้ถูกต้องทั้งหมด คือลิสต์อาชีพจะใช้กับคนที่เลือกสมัคร 190 ใน Tasmania แบบ Working in Tasmania และ Overseas applicant (job offer) นะครับ จะมีแค่เพียงในกรณีของคนที่เรียนจบใน Tasmania เท่านั้นที่จะไม่ต้องมีทักษะอาชีพที่สอดคล้องกับลิสต์อาชีพที่ขาดแคลนและเป็นที่ต้องการใน Tasmania...นอกจากนี้ อ้างอิงจาก Tasmanian Government website เขาก็ได้ระบุว่ามีกลุ่มอาชีพที่มีความต้องการเป็นอย่างมากใน 3 กลุ่มอาชีพนี้ ได้แก่
  • Health and medical professions
  • Construction industries
  • Agricultural professions
เข้าใจในภาพรวมของ Skilled Nominated visa subclass 190 ของ Tasmania กันไปแล้ว...คราวนี้ก็จะมาถึง requirements ของการสมัครแบบต่างๆ ที่เป็นพระเอกของบทความในฉบับนี้กันสักที
  • Tasmanian Graduate
    • ลงทะเบียนเรียนกับ CRICOS registered tertiary institution ใน Tasmania (ไม่ได้แอคติ้งใช้ศัพท์ยากให้งงนะ เอาเป็นว่า "ต้องลงทะเบียนเรียนกับสถาบันที่จดทะเบียนถูกต้อง" ละกัน) แล้วก็ต้องเรียนจบ และ meet Australian study requirement ใน Tasmania ด้วย
    • อาศัยอยู่ใน Tasmania เป็นเวลาอย่างน้อย 2 ปี โดยนับรวมเวลาตั้งแต่ตอนที่เรียนอยู่ใน Tasmania ด้วย
    • ผู้สมัคร และผู้ติดตาม (ถ้ามี) ต้องอาศัยอยู่ใน Tasmania ขณะที่ยื่นใบสมัคร และต้องแสดงเจตจำนงว่าต้องการจะอาศัยอยู่ใน Tasmania ต่อไป
      • ข้อยกเว้นสำหรับคนที่เรียนใน Tasmania ก่อนวันที่ 31 กรกฎาคม 2017
        • หลักสูตรที่เรียนจบ จะต้องเป็นในระดับ Diploma เป็นอย่างน้อย หรือถ้าเป็น Trade qualification (คอร์สทักษะเฉพาะทางต่างๆ) จะเป็นวุฒิ Certificate III ได้ แต่ต้องเป็นทักษะอาชีพใน Major Group 3 ของ ANZSCO
        • เป็นหลักสูตร 1 ปี ที่มีระยะเวลาเรียน 40 สัปดาห์เป็นอย่างน้อย
        • อาศัยอยู่ใน Tasmania เป็นเวลาอย่างน้อย 1 ปี โดยนับรวมเวลาตั้งแต่ตอนที่เรียนอยู่ใน Tasmania ด้วย
        • ผู้สมัคร และผู้ติดตาม (ถ้ามี) ต้องอาศัยอยู่ใน Tasmania ขณะที่ยื่นใบสมัคร และต้องแสดงเจตจำนงว่าต้องการจะอาศัยอยู่ใน Tasmania ต่อไป
  • Working in Tasmania
    • ทำงานใน Tasmania อย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลาอย่างน้อย 6 เดือน ก่อนที่จะยื่น Tasmanian state nomination
    • นายจ้างไม่ว่าจะเป็นในรูปแบบของบริษัทหรือร้านค้าที่ทำงานอยู่ด้วยจะต้องพิสูจน์ให้เห็นถึงความมั่นคงของธุรกิจ และต้องเปิดดำเนินการอยู่ใน Tasmania ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมาเป็นอย่างน้อย และมีความจำเป็นที่จะต้องจ้างคุณให้ทำงานในองค์กรในตำแหน่งที่ขาดแคลน
    • ต้องเป็น nominated occupation ตามลิสต์ของ Tasmania
    • หลักฐานการทำงานต้องระบุได้ว่าต้องมีชั่วโมงการทำงานอย่างน้อย 35 ชั่วโมง/สัปดาห์ โดยจะมาจากงาน full time งานเดียว หรือการทำงาน part time มากกว่า 1 งานรวมกันก็ได้
    • ผู้สมัคร และผู้ติดตาม (ถ้ามี) ต้องอาศัยอยู่ใน Tasmania ขณะที่ยื่นใบสมัคร และต้องแสดงเจตจำนงว่าต้องการจะอาศัยอยู่ใน Tasmania ต่อไป
**หมายเหตุ การฝึกงาน หรืองานอาสาสมัครต่างๆ จะไม่สามารถนำมานับรวมเป็นหลักฐานการทำงานได้นะครับ แล้วก็อ้างอิงจาก Tasmanian Government website จะพบว่ามีบางกลุ่มทักษะอาชีพที่ทาง Tasmanian Government ได้ออกมาระบุไว้อย่างชัดเจนว่าไม่สามารถยื่นขอ Tasmanian state nomination เพื่อขอ PR subclass 190 แบบ Working in Tasmania ได้ ตัวอย่างของกลุ่มอาชีพต้องห้ามก็จะเป็นการทำงานที่เกี่ยวกับ supermarkets, service stations, limited service restaurants, massage clinics, taxi/uber driving ฯลฯ
  • Overseas applicant (job offer)
    • ได้ job offer จากบริษัทหรือร้านค้าที่ตั้งอยู่ใน Tasmania และจะต้องเป็นตำแหน่งอาชีพที่ขาดแคลน (nominated occupation) ใน Tasmania ด้วย
    • ผู้สมัคร และผู้ติดตาม (ถ้ามี) ต้องไม่ได้อาศัยอยู่ในออสเตรเลียในช่วง 12 เดือน หรือ 1 ปีที่ผ่านมา
    • มีหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับการทำงานที่พิสูจน์ได้ - โดยในส่วนของนายจ้างก็จะมีเงื่อนไขเหมือนกับ requirement ของการขอ PR แบบ Working in Tasmania เช่นเดียวกันครับ
ทั้งหมดนี้ก็จะเป็น requirements ของการขอ PR ภายใต้ subclass 190 ใน Tasmania ด้วยรูปแบบต่างๆนะครับ แต่นอกจาก requirements ในแต่ละรูปแบบที่เราจะตัดสินใจว่าจะเลือกยื่นแบบไหนเนี่ยะ มันก็จะมีข้อกำหนดค่ากลางที่ผู้สมัครทุกคนต้องมีคุณสมบัติดังต่อไปนี้ให้ครบถ้วนอีกด้วยนะครับ ถึงจะยื่นขอ PR ภายใต้ Skilled Nominated visa subclass 190 ของ Tasmania ได้
  1. อายุยังไม่ถึง 45 ปี ในขณะที่ยื่นใบสมัคร
  2. เป็นอาชีพที่อยู่ในลิสต์ที่เป็นที่ต้องการใน Tasmania ยกเว้นการขอ PR แบบ Tasmanian Graduate
  3. มีผลอนุมัติ หรือ positive result ของ skill assessment ในทักษะอาชีพที่ยื่นเข้าไป
  4. มีความสามารถทางภาษาอังกฤษในระดับ Competent English (IELTS เทียบเท่า 6.0 ทุกพาร์ท) ตามไปหาอ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Competent English กันได้ที่ https://visatalkbycpsydney.blogspot.com/2019/10/5-years-study-english-exemptions.html
  5. ได้คะแนนขั้นต่ำอยู่ที่ 65 คะแนน
จบบทความสวยๆด้วยข้อคิดเตือนใจจากน้าหนวดคนดีคนเดิมสักนิดละกัน คือ เข้าใจนะครับว่าหลายๆคนคงอาจจะอยากหาหนทางอยู่ต่อ แล้วก็ยื่นขอ PR ที่จริงทางเลือกนี้ (การย้ายไปเรียนที่ Tasmania) ก็ถือว่าเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจแหล่ะ แต่อยากให้ลองอ่านบทความนี้ดูกันก่อนที่จะตัดสินใจนะครับ...ที่บอกว่าอ้างอิงข้อมูลมาจาก Tasmanian Government website ก็เป็นเรื่องจริงทั้งหมด ลองกดลิงค์แหล่งข้อมูลอ้างอิงกันดูได้ คือ น้ามองว่าที่มีโฆษณาบอกว่า "ย้ายไปเรียนอะไรก็ได้ปีเดียว ก็ขอ PR ได้แล้ว" น้าว่ามันดูง่ายไปหน่อย มันน่าจะต้องมีอะไรอีกสิ เลยลองค้นคว้าหาเรื่องนี้มาอ่านและปรึกษา Migration agent ของทาง CPSydney office ดู แล้วก็ได้ข้อมูลมาตามที่ได้เขียนให้ได้อ่านกันครับ ยังไงก็ลองอ่านและตัดสินใจกันดูเนอะ

ทิ้งท้ายบทความด้วยช่องทางการติดต่อของ CPSydney office เหมือนเดิม ถ้าเป็นเบอร์โทรศัพท์ก็ตามนี้เลยครับ +61 2 9267 8522 หรือถ้าเป็นสาย chat ก็ทักกันมาได้ที่ Facebook page www.facebook.com/cpsyd หรือที่ LINE ID: cpsydney2 ก็สามารถทักทายกันมาได้เช่นเดียวกันนะครับ...เราสามารถให้คำปรึกษาได้ทั้งในเรื่องของวีซ่านักเรียน วีซ่าครอบครัว และวีซ่าทักษะประเภทต่างๆเลยครับ

สุดท้ายก็ฝากกด LIKE หรือ FOLLOW เพจกันด้วยนะครับ จะได้ติดตามข้อมูลต่างๆที่เป็นประโยชน์ไม่ว่าจะเป็นทุนการศึกษา โปรโมชั่นต่างๆ และเรื่องอื่นๆที่น่าสนใจเกี่ยวกับวีซ่าออสเตรเลีย รวมถึงสถานที่ท่องเที่ยวและข่าวสารต่างๆในออสเตรเลียกันได้ครับ...สำหรับฉบับนี้ต้องขอลาไปก่อน แล้วเจอกันใหม่ฉบับหน้านะจ๊ะ

แหล่งข้อมูลอ้างอิง

วางแผนการเรียนอย่างถูกต้อง คำนึงถึงอนาคตของที่ดีของทุกคนในระยะยาว CPSydney สิคะ...วีซ่านักเรียน วีซ่าทักษะ วีซ่าทำงาน และวีซ่าครอบครัวประเภทต่างๆ #AllServicesYouNeedEndHere


#น้าหนวด

วันพฤหัสบดีที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2562

อวสานโลกสวย...ซวยแล้ว 5 years-study English Exemptions!!!

กลับมาแล้ววว วันนี้เราจะไปกันอย่างรวดเร็วไม่ต้องพูดพร่ำทำเพลงทักทายกันให้เสียเวลาเลยนะครับ...ก็ตามหัวข้อเลยนั่นแหล่ะ คือว่า ตั้งแต่วันที่ 12 กันยายนที่ผ่านมา ในวงการ Migration Agent ที่หลายๆคนเข้าใจผิดเรียกว่า "ทนาย" Migration Agent อ่ะ ไม่ใช่ทนายนะ แต่เป็นคนที่มีความรู้ความสามารถเกี่ยวกับข้อกฎหมายในการย้ายถิ่นฐานที่ได้ลงทะเบียนและได้รับการรับรองจาก Migration Institute of Australia...ทนาย จะต้องเป็น lawyer โดยส่วนใหญ่คนที่มีปัญหาเกี่ยวกับวีซ่า ก็ใช้บริการของ Migration Agent ก็เพียงพอแล้วครับ น้อยกรณีมากๆที่จะต้องลามไปถึงการใช้ทนายความจริงๆ

กลับเข้าเรื่องกันต่อ ข้างบนที่เขียนอธิบายเกี่ยวกับเรื่องทนายและ Migration Agent คืออยากให้ความรู้เฉยๆ จะได้เรียกได้ถูกต้องและไม่โดนหลอกครับ...ก็คือในวันที่ดังกล่าวอ่ะ ได้มีการประกาศเปลี่ยนแปลงออกมาจากทาง Department of Home Affairs ว่า "มีการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขของการใช้ระยะเวลาเรียน 5 ปีที่เป็นหลักสูตรภาษาอังกฤษในออสเตรเลีย" #อีหยังวะ โดยให้มีผลบังคับใช้กับผู้สมัครที่ยื่นวีซ่าตั้งแต่วันที่ประกาศเป็นต้นไปเลยนะ แต่ช้าก่อน อย่าเพิ่งตกใจไป เพราะไม่ใช่ว่าทุกประเภทของวีซ่าจะได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ จะมีเพียงแค่วีซ่า 2 ประเภทเท่านั้นได้แก่
  1. Subclass 186 Temporary Residence Transition stream (TRT stream)
  2. Subclass 187 Temporary Residence Transition stream (TRT stream)
วีซ่า 2 ตัวนี้คืออะไร ไหนบอกซิ...ก็สำหรับวีซ่า 2 ตัวที่ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงนี้ก็จะเป็นสำหรับการขอ PR ผ่านทางการมีนายจ้างสปอนเซอร์นั่นเองนะครับ โดยจะนับรวมหมดไม่ว่าจะเป็นคนที่ได้วีซ่านายจ้างสปอนเซอร์ตัวเก่า subclass 457 หรือจะเป็นแบบใหม่ที่ต้องดูตามลิสต์อาชีพ subclass 482 ถ้าจะยื่น PR ด้วยวิธีนี้ก็โดนสัปทานการเปลี่ยนแปลงแบบใหม่ทั้งคู่ครับ

มาเข้ารายละเอียดของการเปลี่ยนแปลงที่ว่ากันต่อออ คือ ก่อนหน้านี้เนี่ยะ คนที่จะยื่นขอ PR ด้วยทั้ง 2 subclass จะต้องมีเอกสารที่พิสูจน์กับอิมมิเกรชั่นได้ว่า ตัวผู้สมัครเองมีความสามารถทางภาษาอังกฤษในระดับ "Competent English" เป็นอย่างน้อย แต่ก็ยังมีข้ออนุโลมให้ว่าสามารถใช้หลักฐานที่ไม่ใช่การสอบที่เป็นที่ยอมรับในรูปแบบต่างๆได้ โดยหลักฐานที่ใช้แทนได้ก็จะเป็นหลักฐานยืนยันการสมัครเรียน (Confirmation of Enrolment หรือที่เรียกกันว่า CoE) และผลการเรียนว่าเรียนจบที่นับระยะเวลาการเรียนได้ 5 ปีเป็นอย่างน้อย (ต้องเป็นการเรียนในออสเตรเลียที่มีการเรียนการสอนเป็นภาษาอังกฤษเท่านั้นด้วยนะ) โดยไม่ได้เข้มงวดมากมายว่าต้องเป็นหลักสูตรอะไร

แต่จากการเปลี่ยนแปลงล่าสุด อิมมิเกรชั่นได้นิยามการใช้หลักฐานตัวนี้ขึ้นมาใหม่แล้วว่า จะใช้ผลการเรียน 5 ปีแทนการพิสูจน์ความสามารถทางภาษาอังกฤษในระดับ competent English ได้ก็ต่อเมื่อ "จะต้องเป็นหลักสูตรในระดับ post-secondary school courses undertaken at university level หรือเทียบเท่า tertiary/higher education studies เท่านั้น" ได้อ่านกันแบบนี้แล้วก็อย่าเพิ่งตีอกชกตัว ตีโพยตีพายไปว่า _ิบหายแล้วไง ต้องเรียนในมหาวิทยาลัยเท่านั้นถึงจะนำหลักฐานการเรียนมาใช้แทนได้...อิมมิเกรชั่นยังไม่ได้ใจร้ายขนาดนั้น เนื่องจากได้มีการขยายความเพิ่มเติมเกี่ยวกับนิยามของหลักสูตรที่นำมาใช้ได้ก็จะพบว่า วุฒิการศึกษาขั้นต่ำที่เขาได้ระบุไว้ก็คือ AQF 5 เทียบเท่า Diploma ยังสามารถใช้ได้อยู่ แต่อย่างไรก็ตาม กลับมีการระบุเพิ่มเติมว่าไม่สามารถใช้วุฒิการเรียนในระดับ Certificate IV และ Diploma ที่เป็นส่วนหนึ่งของการเรียนในหลักสูตรวิชาชีพได้ (Vocational Education and Training: VET) ขยายความเพิ่มเติมได้แบบนี้นะครับ คือ สมมติว่าถ้าลงเรียนเป็นแพคเกจ 3 ปี Certificate IV, Diploma, และ Advanced Diploma ระยะเวลาการเรียนที่นำมาใช้ได้ก็จะเป็นเฉพาะในระดับ Advanced Diploma 1 ปีเท่านั้นครับ หรือถ้าลงเป็น Certificate IV กับ Diploma ก็จะนับแค่คอร์สสุดท้ายที่ AQF 5 เพียงปีเดียวเท่านั้นอยู่ดี เพราะฉะนั้น ถ้าให้น้าแนะนำนะ สอบเถอะ ปลอดภัยสุด555

เกร็ดความรู้ประจำฉบับนี้!! หลายๆคนอาจจะสงสัยว่าที่ไอ้น้าหนวดบอกว่า Competent English เนี่ยะ แล้วเอาเข้าจริงมันเทียบเท่ากับเท่าไหร่หล่ะ...ตรงนี้มีคำตอบครับ ความสามารถในระดับ Competent English อ้างอิงจาก website ของ Department of Home Affairs จะเทียบเท่าได้กับการสอบ IELTS ให้ได้คะแนนไม่ต่ำกว่า 6.0 ในทุกๆพาร์ทๆ!! อย่างไรก็ตาม คงทราบกันดีอยู่แล้วว่าอิมมิเกรชั่นอนุญาตให้ใช้ผลการสอบในรูปแบบอื่นได้ด้วย ไม่ว่าจะเป็น TOEFL, PTE, OET, แล้วก็ Cambridge เพราะฉะนั้นถ้าใครจะสันทัดในการสอบแบบอื่นที่ไม่ใช่ IELTS ก็ดูตามตารางแนบด้านล่างสำหรับคะแนนสอบในรูปแบบต่างๆได้เลยครับ



นอกจากนี้ ถ้าน้องๆได้สังเกตในรายละเอียดภาพประกอบในเรื่องของ English exemptions รวมถึงที่น้าได้พูดถึงไปก่อนหน้านี้เกี่ยวกับ AQF...หลายๆคนอาจจะยังไม่รู้ว่า AQF หรือ Australian Qualifications Framework ได้มีบทบาทสำคัญในวีซ่านักเรียน subclass 500 พอสมควรเลยทีเดียว เพราะในเงื่อนไขของวีซ่านักเรียน Condition 8202 - Meet Course Requirements จะมีอยู่ข้อนึงที่ระบุเกี่ยวกับ AQF ไว้ดังนี้

ก็คือ คนที่ถือวีซ่านักเรียนจะต้องคงสถานะของการเรียนของตัวเองให้ตรงหรือสูงกว่ากับระดับการเรียนที่ทำให้ไดัรับวีซ่านักเรียนมา ถ้าสมมติว่าวีซ่าผ่านมาด้วย CoE ของหลักสูตร Advanced Diploma แต่พอเรียนไปแล้วไม่ชอบ ต้องการจะย้ายโรงเรียนก็ควรจะสมัครเรียนให้ถึง Advanced Diploma ตามเดิม ไม่สามารถสมัครเรียนในระดับการเรียนที่ต่ำลงได้ กรณียกเว้น คือ การเปลี่ยนหลักสูตรจากปริญญาเอก AQF 10 ลงมาเป็นปริญญาโท AQF 9 เท่านั้นถึงจะไม่ต้องเปลี่ยนวีซ่านักเรียนให้ตรงกับหลักสูตรใหม่ที่ย้ายมาเรียนนะจ๊ะ ถ้าใครใคร่รู้ใคร่สงสัยเพิ่มเติมเกี่ยวกับ AQF ก็ตามวาร์ปกันไปได้ที่ https://www.aqf.edu.au/aqf-levels ได้เลยนะครับ

แล้วก็ไหนๆก็พูดถึงเรื่องของเงื่อนไขของวีซ่านักเรียนขึ้นมาแล้ว เรื่องนี้ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญมากๆสำหรับน้องๆหนูๆทุกคนที่ควรจะปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัดด้วยนะครับ อย่าพาตัวเองเข้าไปสู่ปัญหาโดยที่ไม่รูู้ตัว ถ้าทำผิดเงื่อนไขแล้วโดนจับได้ขึ้นมา ผลลัพธ์ก็ VISA CANCELLATION สถานเดียว นะครับ มันไม่มีใครตอบได้หรอกว่าเราจะดวงแตกโดนสุ่มตรวจหรือเปล่า หรือว่าจะโดนสุ่มตรวจเมื่อไหร่ เอาเป็นว่าปลอดภัยไว้ก่อนดีที่สุดครับ ยังไงก็เข้าไปอ่านเงื่อนไขต่างๆของวีซ่านักเรียนกันไว้บ้างนะ #คิดซะว่าน้าสอนละกัน https://immi.homeaffairs.gov.au/visas/already-have-a-visa/check-visa-details-and-conditions/see-your-visa-conditions?product=500#

ส่งท้ายบทความด้วยช่องทางการติดต่อของ CPSydney office เหมือนเดิม ถ้าสะดวกโทรก็ตามนี้เลยครับ +61 2 9267 8522 หรือถ้าชอบ chat ก็ทักกันมาได้ที่ Facebook page messenger www.facebook.com/cpsyd หรือที่ LINE ID: cpsydney2 ก็ได้หมดถ้าสดชื่น...เราสามารถให้คำปรึกษาได้ทั้งในเรื่องของวีซ่านักเรียน วีซ่าครอบครัว และวีซ่าทักษะประเภทต่างๆเลยครับ

สุดท้ายก็ฝากกด LIKE หรือ FOLLOW เพจกันด้วยนะครับ จะได้ติดตามข้อมูลต่างๆที่เป็นประโยชน์ไม่ว่าจะเป็นทุนการศึกษา โปรโมชั่นต่างๆ และเรื่องอื่นๆที่น่าสนใจเกี่ยวกับวีซ่าออสเตรเลีย รวมถึงสถานที่ท่องเที่ยวและข่าวสารต่างๆในออสเตรเลียกันได้ครับ...สำหรับฉบับนี้ต้องขอลาไปก่อน แล้วเจอกันใหม่ฉบับหน้านะจ๊ะ


วางแผนการเรียนอย่างถูกต้อง คำนึงถึงอนาคตของที่ดีของทุกคนในระยะยาว CPSydney สิคะ...วีซ่านักเรียน วีซ่าทักษะ วีซ่าทำงาน และวีซ่าครอบครัวประเภทต่างๆ #AllServicesYouNeedEndHere


#น้าหนวด