มาแล้ว มาแล้ว มาแล้ว VisaTalkByCPSydney ฉบับประจำเดือนกรกฎาคม 2017..ต้องขอโทษด้วยจริงๆ เดือนนี้น้าหนวดมัวแต่ยุ่งอยู่กับการจัดงานสัมมนา CP Sydney Skilled Migration Seminar ในช่วงกลางเดือนที่ผ่านมาครับ ก็จะเป็นงานสัมมนาเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของวีซ่า Skill ที่ผ่านมาทั้งหมดอะไรประมาณนี้ ถ้าใครพลาดงานสัมมนาดังกล่าวไป ก็สามารถลองเข้าไปหาคลิปวีดีโอย้อนหลังได้ที่ www.facebook.com/cpsyd เพราะเราได้ทำการ LIVE สดงานสัมมนาดังกล่าวในวันที่ 14 กรกฎาคมที่ผ่านมาไว้ด้วยนะแจ๊ะ
เอาหล่ะ ทักทายกันพอหอมปากหอมคอพอเป็นกระษัยให้หายคิดถึงกันไปแล้ว..เรามาเข้าเรื่องตามหัวข้อที่เราได้จั่วเอาไว้ดีกว่า "สาระน่ารู้เกี่ยวกับวีซ่านักเรียน และเงื่อนไขต่างๆในวีซ่านักเรียนที่น่าสนใจ!!" ที่จริงหลายๆคนอาจจะมองว่าเป็นเรื่องเดิมๆ แล้วก็จะละเลยหละหลวมไม่สนใจกันไป แต่ไอ้เงื่อนไขต่างๆในวีซ่านักเรียนของเรานี่แหล่ะครับที่อาจจะทำให้หลายๆคนน้ำตาตกในโดนยกเลิกวีซ่ากลายเป็น PE กันมานักต่อนักแล้ว บางคนซ้ำร้ายโดนจับส่งไทยไปเลยก็มี ยังไงวันนี้เรามาลองอ่านกันดู เพื่อเป็นประโยชน์กับน้องๆหลานๆไม่มากก็น้อยนะจ๊ะ
ตั้งแต่ที่มีการเปลี่ยนแปลงของวีซ่านักเรียนในช่วง
2-3
เดือนก่อนหน้านี้ที่ประเทศไทยของเราโดนปรับทัศนคติ ลดระดับความน่าเชื่อถือให้ลงไปอยู่ในกลุ่มประเทศที่มีความน่าเชื่อถือน้อยที่สุด (Level 3) อิมฯก็ได้มีการอัพเดทรูปแบบและข้อมูลต่างๆบนหน้าเวบไซต์ไว้อีกด้วย เพราะฉะนั้นวันนี้ก็คงจะมีทั้งข้อมูลเก่าเอามาเล่าใหม่ และข้อมูลใหม่ๆมาเล่าสู่กันฟัง นอกจากนี้น้าหนวดก็จะเขียนถึงเงื่อนไขต่างๆที่น่าสนใจของวีซ่านักเรียนให้อ่านในฉบับนี้กันอีกด้วย
ก็คงทราบกันดีอยู่แล้วว่าหน้าเวบไซต์ของอิมฯคือ www.border.gov.au แล้วถ้าเราต้องการหาข้อมูลเกี่ยวกับวีซ่านักเรียนก็ให้ไล่หาแถบสีฟ้าหัวข้อ "Individuals and Travellers" แล้วก็กดเลือก "Studying in Australia" พอมาถึงหน้านี้แล้วปุ๊บก็ให้มาคลิกที่ Student
visa (subclass 500) เราก็จะเห็นข้อมูลต่างๆมากมายเกี่ยวกับวีซ่านักเรียน อาทิเช่น
- Visa expiry before graduation คือ ถ้าวีซ่านักเรียนหมดก่อนที่จะเรียนจบหรือรับปริญญา เราอาจจะสามารถขอต่อวีซ่าตัวอื่นๆได้ (ที่ใช้คำว่าอาจจะเพราะว่าอิมฯใช้คำว่า “might be able to”) เช่น วีซ่าท่องเที่ยว โดยที่ควรจะมีจดหมายจากสถาบันการศึกษาของเราที่ระบุว่าเราจะเรียนจบหรือรับปริญญาเมื่อไหร่
- Visa conditions
- Working while studying
- Extend your stay in Australia อันนี้จะต่อยอดมาจากหัวข้อแรก (Visa expiry before graduation) คือ เราต้องออกจากออสเตรเลีย หรือต่อวีซ่าตัวใหม่ก่อนที่วีซ่าตัวปัจจุบันจะหมดลง โดยที่จะสามารถต่อวีซ่าชนิดต่างๆในประเทศออสเตรเลียได้ก็ต่อเมื่อไม่ติดเงื่อน “No Further Stay” (8534 or 8535 condition) ที่ปัจจุบันไม่มีเงื่อนไขเหล่านี้อีกแล้วสำหรับวีซ่านักเรียน subclass 500
- Baby born to student visa holder in Australia คือ ถ้าลูกเกิดในออสเตรเลียขณะที่เราถือวีซ่านักเรียนออสเตรเลียอยู่ ลูกน้อยของเราก็จะได้วีซ่าที่เราถืออยู่โดยอัตโนมัติ นอกจากนี้ในกรณีที่พ่อแม่ของเด็กถือ PR หรือเป็น Australian citizen ณ ตอนที่เด็กเกิด ลูกน้อยของเราก็อาจจะมีสิทธิ์ได้สัญชาติออสเตรเลียโดยกำเนิดได้เหมือนกัน โดยที่หลังจากที่คลอดน้องเราก็ควรจะอัพเดทให้อิมฯทราบด้วยเพื่อหลีกเลี่ยงความล่าช้าของการทำวีซ่าตัวอื่นหรือการขอออกนอกประเทศในอนาคต ซึ่งก็จะสามารถทำได้โดยแนบ Form 1022 Notification of changes in circumstances พร้อมด้วย Australian birth certificate ของลูกน้อย
นอกจากนี้ หลายๆคนคงอาจจะเคยได้ยินมาว่าเราสามารถต่อวีซ่าหลังจากวีซ่าหมดลงได้ภายใน
28 วัน...อันนี้ก็ถือว่าเข้าใจไม่ผิด แต่มันมีอะไรมากกว่านั้น คือ ถ้าเราต่อวีซ่าหลังจากวีซ่าหมดลงภายใน 28
วัน เราจะต้องขอ Bridging Visa C (BVC)
ก่อนด้วย
เพราะตัววีซ่านี้จะออกให้เฉพาะคนที่ต่อวีซ่านักเรียนไม่ทันเท่านั้น
และจะขอได้เพียงแค่ครั้งเดียวในชีวิต ซึ่งการที่จะขอ BVC ได้เนี่ยะเราก็ต้องเขียนอธิบายเหตุผลว่าทำไมเราถึงต่อวีซ่าไม่ทัน
แล้วก็จะอยู่ที่ดุลพินิจของทางเจ้าหน้าที่เขาแล้วว่าจะให้ BVC และให้โอกาสเราในการต่อวีซ่านักเรียนหรือไม่ เพราะฉะนั้นอย่าทำให้ตัวเองตกอยู่ในสถาการณ์อันยากลำบาก ทุกวันนี้การทำวีซ่าธรรมดาก็ยากพอแล้วหนูเอ๊ยยย
โอเค...มาว่าต่อกันที่ในส่วนของ Visa
conditions และ Working while studying ที่ต้องเขียนแยกออกมาต่างหากก็เพราะว่า 2 หัวข้อนี้จะมีรายละเอียดมากกว่า
3 หัวข้อที่เขียนไปแล้วข้างต้น ยังไงก็ลองอ่านตามข้อมูลด้านล่างต่อกันได้เลยครับ
Working
while studying เงื่อนไขนี้
(condition 8105) ถือว่าน่าจะเป็นปัจจัยที่สำคัญอย่างหนึ่งที่ทำให้หลายๆคนตัดสินใจมาเรียนที่ออสเตรเลีย
เพราะจะเป็นเงื่อนไขที่อนุญาตให้เราสามารถทำงาน Part time ได้ด้วยในระหว่างที่เรียนอยู่..เบื้องต้นเชื่อว่าทุกคนคงทราบกันดีอยู่แล้วว่า "เราสามารถทำงานได้ 40
ชั่วโมง/2 สัปดาห์ อย่างถูกต้องตามกฎหมาย แต่ทราบกันหรือไม่ว่ามันมีรายละเอียดมากกว่านั้นนะ
- ทำงานได้กี่ชั่วโมง และเริ่มทำงานได้เมื่อไหร่
- อย่างที่ทราบก็คือ เราสามารถทำงานได้ 40 ชั่วโมง/2 สัปดาห์ และจะสามารถทำงานได้เต็มเหนี่ยว unlimted ในกรณีที่เราเรียนในหลักสูตร Master Research หรือ Doctoral Degree
- สามารถเริ่มทำงานได้ก็ต่อเมื่อเราเริ่มเรียนแล้วเท่านั้น และสามารถทำงานแบบไม่จำกัดในช่วงปิดเทอมได้อีกด้วยนะจ๊ะ เพราะฉะนั้นคนที่มาออสเตรเลียก่อนที่คอร์สเรียนจะเริ่ม ตามเงื่อนไขจะถือว่าเราไม่สามารถทำงานได้นะเออ
- งานที่ไม่นับรวมอยู่ในโควต้าการทำงาน 40 ชั่วโมง/2 สัปดาห์ เอาแบบให้เข้าใจง่ายๆเลยละกันนะ คือ จะเป็นพวกงานอาสาสมัครเพื่อสังคม หรือพวกงานที่ไม่ได้รับค่ารับตอนแทนนั่นเอง ยังไงลองดูคำนิยามจากต้นตำรับเป็นภาษาอังกฤษด้านล่างได้เลยครับผมครับผม
- is of benefit to the community
- is for a non-profit organisation
- is genuinely voluntary (that is, you are not paid either in cash or other board and lodging is acceptable)
- เวลา 2 สัปดาห์ นี่เขานับกันยังไงนะ ภายในระยะเวลา 14 วัน เราจะมีสิทธิ์ทำงานได้ 40 ชั่วโมงเท่านั้น โดยจะเริ่มนับจากวันจันทร์ของสัปดาห์แรกยาวไปจนถึงวันอาทิตย์ของสัปดาห์ที่สอง ยกตัวอย่างเลยคือ เราเริ่มทำงานวันจันทร์ที่ 3 กรกฎาคม 2017 ก็จะต้องนับไปจนถึงวันอาทิตย์ที่ 16 กรกฎาคม 2017 ก็จะครบ 14 วันเป๊ะที่เราจะสามารถทำงานได้ 40 ชั่วโมงตามที่เขาระบุ พอเริ่มวันจันทร์ที่ 17 กรกฎาคม 2017 ก็เริ่มนับชั่วโมงใหม่ที่หนึ่งใหม่ วนไปเรื่อยๆทุกๆ 2 อาาทิตย์ครับ
- คนติดตามทำงานได้กี่ชั่วโมง คือเงื่อนไขการทำงานจะเหมือนคนหลักที่เป็นนักเรียนทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นชั่วโมงการทำงาน เริ่มทำงานได้เมื่อไหร่ และนับวันยังไงให้ครบ 14 วัน...จะมียกเว้นแค่สำหรับคนติดตามนักเรียนปริญญาโทแบบ coursework ที่จะสามารถทำงานได้แบบ unlimited hours เช่นกัน แต่คนหลักที่เป็นนักเรียนจะทำได้แค่ 40 ชั่วโมง/2 สัปดาห์ตามเดิมนาจาาา
Visa
conditions น้าหนวดจะขอเขียนแค่เงื่อนไขวีซ่านักเรียที่น่าสนใจ
หรือเงื่อนไขที่นักเรียนคนไทยมักทำผิดกันเป็นประจำเท่านั้นละกันนะ จะได้ไม่ต้องยืดเยื้อวุ่นวายอะไรมากมาย
- Condition Number 8517 คือ ในกรณีที่คนติดตามของเรายังอยู่ในวัยเรียน (school-age dependents) มาติดตามคนเรียนหลักและอาศัยอยู่ในออสเตรเลียเป็นเวลามากกว่า 3 เดือน คนติดตามคนนั้นควรจะต้องมีหลักฐานการสมัครเรียน และเรียนหนังสือด้วยนะซิฮิ
- Condition Number 8533 คือ นักเรียนต้องแจ้งให้โรงเรียนทราบทุกครั้งที่มีการเปลี่ยนที่อยู่ หรือการเปลี่ยนคอร์สเรียน ที่จริงเงื่อนไขนี้ดูผิวเผินก็ไม่มีอะไรหรอกสักเท่าไหร่ แต่กรณีศึกษาก็คือ เงื่อนไขนี้จะมีผลกระทบกับนักเรียนที่เกเรไม่ไปโรงเรียนจนโรงเรียนแจ้งเตือนว่าจะ report ไปยังอิมฯ เพื่อให้พิจารณายกเลิกวีซ่านักเรียน ละคราวนี้ก่อนที่โรงเรียนจะแจ้งอิมฯเขาก็จะให้โอกาสเราก่อนโดยการออก warning letter มาแจ้งเตือนโดยส่วนใหญ่จะส่งจดหมายไปที่บ้าน ก็เลยเป็นที่มาของเงื่อนไข 8533 ที่ว่าเราต้องอัพเดทหรือแจ้งที่อยู่ใหม่ให้อิมฯทราบทุกครั้ง เพราะถ้าเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นและโดนยกเลิกวีซ่าขึ้นมาจริงๆ เราจะไม่สามารถอ้างได้เลยว่าเราไม่ได้จดหมายเพราะเราเปลี่ยนที่อยู่
- Condition Number 8202 เงื่อนไขนี้เรียกได้ว่าเป็นเงื่อนไขพระเอกเลยก็ว่าได้ เพราะนิยมทำกันเยอะเหลือเกิน ก็คือการเปลี่ยนคอร์สเรียนลงมาเรียนในระดับที่ต่ำลง โอเคจริงอยู่ว่ามันอาจจะไม่ได้มีผลให้ถูกยกเลิกทันทีเพราะนักเรียนในออสเตรเลียมีตั้งเป็นหมื่นเป็นแสนกว่าจะมาตรวจเจอคงไม่ใช่ง่ายๆ แต่มันก็ยังมีผลกระทบต่อการพิจารณาในการต่อวีซ่าครั้งใหม่ด้วยหน่ะสิ...เงื่อนไขตัวนี้ระบุไว้อย่างชัดเจนว่า "You must maintain enrolment in a registered course that is the same level as, or at a higher level than, the registered course for which you were granted a visa." ก็คือ เราต้องเรียนอยู่ในระดับเดิมเป็นอย่างน้อย หรือในระดับที่สูงขึ้นจากวีซ่าที่ granted มา
นอกจากนี้ อิมฯยังระบุเงื่อนไขที่เราต้องเปลี่ยนวีซ่าของการเปลี่ยนคอร์สเรียนกลางคันไว้ดังต่อไปนี้อีกด้วยนะครับ
- ในกรณีที่เปลี่ยนคอร์สเสร็จเรียบร้อยแล้ว และคอร์สใหม่จบก่อนวีซ่าที่ถืออยู่ เราจะต้องออกจากประเทศออสเตรเลีย หรือยื่นวีซ่าใหม่ภายใน 28 วันหลังจากเรียนจบ มิฉะนั้นอาจจะถูกยกเลิกวีซ่าได้
- เงื่อนไขการเปลี่ยนคอร์สสำหรับวีซ่านักเรียน subclass 500 เราจะต้องขอวีซ่าใหม่ ถ้าเราเปลี่ยนมาเรียนในหลักสูตรที่ต่ำลงไม่ว่าจะเรียนกับสถาบันเดิมหรือสถาบันใหม่ก็ตาม ยกเว้นการเปลี่ยนจากปริญญาเอกเป็นปริญญาโทจะไม่ต้องขอวีซ่าใหม่ ตัวอย่างนะครับ เปลี่ยนจาก Bachelor degree ลงมาเป็น Diploma หรือจาก Certificate IV ลงมาเป็นคอร์สเรียนภาษาอังกฤษ ก็จะต้องขอวีซ่าใหม่ทั้งนั้น
- สำหรับนักเรียนที่ยังถือวีซ่านักเรียนแบบเก่าพวกแยก subclass ตั้งแต่ 570 – 576 อยู่ ก็จะมี 2 เงื่อนไขย่อยด้วยกัน
- จากระบบเก่าที่ระดับการเรียนแบ่งออกเป็นโรงเรียน (ประถมศึกษา – มัธยมศึกษา), หลักสูตรภาษาอังกฤษ, หลักสูตรวิชาชีพ และหลักสูตรปริญญา ไม่ว่าจะมีการเปลี่ยนคอร์สเรียนให้สูงขึ้นหรือต่ำลงก็ตาม ก็ควรจะขอวีซ่าใหม่ทันที
- สำหรับคนที่ได้วีซ่าแบบ SVP (Streamlined Visa Processing) มา ถ้ามีการย้ายสถาบัน ก็จะต้องไปลงเรียนกับสถาบันที่เป็น SVP เหมือนเดิมเท่านั้น ถ้าไปลงเรียนกับสถาบันที่เป็น Non-SVP ก็ควรจะต้องขอวีซ่าใหม่ทันทีเหมือนกัน
ทิ้งท้ายฉบับนี้ด้วยโปรโมชั่นดีๆจาก CP Sydney office หน่อยละกัน...กับทุนการศึกษามูลค่าสูงสุดกว่า A$700 เลยทีเดียวเชียวสำหรับน้องๆนักเรียนที่สมัครเรียนและชำระค่าเทอมในหลักสูตรปริญญาตรีขึ้นไปผ่านทาง Sydney office ของเราภายในปี 2017 นี้เท่านั้นนะจ๊ะ นอกจากนี้ยังจะมีสิทธิ์ลุ้นรับโชคชั้นที่ 2 จากการจับฉลากในช่วงสิ้นปี โดยผู้ชนะจะได้รับตั๋วเครื่องบินไปกลับ ซิดนีย์ - กรุงเทพฯ จากทาง CP Sydney office ของเราอีกด้วยนะครับผมครับผม
นอกจากนี้ สำหรับนักเรียนในหลักสูตรก็ไม่ต้องเสียใจไปนะครับ ยังมีโปรโมชั่นส่วนลดอื่นๆอีกมากมายจากทาง CP Sydney office ของเรา ยังไงก็สามารถโทรมาสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ (+61) 2 9267 8522 หรือจะทักทายมาทาง chat Facebook ผ่านทาง www.facebook.com/cpsyd ก็ได้นะครับ
#ด้วยความปรารถนาดีจากCPSydney
#น้าหนวด
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น