วันจันทร์ที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2560

จดทะเบียนสมรสแป๊บเดียว สามารถใช้ยื่นวีซ่าติดตามนักเรียน ได้จริงร่ออออ??

VisaTalkByCPSydney ฉบับเดือนสิงหาคม 2017 มาแล้วจร้าาา...หลังจากที่ฉบับที่แล้วเราได้เขียนให้อ่านเกี่ยวกับวีซ่านักเรียน และเงื่อนไขของวีซ่านักเรียนไปแล้ว มาในฉบับนี้น้าหนวดก็จะข้ามมาเขียนถึงวีซ่าติดตามนักเรียนที่เป็นที่นิยมของหลายๆคน เพราะเข้าใจว่าพอติดตามแล้วจะสามารถทำงานได้ฟูลไทม์ถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งที่จริงแล้วมันไม่ใช่เลยนาจาาา มันก็ทำได้เท่าเดิมตามเงื่อนไขของวีซ่านักเรียนนั่นแหล่ะ ตามที่ได้เขียนไปในฉบับที่แล้ว

"Working while studying เงื่อนไขนี้ (condition 8105) ถือว่าน่าจะเป็นปัจจัยที่สำคัญอย่างหนึ่งที่ทำให้หลายๆคนตัดสินใจมาเรียนที่ออสเตรเลีย เพราะจะเป็นเงื่อนไขที่อนุญาตให้เราสามารถทำงาน Part time ได้ด้วยในระหว่างที่เรียนอยู่..เบื้องต้นเชื่อว่าทุกคนคงทราบกันดีอยู่แล้วว่า "เราสามารถทำงานได้ 40 ชั่วโมง/2 สัปดาห์ อย่างถูกต้องตามกฎหมาย แต่ทราบกันหรือไม่ว่ามันมีรายละเอียดมากกว่านั้นนะ
  • ทำงานได้กี่ชั่วโมง และเริ่มทำงานได้เมื่อไหร่
    • อย่างที่ทราบก็คือ เราสามารถทำงานได้ 40 ชั่วโมง/2 สัปดาห์ และจะสามารถทำงานได้เต็มเหนี่ยว unlimted ในกรณีที่เราเรียนในหลักสูตร Master Research หรือ Doctoral Degree
    • สามารถเริ่มทำงานได้ก็ต่อเมื่อเราเริ่มเรียนแล้วเท่านั้น และสามารถทำงานแบบไม่จำกัดในช่วงปิดเทอมได้อีกด้วยนะจ๊ะ เพราะฉะนั้นคนที่มาออสเตรเลียก่อนที่คอร์สเรียนจะเริ่ม ตามเงื่อนไขจะถือว่าเราไม่สามารถทำงานได้นะเออ
  • งานที่ไม่นับรวมอยู่ในโควต้าการทำงาน 40 ชั่วโมง/2 สัปดาห์ เอาแบบให้เข้าใจง่ายๆเลยละกันนะ คือ จะเป็นพวกงานอาสาสมัครเพื่อสังคม หรือพวกงานที่ไม่ได้รับค่ารับตอนแทนนั่นเอง ยังไงลองดูคำนิยามจากต้นตำรับเป็นภาษาอังกฤษด้านล่างได้เลยครับผมครับผม
    • is of benefit to the community
    • is for a non-profit organisation
    • is genuinely voluntary (that is, you are not paid either in cash or other board and lodging is acceptable)
  • เวลา สัปดาห์ นี่เขานับกันยังไงนะ ภายในระยะเวลา 14 วัน เราจะมีสิทธิ์ทำงานได้ 40 ชั่วโมงเท่านั้น โดยจะเริ่มนับจากวันจันทร์ของสัปดาห์แรกยาวไปจนถึงวันอาทิตย์ของสัปดาห์ที่สอง ยกตัวอย่างเลยคือ เราเริ่มทำงานวันจันทร์ที่ กรกฎาคม 2017 ก็จะต้องนับไปจนถึงวันอาทิตย์ที่ 1กรกฎาคม 2017 ก็จะครบ 14 วันเป๊ะที่เราจะสามารถทำงานได้ 40 ชั่วโมงตามที่เขาระบุ พอเริ่มวันจันทร์ที่ 17 กรกฎาคม 2017 ก็เริ่มนับชั่วโมงใหม่ที่หนึ่งใหม่ วนไปเรื่อยๆทุกๆ 2 อาาทิตย์ครับ
  • คนติดตามทำงานได้กี่ชั่วโมง คือเงื่อนไขการทำงานจะเหมือนคนหลักที่เป็นนักเรียนทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นชั่วโมงการทำงาน เริ่มทำงานได้เมื่อไหร่ และนับวันยังไงให้ครบ 14 วัน...จะมียกเว้นแค่สำหรับคนติดตามนักเรียนปริญญาโทแบบ coursework ที่จะสามารถทำงานได้แบบ unlimited hours เช่นกัน แต่คนหลักที่เป็นนักเรียนจะทำได้แค่ 40 ชั่วโมง/2 สัปดาห์ตามเดิมนาจาาา"
สามารถคลิกอ่านบทความออนไลน์ของ VisaTalkByCPSydney ฉบับเดือนกรกฎาคม "สาระน่ารู้เกี่ยวกับวีซ่านักเรียน และเงื่อนไขต่างๆในวีซ่านักเรียนที่น่าสนใจ!!" ได้ที่ https://visatalkbycpsydney.blogspot.com.au/2017/07/blog-post.html

อ่ะ คราวนี้ก็มาเข้าเรื่องของ "วีซ่าติดตามนักเรียน" กันสักทีน คือ วีซ่าติดตามนักเรียนเนี่ยะก็จะเป็นการทำติดตามกันระหว่างนักเรียนที่อยู่ในสถานะของ Married หรือ De facto โดยจะเป็นความสัมพันธ์แบบต่างเพศ (ชาย-หญิง) หรือเพศเดียวกัน (ชาย-ชาย หรือ หญิง-หญิง) ก็ได้ทั้ง 2 แบบแล้วแต่สะดวกกันเลย ซึ่งแน่นอนว่าสำหรับคู่ที่อยู่ในสถานภาพที่แต่งงานแล้ว ก็จะง่ายหน่อย เพราะเอกสารอะไรต่างๆจะค่อนข้างพร้อม แต่ปัญหามันจะอยู่ที่คู่ที่ยังไม่ได้แต่งนี่หน่ะสิ เพราะจะนับสถานะเป็นได้แค่แบบ De facto เท่านั้น และหลายๆคนก็ยังขาดความเข้าใจตรงนี้ว่า De facto Relationship คืออะไร แค่คิดว่าจดทะเบียนสมรสแค่ 2-3 เดือนก็ยื่นวีซ่าติดตามนักเรียนได้เลย ซึ่งน้าต้องบอกไว้ตรงนี้เลยนะจ๊ะว่า "เมื่อก่อนอ่ะ...อาจจะได้ แต่เดี๋ยวนี้ไม่มีอีกแล้วนะเออ จะมาขี้ตู่ยื่นทะเบียนสมรสที่เพิ่งจดมาได้แค่ไม่กี่เดือน เพื่อทำวีซ่าติดตามนักเรียน มันทำไม่ได้แล้วนะซิ"

เดี๋ยววันนี้น้าหนวดจะมาแถลงไขให้ฟังเกี่ยวกับ De facto Relationship และเอกสารที่ต้องใช้ในการทำวีซ่าติดตามนักเรียนในความสัมพันธ์แบบ De facto Relationship ตามข้อกำหนดที่อิมฯระบุไว้ในหน้าเวบไซต์ของอิมฯมาให้น้องๆนักเรียนได้อ่านกันในฉบับเดือนสิงหาคมนี้ละกันนะครับ

เงื่อนไขของ De facto Relationship ตามที่ระบุไว้บนหน้าเวบไซต์ของอิมมิเกรชั่นคือ To satisfy this requirement, the couple must demonstrate that they have been in a de facto relationship for at least 12 months before the visa application is made. For migration purposes, a person is in a de facto relationship with another person if they:
  • are not married to each other
  • have a mutual commitment to a shared life to the exclusion of all others
  • are in a genuine and continuing relationship
  • live together or do not live separately and apart on a permanent basis
  • are not related by family.
กล่าวคือการที่คู่แฟนหรือคู่รักคู่หนึ่ง หากต้องการจะทำวีซ่าติดตามกัน จะต้องมีหลักฐานที่พิสูจน์ความสัมพันธ์ของทั้ง 2 ได้เป็นเวลาอย่างน้อย 1 ปีก่อนที่จะยื่นวีซ่า โดยคนที่จะนับว่าอยู่ในความสัมพันธ์แบบ De facto Relationship จะต้องอยู่ในเงื่อนไขดังต่อไปนี้
  • ไม่ได้แต่งงานกัน
  • มีพันธะผูกพันธ์อื่นๆร่วมกัน
  • เป็นความสัมพันธ์ต่อเนื่องที่เป็นความจริง
  • อาศัยอยู่ร่วมกัน หรือไม่ได้อาศัยกันคนละที่อย่างถาวร
  • ไม่ได้มีความผูกพันธ์กันทางเครือญาติ
ดูนิยามหรือเงื่อนไขของการอยู่ในความสัมพันธ์กันแบบ De facto Relationship กันไปแล้ว ก็ต้องมาดูที่เอกสารที่อิมฯเขาอยากเห็นกันบ้าง จะได้เชื่อกันสักทีว่าใบทะเบียนสมรสใบเดียว ที่เพิ่งจดกันมาไม่เกิน 2-3 เดือนมันไม่ได้ช่วยอะไรจริงๆนาจาาา

What evidence is considered?
When submitting evidence of a de facto relationship, applicants must be able to demonstrate that their relationship has existed for at least one year before the application is made. Evidence may include but is not limited to:


The history of the relationship through a signed statement regarding:
  • how, when and where the couple first met
  • how the relationship developed
  • the couple's domestic arrangements, that is, how they support each other financially, physically and emotionally and when this level of commitment began
  • any periods of separation, when and why the separation occurred, for how long and how the couple maintained their relationship during the period of separation
  • the couple's future plans.

Financial aspects of the relationship, such as:
  • joint ownership of the house or joint names on a lease
  • correspondence addressed to the couple at the same address
  • details of financial commitments including bank statements, and any joint liabilities.

The nature of the household, such as:
  • any joint responsibility for the care and support of any children
  • the couple's living arrangements including sharing responsibilities within the home.

Social context, such as:
  • evidence that the couple is generally accepted and recognised as a couple socially such as joint invitations
  • evidence of common friends
  • assessments by the couple's friends and family of the relationship
  • joint travel or joint participation in sporting, social or cultural activities.

The couple's commitment to each other, such as:
  • the duration of the relationship including knowledge of each other
  • intention to have a long term relationship, for example, through terms of their wills
  • correspondence and telephone accounts to show that the couple maintained contact during any periods of separation.
สำหรับน้องๆเพื่อนๆที่อยากเข้าไปดูข้อมูลอื่นๆที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับ De facto Relationship แบบ full option ก็สามารถคลิกลิงค์ที่เตรียมไว้ให้ตรงนี้ได้เลยนะครับ จะได้เชื่อว่าน้าไม่ได้โกหก ไม่ได้ขี้จุ๊จริงๆ https://www.border.gov.au/about/corporate/information/fact-sheets/35relationship

ว่ากันด้วยทฤษฎีไปแล้ว คราวนี้ก็มาดูตัวอย่างกรณีปฏิบัติจริงกันบ้าง จะได้เข้าใจภาพรวมกันมากขึ้น ในฉบับนี้น้าหนวดก็จะยกกรณีตัวอย่างมาให้อ่าน 2 กรณีด้วยกัน โดยเป็นเคสที่ทำจริง ผ่านจริง ไม่ใช่สตั๊นท์กับทาง CP Sydney office โดยเพื่อนร่วมงานของน้าหนวดนี่แหล่ะ

เริ่มกันที่กรณีแรก เป็นเคสเก่าของปีที่แล้วที่เป็นความสัมพันธ์แบบเพศเดียวกัน (หญิง-หญิง) คือน้องได้เข้ามาติดต่อเราตั้งแต่ที่มาถึงซิดนีย์ในช่วงสิ้นปี 2015 ว่าอยากทำวีซ่าติดตามนักเรียนกับแฟนโดยที่น้องทั้งคู่ยังไม่มีเอกสารความสัมพันธ์อะไรเลย เราก็เลยแนะนำน้องให้น้องไปเก็บเอกสารเพิ่มเติมต่างๆ หลังจากนั้นเรื่องราวก็เงียบหายไปประมาณ 3-4 เดือนเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น555 อยู่ดีๆน้องก็เข้ามาหาเราที่ออฟฟิศพร้อมหลักฐานบางส่วนที่เราเคยแนะนำไป ซึ่งทางเราคิดว่ามันยังไม่เพียงพอ เลยแนะนำให้น้องทั้ง 2 ไปจด Relationship Registration Certificate เพิ่มเพื่อระบุความสัมพันธ์ของทั้งคู่ว่าเป็นแบบ De facto Relationship จริงๆ โดย certificate ตัวนี้เป็นเอกสารที่จะได้รับการับรองจากทางรัฐ NSW โดยตรง และสามารถช่วยลดระยะเวลาการเก็บเอกสารในเรื่องของความสัมพันธ์ได้อีกด้วย
หลังจากนั้น พอได้ตัว Relationship Registration Certificate มา เราก็ปล่อยให้เอกสารมีอายุสักประมาณ 2-3 เดือน และยื่นวีซ่าให้น้องทั้ง 2 คนในช่วงกลางปี 2016 ในที่สุดวีซ่าติดตามนักเรียนของน้องทั้ง 2 คนก็ผ่านทั้งคู่โดยไม่มีการขอเอกสารความสัมพันธ์เพิ่มเติมจากทางอิมฯแต่อย่างใด สิริรวมใช้เวลาแค่ 2 สัปดาห์หลังจากที่ยื่นวีซ่าไปครับ
หลายๆคนอาจจะตั้งข้อสงสัยว่าทำไมต้องเก็บเอกสารทั้งหมดตั้ง 6 เดือน อันที่จริงตอนที่น้องทั้ง 2 คนได้ตัว Relationship Registration Certificate ก็อาจจะลองยื่นดูเลยก็ได้แหล่ะ แต่เราอยากเอาให้ชัวร์ที่สุด เพราะมันคือความรับผิดชอบของเรา ใครบ้างไม่อยากให้วีซ่าของตัวเองผ่าน จริงไหมหล่ะ อันนี้ลืมเรื่องดึงเชิงไม่ยอมยื่นวีซ่าให้น้องทั้ง 2 คนไปได้เลยนะเออ เพราะวีซ่านักเรียนที่น้องๆได้มาตอนแรกก็ไม่ได้ทำเรื่องกับทางเราแต่อย่างใด เพราะฉะนั้นเราไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียอะไรกับวีซ่านักเรียนก่อนหน้านี้ของน้องๆทั้ง 2 คนเลยครัชชช

เคสแรกผ่านไป มาดูเคสที่ 2 ที่เพิ่งได้วีซ่าผ่านมาสดๆร้อนๆในเดือนที่แล้วกันบ้างดีกว่า คือพี่เขาอยากทำเรื่องให้แฟนที่อยู่ที่ไทยมาเรียนจะได้มาอยู่ด้วยกันที่นี่ เนื่องจากพี่ผู้หญิงได้วีซ่านักเรียนและมาถึงซิดนีย์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งเราก็ถามพี่เขากลับไปว่าจะทำวีซ่าแบบไหนระหว่างทำเป็นนักเรียนมาเองหรือจะให้ทำติดตามวีซ่านักเรียนของพี่มาดีครับ พอได้ยินแบบนี้พี่ผู้หญิงก็งงสิว่าทำได้ด้วยหรอ พี่ไม่เห็นรู้เลย พอเราได้อธิบายให้พี่เขาเข้าใจแล้ว พี่เขาก็บอกว่างั้นเดินเรื่องลุยกับทางน้องเลยค่ะ ซึ่งทุกอย่างก็เป็นไปอย่างรวดเร็ว น่าจะใช้เวลาทั้งหมดแค่ 2 เดือนเองมั้งก็ยื่นวีซ่าติดตามนักเรียนให้พี่ผู้ชายที่อยู่ไทยได้แล้ว คือหลังจากที่เราได้อธิบายขั้นตอน และได้ให้ checklist ที่เราทำให้กับลูกค้าของเรากับพี่เขาไปว่าต้องใช้อะไรบ้าง พี่ทั้ง 2 คนก็น่ารักมากๆ ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ทุกอย่างเลยเป็นไปได้อย่างรวดเร็วและราบรื่นมากๆ...จนในที่สุดเราก็ได้ยื่นวีซ่าไปให้ช่วงปลายเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา และพี่ผู้ชายก็ได้ไปตรวจสุขภาพในวันที่ 13 กรกฎาคมตามที่อิมฯแจ้งขอให้ไปตรวจ และหลังจากที่พี่ผู้ชายได้ส่งใบเสร็จการตรวจสุขภาพมาให้เราอัพเดทเข้าไปในระบบในวันเดียวกันนั้น วีซ่าติดตามนักเรียนของพี่ผู้ชายก็ผ่านทันทีในวันรุ่งขึ้นโดยที่ไม่มีการขอเอกสารหรือสัมภาษณ์ใดๆเพิ่มเติมจากทางอิมฯแม้แต่นิดเดียว สิริทั้งสิ้นใช้เวลาไปทั้งหมดแค่ 15 วันเท่านั้น ซึ่งก็ถือว่าเร็วพอสมควรถ้าเทียบกับระยะเวลาการรอวีซ่านักเรียนที่ยื่นให้กับนักเรียนที่ยังอยู่ที่ไทยในปัจจุบันครับ

นี่ก็เป็นข้อพิสูจน์ได้เป็นอย่างดีว่าหากเราได้รับคำแนะนำที่ถูกต้องไม่ว่าจะเป็นวีซ่านักเรียน วีซ่าติดตามนักเรียน หรือวีซ่าอื่นๆ มีเอกสารของจริงครบตามคำแนะนำที่ถูกต้อง และอยู่ในการดูแลที่ดี วีซ่าก็สามารถผ่านได้ตามปกติ แค่มันอาจจะช้าไม่ทันใจ แต่สุดท้ายมันก็ผ่านอย่างถูกต้องตามที่อิมฯเขาระบุไว้ ไม่เห็นมีความจำเป็นที่จะต้องไปจดทะเบียนสมรสสร้างหลักฐานปลอม หรือไปจ่ายค่าเทอมให้กับคนที่เราไม่รู้จักเลย ถ้าทางอิมฯจับได้ขึ้นมาว่าเป็นเอกสารปลอมไม่เพียงแต่วีซ่าจะไม่ผ่าน ยังมีสิทธิ์ถูกส่งตัวกลับไทยทันที และถูกแบนเป็นเวลา 3 ปีด้วยนะ รุ้กันบ้างหรือเปล่า ห๊ะ!!! เอาจริงๆนะ บางทีเราก็ต้องเลิกนิสัยเอาสะดวกเข้าว่ากันได้แล้ว ที่ทุกวันนี้วีซ่านักเรียนมันยากขึ้นเพราะอะไรก็น่าจะรู้ อย่าให้น้าต้องพูด คิดซะว่าสงสารคนรุ่นหลังลูกๆหลานๆของตัวเองที่เขาตั้งใจจะมาเรียนกันก็ได้ความถูกต้อง มันอาจจะไม่ได้ถูกใจเราเสมอไป แต่ที่นี่กฎของเขาก็เป็นกฎ เจ้าหน้าที่เขาก็ต้องทำตามหน้าที่ของเขา ก็เท่านั้นเอง

ทิ้งท้ายฉบับนี้ด้วยโปรโมชั่นดีๆจาก CP Sydney office เหมียนเดิมมม คือ ทุนการศึกษามูลค่าสูงสุดกว่า A$700 สำหรับน้องๆนักเรียนที่สมัครเรียนและชำระค่าเทอมในหลักสูตรปริญญาตรีขึ้นไปผ่านทาง Sydney office ของเราภายในปี 2017 นี้ นอกจากนี้ยังจะมีสิทธิ์ลุ้นรับโชคชั้นที่ 2 จากการจับฉลากในช่วงสิ้นปี โดยผู้ชนะจะได้รับตั๋วเครื่องบินไปกลับ ซิดนีย์ - กรุงเทพฯ สนับสนุนโดย Central Queensland University, Sydney campus  อีกด้วยนะจ๊ะหลานๆ


นอกจากนี้ สำหรับนักเรียนในหลักสูตรอื่นๆก็ไม่ต้องเสียใจไปนะเออ ทาง CP Sydney office ของเราก็ยังมีโปรโมชั่นส่วนลดอื่นๆเหมือนกัน ยังไงก็สามารถโทรมาสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ (+61) 2 9267 8522 หรือจะทักทายมาทาง chat Facebook ผ่านทาง www.facebook.com/cpsyd ก็ได้นะจ๊ะ

#ด้วยความปรารถนาดีจากCPSydney

#น้าหนวด

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น