กลับมาแล้ววว วันนี้เราจะไปกันอย่างรวดเร็วไม่ต้องพูดพร่ำทำเพลงทักทายกันให้เสียเวลาเลยนะครับ...ก็ตามหัวข้อเลยนั่นแหล่ะ คือว่า ตั้งแต่วันที่ 12 กันยายนที่ผ่านมา ในวงการ Migration Agent ที่หลายๆคนเข้าใจผิดเรียกว่า "ทนาย" Migration Agent อ่ะ ไม่ใช่ทนายนะ แต่เป็นคนที่มีความรู้ความสามารถเกี่ยวกับข้อกฎหมายในการย้ายถิ่นฐานที่ได้ลงทะเบียนและได้รับการรับรองจาก Migration Institute of Australia...ทนาย จะต้องเป็น lawyer โดยส่วนใหญ่คนที่มีปัญหาเกี่ยวกับวีซ่า ก็ใช้บริการของ Migration Agent ก็เพียงพอแล้วครับ น้อยกรณีมากๆที่จะต้องลามไปถึงการใช้ทนายความจริงๆ
กลับเข้าเรื่องกันต่อ ข้างบนที่เขียนอธิบายเกี่ยวกับเรื่องทนายและ Migration Agent คืออยากให้ความรู้เฉยๆ จะได้เรียกได้ถูกต้องและไม่โดนหลอกครับ...ก็คือในวันที่ดังกล่าวอ่ะ ได้มีการประกาศเปลี่ยนแปลงออกมาจากทาง Department of Home Affairs ว่า "มีการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขของการใช้ระยะเวลาเรียน 5 ปีที่เป็นหลักสูตรภาษาอังกฤษในออสเตรเลีย" #อีหยังวะ โดยให้มีผลบังคับใช้กับผู้สมัครที่ยื่นวีซ่าตั้งแต่วันที่ประกาศเป็นต้นไปเลยนะ แต่ช้าก่อน อย่าเพิ่งตกใจไป เพราะไม่ใช่ว่าทุกประเภทของวีซ่าจะได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ จะมีเพียงแค่วีซ่า 2 ประเภทเท่านั้นได้แก่
- Subclass 186 Temporary Residence Transition stream (TRT stream)
- Subclass 187 Temporary Residence Transition stream (TRT stream)
วีซ่า 2 ตัวนี้คืออะไร ไหนบอกซิ...ก็สำหรับวีซ่า 2 ตัวที่ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงนี้ก็จะเป็นสำหรับการขอ PR ผ่านทางการมีนายจ้างสปอนเซอร์นั่นเองนะครับ โดยจะนับรวมหมดไม่ว่าจะเป็นคนที่ได้วีซ่านายจ้างสปอนเซอร์ตัวเก่า subclass 457 หรือจะเป็นแบบใหม่ที่ต้องดูตามลิสต์อาชีพ subclass 482 ถ้าจะยื่น PR ด้วยวิธีนี้ก็โดนสัปทานการเปลี่ยนแปลงแบบใหม่ทั้งคู่ครับ
มาเข้ารายละเอียดของการเปลี่ยนแปลงที่ว่ากันต่อออ คือ ก่อนหน้านี้เนี่ยะ คนที่จะยื่นขอ PR ด้วยทั้ง 2 subclass จะต้องมีเอกสารที่พิสูจน์กับอิมมิเกรชั่นได้ว่า ตัวผู้สมัครเองมีความสามารถทางภาษาอังกฤษในระดับ "Competent English" เป็นอย่างน้อย แต่ก็ยังมีข้ออนุโลมให้ว่าสามารถใช้หลักฐานที่ไม่ใช่การสอบที่เป็นที่ยอมรับในรูปแบบต่างๆได้ โดยหลักฐานที่ใช้แทนได้ก็จะเป็นหลักฐานยืนยันการสมัครเรียน (Confirmation of Enrolment หรือที่เรียกกันว่า CoE) และผลการเรียนว่าเรียนจบที่นับระยะเวลาการเรียนได้ 5 ปีเป็นอย่างน้อย (ต้องเป็นการเรียนในออสเตรเลียที่มีการเรียนการสอนเป็นภาษาอังกฤษเท่านั้นด้วยนะ) โดยไม่ได้เข้มงวดมากมายว่าต้องเป็นหลักสูตรอะไร
แต่จากการเปลี่ยนแปลงล่าสุด อิมมิเกรชั่นได้นิยามการใช้หลักฐานตัวนี้ขึ้นมาใหม่แล้วว่า จะใช้ผลการเรียน 5 ปีแทนการพิสูจน์ความสามารถทางภาษาอังกฤษในระดับ competent English ได้ก็ต่อเมื่อ "จะต้องเป็นหลักสูตรในระดับ post-secondary school courses undertaken at university level หรือเทียบเท่า tertiary/higher education studies เท่านั้น" ได้อ่านกันแบบนี้แล้วก็อย่าเพิ่งตีอกชกตัว ตีโพยตีพายไปว่า _ิบหายแล้วไง ต้องเรียนในมหาวิทยาลัยเท่านั้นถึงจะนำหลักฐานการเรียนมาใช้แทนได้...อิมมิเกรชั่นยังไม่ได้ใจร้ายขนาดนั้น เนื่องจากได้มีการขยายความเพิ่มเติมเกี่ยวกับนิยามของหลักสูตรที่นำมาใช้ได้ก็จะพบว่า วุฒิการศึกษาขั้นต่ำที่เขาได้ระบุไว้ก็คือ AQF 5 เทียบเท่า Diploma ยังสามารถใช้ได้อยู่ แต่อย่างไรก็ตาม กลับมีการระบุเพิ่มเติมว่าไม่สามารถใช้วุฒิการเรียนในระดับ Certificate IV และ Diploma ที่เป็นส่วนหนึ่งของการเรียนในหลักสูตรวิชาชีพได้ (Vocational Education and Training: VET) ขยายความเพิ่มเติมได้แบบนี้นะครับ คือ สมมติว่าถ้าลงเรียนเป็นแพคเกจ 3 ปี Certificate IV, Diploma, และ Advanced Diploma ระยะเวลาการเรียนที่นำมาใช้ได้ก็จะเป็นเฉพาะในระดับ Advanced Diploma 1 ปีเท่านั้นครับ หรือถ้าลงเป็น Certificate IV กับ Diploma ก็จะนับแค่คอร์สสุดท้ายที่ AQF 5 เพียงปีเดียวเท่านั้นอยู่ดี เพราะฉะนั้น ถ้าให้น้าแนะนำนะ สอบเถอะ ปลอดภัยสุด555
เกร็ดความรู้ประจำฉบับนี้!! หลายๆคนอาจจะสงสัยว่าที่ไอ้น้าหนวดบอกว่า Competent English เนี่ยะ แล้วเอาเข้าจริงมันเทียบเท่ากับเท่าไหร่หล่ะ...ตรงนี้มีคำตอบครับ ความสามารถในระดับ Competent English อ้างอิงจาก website ของ Department of Home Affairs จะเทียบเท่าได้กับการสอบ IELTS ให้ได้คะแนนไม่ต่ำกว่า 6.0 ในทุกๆพาร์ทๆ!! อย่างไรก็ตาม คงทราบกันดีอยู่แล้วว่าอิมมิเกรชั่นอนุญาตให้ใช้ผลการสอบในรูปแบบอื่นได้ด้วย ไม่ว่าจะเป็น TOEFL, PTE, OET, แล้วก็ Cambridge เพราะฉะนั้นถ้าใครจะสันทัดในการสอบแบบอื่นที่ไม่ใช่ IELTS ก็ดูตามตารางแนบด้านล่างสำหรับคะแนนสอบในรูปแบบต่างๆได้เลยครับ
นอกจากนี้ ถ้าน้องๆได้สังเกตในรายละเอียดภาพประกอบในเรื่องของ English exemptions รวมถึงที่น้าได้พูดถึงไปก่อนหน้านี้เกี่ยวกับ AQF...หลายๆคนอาจจะยังไม่รู้ว่า AQF หรือ Australian Qualifications Framework ได้มีบทบาทสำคัญในวีซ่านักเรียน subclass 500 พอสมควรเลยทีเดียว เพราะในเงื่อนไขของวีซ่านักเรียน Condition 8202 - Meet Course Requirements จะมีอยู่ข้อนึงที่ระบุเกี่ยวกับ AQF ไว้ดังนี้
เกร็ดความรู้ประจำฉบับนี้!! หลายๆคนอาจจะสงสัยว่าที่ไอ้น้าหนวดบอกว่า Competent English เนี่ยะ แล้วเอาเข้าจริงมันเทียบเท่ากับเท่าไหร่หล่ะ...ตรงนี้มีคำตอบครับ ความสามารถในระดับ Competent English อ้างอิงจาก website ของ Department of Home Affairs จะเทียบเท่าได้กับการสอบ IELTS ให้ได้คะแนนไม่ต่ำกว่า 6.0 ในทุกๆพาร์ทๆ!! อย่างไรก็ตาม คงทราบกันดีอยู่แล้วว่าอิมมิเกรชั่นอนุญาตให้ใช้ผลการสอบในรูปแบบอื่นได้ด้วย ไม่ว่าจะเป็น TOEFL, PTE, OET, แล้วก็ Cambridge เพราะฉะนั้นถ้าใครจะสันทัดในการสอบแบบอื่นที่ไม่ใช่ IELTS ก็ดูตามตารางแนบด้านล่างสำหรับคะแนนสอบในรูปแบบต่างๆได้เลยครับ
นอกจากนี้ ถ้าน้องๆได้สังเกตในรายละเอียดภาพประกอบในเรื่องของ English exemptions รวมถึงที่น้าได้พูดถึงไปก่อนหน้านี้เกี่ยวกับ AQF...หลายๆคนอาจจะยังไม่รู้ว่า AQF หรือ Australian Qualifications Framework ได้มีบทบาทสำคัญในวีซ่านักเรียน subclass 500 พอสมควรเลยทีเดียว เพราะในเงื่อนไขของวีซ่านักเรียน Condition 8202 - Meet Course Requirements จะมีอยู่ข้อนึงที่ระบุเกี่ยวกับ AQF ไว้ดังนี้
- maintain enrolment in a registered course that is the same Australian Qualifications Framework (AQF) level or higher for which we granted your student visa, unless changing from AQF level 10 to level 9.
ก็คือ คนที่ถือวีซ่านักเรียนจะต้องคงสถานะของการเรียนของตัวเองให้ตรงหรือสูงกว่ากับระดับการเรียนที่ทำให้ไดัรับวีซ่านักเรียนมา ถ้าสมมติว่าวีซ่าผ่านมาด้วย CoE ของหลักสูตร Advanced Diploma แต่พอเรียนไปแล้วไม่ชอบ ต้องการจะย้ายโรงเรียนก็ควรจะสมัครเรียนให้ถึง Advanced Diploma ตามเดิม ไม่สามารถสมัครเรียนในระดับการเรียนที่ต่ำลงได้ กรณียกเว้น คือ การเปลี่ยนหลักสูตรจากปริญญาเอก AQF 10 ลงมาเป็นปริญญาโท AQF 9 เท่านั้นถึงจะไม่ต้องเปลี่ยนวีซ่านักเรียนให้ตรงกับหลักสูตรใหม่ที่ย้ายมาเรียนนะจ๊ะ ถ้าใครใคร่รู้ใคร่สงสัยเพิ่มเติมเกี่ยวกับ AQF ก็ตามวาร์ปกันไปได้ที่ https://www.aqf.edu.au/aqf-levels ได้เลยนะครับ
แล้วก็ไหนๆก็พูดถึงเรื่องของเงื่อนไขของวีซ่านักเรียนขึ้นมาแล้ว เรื่องนี้ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญมากๆสำหรับน้องๆหนูๆทุกคนที่ควรจะปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัดด้วยนะครับ อย่าพาตัวเองเข้าไปสู่ปัญหาโดยที่ไม่รูู้ตัว ถ้าทำผิดเงื่อนไขแล้วโดนจับได้ขึ้นมา ผลลัพธ์ก็ VISA CANCELLATION สถานเดียว นะครับ มันไม่มีใครตอบได้หรอกว่าเราจะดวงแตกโดนสุ่มตรวจหรือเปล่า หรือว่าจะโดนสุ่มตรวจเมื่อไหร่ เอาเป็นว่าปลอดภัยไว้ก่อนดีที่สุดครับ ยังไงก็เข้าไปอ่านเงื่อนไขต่างๆของวีซ่านักเรียนกันไว้บ้างนะ #คิดซะว่าน้าสอนละกัน https://immi.homeaffairs.gov.au/visas/already-have-a-visa/check-visa-details-and-conditions/see-your-visa-conditions?product=500#
ส่งท้ายบทความด้วยช่องทางการติดต่อของ CPSydney office เหมือนเดิม ถ้าสะดวกโทรก็ตามนี้เลยครับ +61 2 9267 8522 หรือถ้าชอบ chat ก็ทักกันมาได้ที่ Facebook page messenger www.facebook.com/cpsyd หรือที่ LINE ID: cpsydney2 ก็ได้หมดถ้าสดชื่น...เราสามารถให้คำปรึกษาได้ทั้งในเรื่องของวีซ่านักเรียน วีซ่าครอบครัว และวีซ่าทักษะประเภทต่างๆเลยครับ
สุดท้ายก็ฝากกด LIKE หรือ FOLLOW เพจกันด้วยนะครับ จะได้ติดตามข้อมูลต่างๆที่เป็นประโยชน์ไม่ว่าจะเป็นทุนการศึกษา โปรโมชั่นต่างๆ และเรื่องอื่นๆที่น่าสนใจเกี่ยวกับวีซ่าออสเตรเลีย รวมถึงสถานที่ท่องเที่ยวและข่าวสารต่างๆในออสเตรเลียกันได้ครับ...สำหรับฉบับนี้ต้องขอลาไปก่อน แล้วเจอกันใหม่ฉบับหน้านะจ๊ะ

วางแผนการเรียนอย่างถูกต้อง คำนึงถึงอนาคตของที่ดีของทุกคนในระยะยาว CPSydney สิคะ...วีซ่านักเรียน วีซ่าทักษะ วีซ่าทำงาน และวีซ่าครอบครัวประเภทต่างๆ #AllServicesYouNeedEndHere
#น้าหนวด
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น