วันอาทิตย์ที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2560

สาระน่ารู้เกี่ยวกับวีซ่านักเรียน และเงื่อนไขต่างๆในวีซ่านักเรียนที่น่าสนใจ!!

มาแล้ว มาแล้ว มาแล้ว VisaTalkByCPSydney ฉบับประจำเดือนกรกฎาคม 2017..ต้องขอโทษด้วยจริงๆ เดือนนี้น้าหนวดมัวแต่ยุ่งอยู่กับการจัดงานสัมมนา CP Sydney Skilled Migration Seminar ในช่วงกลางเดือนที่ผ่านมาครับ ก็จะเป็นงานสัมมนาเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของวีซ่า Skill ที่ผ่านมาทั้งหมดอะไรประมาณนี้ ถ้าใครพลาดงานสัมมนาดังกล่าวไป ก็สามารถลองเข้าไปหาคลิปวีดีโอย้อนหลังได้ที่ www.facebook.com/cpsyd เพราะเราได้ทำการ LIVE สดงานสัมมนาดังกล่าวในวันที่ 14 กรกฎาคมที่ผ่านมาไว้ด้วยนะแจ๊ะ

เอาหล่ะ ทักทายกันพอหอมปากหอมคอพอเป็นกระษัยให้หายคิดถึงกันไปแล้ว..เรามาเข้าเรื่องตามหัวข้อที่เราได้จั่วเอาไว้ดีกว่า "สาระน่ารู้เกี่ยวกับวีซ่านักเรียน และเงื่อนไขต่างๆในวีซ่านักเรียนที่น่าสนใจ!!" ที่จริงหลายๆคนอาจจะมองว่าเป็นเรื่องเดิมๆ แล้วก็จะละเลยหละหลวมไม่สนใจกันไป แต่ไอ้เงื่อนไขต่างๆในวีซ่านักเรียนของเรานี่แหล่ะครับที่อาจจะทำให้หลายๆคนน้ำตาตกในโดนยกเลิกวีซ่ากลายเป็น PE กันมานักต่อนักแล้ว บางคนซ้ำร้ายโดนจับส่งไทยไปเลยก็มี ยังไงวันนี้เรามาลองอ่านกันดู เพื่อเป็นประโยชน์กับน้องๆหลานๆไม่มากก็น้อยนะจ๊ะ

ตั้งแต่ที่มีการเปลี่ยนแปลงของวีซ่านักเรียนในช่วง 2-3 เดือนก่อนหน้านี้ที่ประเทศไทยของเราโดนปรับทัศนคติ ลดระดับความน่าเชื่อถือให้ลงไปอยู่ในกลุ่มประเทศที่มีความน่าเชื่อถือน้อยที่สุด (Level 3) อิมฯก็ได้มีการอัพเดทรูปแบบและข้อมูลต่างๆบนหน้าเวบไซต์ไว้อีกด้วย เพราะฉะนั้นวันนี้ก็คงจะมีทั้งข้อมูลเก่าเอามาเล่าใหม่ และข้อมูลใหม่ๆมาเล่าสู่กันฟัง นอกจากนี้น้าหนวดก็จะเขียนถึงเงื่อนไขต่างๆที่น่าสนใจของวีซ่านักเรียนให้อ่านในฉบับนี้กันอีกด้วย

ก็คงทราบกันดีอยู่แล้วว่าหน้าเวบไซต์ของอิมฯคือ www.border.gov.au แล้วถ้าเราต้องการหาข้อมูลเกี่ยวกับวีซ่านักเรียนก็ให้ไล่หาแถบสีฟ้าหัวข้อ "Individuals and Travellers" แล้วก็กดเลือก "Studying in Australia" พอมาถึงหน้านี้แล้วปุ๊บก็ให้มาคลิกที่ Student visa (subclass 500) เราก็จะเห็นข้อมูลต่างๆมากมายเกี่ยวกับวีซ่านักเรียน อาทิเช่น
  1. Visa expiry before graduation คือ ถ้าวีซ่านักเรียนหมดก่อนที่จะเรียนจบหรือรับปริญญา เราอาจจะสามารถขอต่อวีซ่าตัวอื่นๆได้ (ที่ใช้คำว่าอาจจะเพราะว่าอิมฯใช้คำว่า “might be able to”) เช่น วีซ่าท่องเที่ยว โดยที่ควรจะมีจดหมายจากสถาบันการศึกษาของเราที่ระบุว่าเราจะเรียนจบหรือรับปริญญาเมื่อไหร่
  2. Visa conditions
  3. Working while studying
  4. Extend your stay in Australia อันนี้จะต่อยอดมาจากหัวข้อแรก (Visa expiry before graduation) คือ เราต้องออกจากออสเตรเลีย หรือต่อวีซ่าตัวใหม่ก่อนที่วีซ่าตัวปัจจุบันจะหมดลง โดยที่จะสามารถต่อวีซ่าชนิดต่างๆในประเทศออสเตรเลียได้ก็ต่อเมื่อไม่ติดเงื่อน “No Further Stay (8534 or 8535 condition) ที่ปัจจุบันไม่มีเงื่อนไขเหล่านี้อีกแล้วสำหรับวีซ่านักเรียน subclass 500
  5. Baby born to student visa holder in Australia คือ ถ้าลูกเกิดในออสเตรเลียขณะที่เราถือวีซ่านักเรียนออสเตรเลียอยู่ ลูกน้อยของเราก็จะได้วีซ่าที่เราถืออยู่โดยอัตโนมัติ นอกจากนี้ในกรณีที่พ่อแม่ของเด็กถือ PR หรือเป็น Australian citizen ณ ตอนที่เด็กเกิด ลูกน้อยของเราก็อาจจะมีสิทธิ์ได้สัญชาติออสเตรเลียโดยกำเนิดได้เหมือนกัน โดยที่หลังจากที่คลอดน้องเราก็ควรจะอัพเดทให้อิมฯทราบด้วยเพื่อหลีกเลี่ยงความล่าช้าของการทำวีซ่าตัวอื่นหรือการขอออกนอกประเทศในอนาคต ซึ่งก็จะสามารถทำได้โดยแนบ Form 1022 Notification of changes in circumstances พร้อมด้วย Australian birth certificate ของลูกน้อย
นอกจากนี้ หลายๆคนคงอาจจะเคยได้ยินมาว่าเราสามารถต่อวีซ่าหลังจากวีซ่าหมดลงได้ภายใน 28 วัน...อันนี้ก็ถือว่าเข้าใจไม่ผิด แต่มันมีอะไรมากกว่านั้น คือ ถ้าเราต่อวีซ่าหลังจากวีซ่าหมดลงภายใน 28 วัน เราจะต้องขอ Bridging Visa C (BVC) ก่อนด้วย เพราะตัววีซ่านี้จะออกให้เฉพาะคนที่ต่อวีซ่านักเรียนไม่ทันเท่านั้น และจะขอได้เพียงแค่ครั้งเดียวในชีวิต ซึ่งการที่จะขอ BVC ได้เนี่ยะเราก็ต้องเขียนอธิบายเหตุผลว่าทำไมเราถึงต่อวีซ่าไม่ทัน แล้วก็จะอยู่ที่ดุลพินิจของทางเจ้าหน้าที่เขาแล้วว่าจะให้ BVC และให้โอกาสเราในการต่อวีซ่านักเรียนหรือไม่ เพราะฉะนั้นอย่าทำให้ตัวเองตกอยู่ในสถาการณ์อันยากลำบาก ทุกวันนี้การทำวีซ่าธรรมดาก็ยากพอแล้วหนูเอ๊ยยย

โอเค...มาว่าต่อกันที่ในส่วนของ Visa conditions และ Working while studying ที่ต้องเขียนแยกออกมาต่างหากก็เพราะว่า 2 หัวข้อนี้จะมีรายละเอียดมากกว่า 3 หัวข้อที่เขียนไปแล้วข้างต้น ยังไงก็ลองอ่านตามข้อมูลด้านล่างต่อกันได้เลยครับ

Working while studying เงื่อนไขนี้ (condition 8105) ถือว่าน่าจะเป็นปัจจัยที่สำคัญอย่างหนึ่งที่ทำให้หลายๆคนตัดสินใจมาเรียนที่ออสเตรเลีย เพราะจะเป็นเงื่อนไขที่อนุญาตให้เราสามารถทำงาน Part time ได้ด้วยในระหว่างที่เรียนอยู่..เบื้องต้นเชื่อว่าทุกคนคงทราบกันดีอยู่แล้วว่า "เราสามารถทำงานได้ 40 ชั่วโมง/2 สัปดาห์ อย่างถูกต้องตามกฎหมาย แต่ทราบกันหรือไม่ว่ามันมีรายละเอียดมากกว่านั้นนะ
  • ทำงานได้กี่ชั่วโมง และเริ่มทำงานได้เมื่อไหร่
    • อย่างที่ทราบก็คือ เราสามารถทำงานได้ 40 ชั่วโมง/2 สัปดาห์ และจะสามารถทำงานได้เต็มเหนี่ยว unlimted ในกรณีที่เราเรียนในหลักสูตร Master Research หรือ Doctoral Degree
    • สามารถเริ่มทำงานได้ก็ต่อเมื่อเราเริ่มเรียนแล้วเท่านั้น และสามารถทำงานแบบไม่จำกัดในช่วงปิดเทอมได้อีกด้วยนะจ๊ะ เพราะฉะนั้นคนที่มาออสเตรเลียก่อนที่คอร์สเรียนจะเริ่ม ตามเงื่อนไขจะถือว่าเราไม่สามารถทำงานได้นะเออ
  • งานที่ไม่นับรวมอยู่ในโควต้าการทำงาน 40 ชั่วโมง/2 สัปดาห์ เอาแบบให้เข้าใจง่ายๆเลยละกันนะ คือ จะเป็นพวกงานอาสาสมัครเพื่อสังคม หรือพวกงานที่ไม่ได้รับค่ารับตอนแทนนั่นเอง ยังไงลองดูคำนิยามจากต้นตำรับเป็นภาษาอังกฤษด้านล่างได้เลยครับผมครับผม
    • is of benefit to the community
    • is for a non-profit organisation
    • is genuinely voluntary (that is, you are not paid either in cash or other board and lodging is acceptable)
  • เวลา สัปดาห์ นี่เขานับกันยังไงนะ ภายในระยะเวลา 14 วัน เราจะมีสิทธิ์ทำงานได้ 40 ชั่วโมงเท่านั้น โดยจะเริ่มนับจากวันจันทร์ของสัปดาห์แรกยาวไปจนถึงวันอาทิตย์ของสัปดาห์ที่สอง ยกตัวอย่างเลยคือ เราเริ่มทำงานวันจันทร์ที่ กรกฎาคม 2017 ก็จะต้องนับไปจนถึงวันอาทิตย์ที่ 1กรกฎาคม 2017 ก็จะครบ 14 วันเป๊ะที่เราจะสามารถทำงานได้ 40 ชั่วโมงตามที่เขาระบุ พอเริ่มวันจันทร์ที่ 17 กรกฎาคม 2017 ก็เริ่มนับชั่วโมงใหม่ที่หนึ่งใหม่ วนไปเรื่อยๆทุกๆ 2 อาาทิตย์ครับ
  • คนติดตามทำงานได้กี่ชั่วโมง คือเงื่อนไขการทำงานจะเหมือนคนหลักที่เป็นนักเรียนทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นชั่วโมงการทำงาน เริ่มทำงานได้เมื่อไหร่ และนับวันยังไงให้ครบ 14 วัน...จะมียกเว้นแค่สำหรับคนติดตามนักเรียนปริญญาโทแบบ coursework ที่จะสามารถทำงานได้แบบ unlimited hours เช่นกัน แต่คนหลักที่เป็นนักเรียนจะทำได้แค่ 40 ชั่วโมง/2 สัปดาห์ตามเดิมนาจาาา
Source: https://www.border.gov.au/Trav/Stud/More/Work-conditions-for-Student-visa-holders

Visa conditions น้าหนวดจะขอเขียนแค่เงื่อนไขวีซ่านักเรียที่น่าสนใจ หรือเงื่อนไขที่นักเรียนคนไทยมักทำผิดกันเป็นประจำเท่านั้นละกันนะ จะได้ไม่ต้องยืดเยื้อวุ่นวายอะไรมากมาย
  • Condition Number 8517 คือ ในกรณีที่คนติดตามของเรายังอยู่ในวัยเรียน (school-age dependents) มาติดตามคนเรียนหลักและอาศัยอยู่ในออสเตรเลียเป็นเวลามากกว่า 3 เดือน คนติดตามคนนั้นควรจะต้องมีหลักฐานการสมัครเรียน และเรียนหนังสือด้วยนะซิฮิ
  • Condition Number 8533 คือ นักเรียนต้องแจ้งให้โรงเรียนทราบทุกครั้งที่มีการเปลี่ยนที่อยู่ หรือการเปลี่ยนคอร์สเรียน ที่จริงเงื่อนไขนี้ดูผิวเผินก็ไม่มีอะไรหรอกสักเท่าไหร่ แต่กรณีศึกษาก็คือ เงื่อนไขนี้จะมีผลกระทบกับนักเรียนที่เกเรไม่ไปโรงเรียนจนโรงเรียนแจ้งเตือนว่าจะ report ไปยังอิมฯ เพื่อให้พิจารณายกเลิกวีซ่านักเรียน ละคราวนี้ก่อนที่โรงเรียนจะแจ้งอิมฯเขาก็จะให้โอกาสเราก่อนโดยการออก warning letter มาแจ้งเตือนโดยส่วนใหญ่จะส่งจดหมายไปที่บ้าน ก็เลยเป็นที่มาของเงื่อนไข 8533 ที่ว่าเราต้องอัพเดทหรือแจ้งที่อยู่ใหม่ให้อิมฯทราบทุกครั้ง เพราะถ้าเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นและโดนยกเลิกวีซ่าขึ้นมาจริงๆ เราจะไม่สามารถอ้างได้เลยว่าเราไม่ได้จดหมายเพราะเราเปลี่ยนที่อยู่
  • Condition Number 8202 เงื่อนไขนี้เรียกได้ว่าเป็นเงื่อนไขพระเอกเลยก็ว่าได้ เพราะนิยมทำกันเยอะเหลือเกิน ก็คือการเปลี่ยนคอร์สเรียนลงมาเรียนในระดับที่ต่ำลง โอเคจริงอยู่ว่ามันอาจจะไม่ได้มีผลให้ถูกยกเลิกทันทีเพราะนักเรียนในออสเตรเลียมีตั้งเป็นหมื่นเป็นแสนกว่าจะมาตรวจเจอคงไม่ใช่ง่ายๆ แต่มันก็ยังมีผลกระทบต่อการพิจารณาในการต่อวีซ่าครั้งใหม่ด้วยหน่ะสิ...เงื่อนไขตัวนี้ระบุไว้อย่างชัดเจนว่า "You must maintain enrolment in a registered course that is the same level as, or at a higher level than, the registered course for which you were granted a visa." ก็คือ เราต้องเรียนอยู่ในระดับเดิมเป็นอย่างน้อย หรือในระดับที่สูงขึ้นจากวีซ่าที่ granted มา
Source: https://www.border.gov.au/Trav/Stud/More/Visa-conditions/visa-conditions-students

นอกจากนี้ อิมฯยังระบุเงื่อนไขที่เราต้องเปลี่ยนวีซ่าของการเปลี่ยนคอร์สเรียนกลางคันไว้ดังต่อไปนี้อีกด้วยนะครับ
    • ในกรณีที่เปลี่ยนคอร์สเสร็จเรียบร้อยแล้ว และคอร์สใหม่จบก่อนวีซ่าที่ถืออยู่ เราจะต้องออกจากประเทศออสเตรเลีย หรือยื่นวีซ่าใหม่ภายใน 28 วันหลังจากเรียนจบ มิฉะนั้นอาจจะถูกยกเลิกวีซ่าได้
    • เงื่อนไขการเปลี่ยนคอร์สสำหรับวีซ่านักเรียน subclass 500 เราจะต้องขอวีซ่าใหม่ ถ้าเราเปลี่ยนมาเรียนในหลักสูตรที่ต่ำลงไม่ว่าจะเรียนกับสถาบันเดิมหรือสถาบันใหม่ก็ตาม ยกเว้นการเปลี่ยนจากปริญญาเอกเป็นปริญญาโทจะไม่ต้องขอวีซ่าใหม่ ตัวอย่างนะครับ เปลี่ยนจาก Bachelor degree ลงมาเป็น Diploma หรือจาก Certificate IV ลงมาเป็นคอร์สเรียนภาษาอังกฤษ ก็จะต้องขอวีซ่าใหม่ทั้งนั้น
    • สำหรับนักเรียนที่ยังถือวีซ่านักเรียนแบบเก่าพวกแยก subclass ตั้งแต่ 570 – 576 อยู่ ก็จะมี 2 เงื่อนไขย่อยด้วยกัน
      • จากระบบเก่าที่ระดับการเรียนแบ่งออกเป็นโรงเรียน (ประถมศึกษา มัธยมศึกษา), หลักสูตรภาษาอังกฤษ, หลักสูตรวิชาชีพ และหลักสูตรปริญญา ไม่ว่าจะมีการเปลี่ยนคอร์สเรียนให้สูงขึ้นหรือต่ำลงก็ตาม ก็ควรจะขอวีซ่าใหม่ทันที
      • สำหรับคนที่ได้วีซ่าแบบ SVP (Streamlined Visa Processing) มา ถ้ามีการย้ายสถาบัน ก็จะต้องไปลงเรียนกับสถาบันที่เป็น SVP เหมือนเดิมเท่านั้น ถ้าไปลงเรียนกับสถาบันที่เป็น Non-SVP ก็ควรจะต้องขอวีซ่าใหม่ทันทีเหมือนกัน

ทิ้งท้ายฉบับนี้ด้วยโปรโมชั่นดีๆจาก CP Sydney office หน่อยละกัน...กับทุนการศึกษามูลค่าสูงสุดกว่า A$700 เลยทีเดียวเชียวสำหรับน้องๆนักเรียนที่สมัครเรียนและชำระค่าเทอมในหลักสูตรปริญญาตรีขึ้นไปผ่านทาง Sydney office ของเราภายในปี 2017 นี้เท่านั้นนะจ๊ะ นอกจากนี้ยังจะมีสิทธิ์ลุ้นรับโชคชั้นที่ 2 จากการจับฉลากในช่วงสิ้นปี โดยผู้ชนะจะได้รับตั๋วเครื่องบินไปกลับ ซิดนีย์ - กรุงเทพฯ จากทาง CP Sydney office ของเราอีกด้วยนะครับผมครับผม

นอกจากนี้ สำหรับนักเรียนในหลักสูตรก็ไม่ต้องเสียใจไปนะครับ ยังมีโปรโมชั่นส่วนลดอื่นๆอีกมากมายจากทาง CP Sydney office ของเรา ยังไงก็สามารถโทรมาสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ (+61) 2 9267 8522 หรือจะทักทายมาทาง chat Facebook ผ่านทาง www.facebook.com/cpsyd ก็ได้นะครับ

#ด้วยความปรารถนาดีจากCPSydney

#น้าหนวด

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น